JJNY : แอมเนสตี้หวั่นถูกใช้ฟอกขาว│พริษฐ์ชี้ 2 อุปสรรค หลังรุดดับไฟป่า│น้ำมัน WTI ร่วงหลังจีนประกาศ│ไทยตอนบนอากาศร้อน

แอมเนสตี้หวั่นภาพ มินอ่องลาย ร่วม BIMSTEC ถูกใช้ฟอกขาวให้รบ.พม่า จี้อิ๊งค์ทบทวนท่าที
https://www.matichon.co.th/politics/news_5126590
.
.
แอมเนสตี้ ประเทศไทย เรียกร้อง ‘แพทองธาร’ ทบทวนท่าทีต่อ ‘มิน อ่อง ลาย’ ชี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง แม้ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมียนมา
.
เมื่อวันที่ 4 เมษายน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลไทยเปิดประเทศต้อนรับ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมบิมสเทค (BIMSTEC) ที่กรุงเทพฯ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมโลกเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องในเมียนมา เพราะการให้พื้นที่กับผู้นำรัฐประหารในเมียนมาเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดด้านสิทธิมนุษยชนต่อประชาคมโลก
.
บัญชา ลีลาเกื้อกูล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564 กองทัพเมียนมาได้สังหารประชาชนกว่า 6,000 คน ควบคุมตัวบุคคลโดยพลการกว่า 20,000 คน และได้รื้อฟื้นการประหารชีวิตตามคำสั่งศาลอีกครั้งหนึ่ง มีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศกว่า 3.5 ล้านคน กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้บันทึกข้อมูลการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อผู้ที่ถูกกองทัพควบคุมตัว การโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย และการปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม
.
ขณะที่ มิน อ่อง หล่าย เดินทางมาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เมษายน แอมเนสตี้พบว่าสถานการณ์ในเมียนยังมีการละเมิดเรื่องสิทธิมนุษยชนหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากรายงานของสื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา พบว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,065 ราย และผู้บาดเจ็บกว่า 3,900 คน ซึ่งในแต่ละวันพบจำนวนผู้บาดและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัญหาการสื่อสาร ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าตัวเลขที่แท้จริงจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา
.
แอมเนสตี้มีข้อมูลว่าปัจจุบันกองทัพเมียนมายังเดินหน้าโจมตีทางอากาศและโจมตีรูปแบบอื่นๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว รวมถึงพบการขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ที่เป็นทางผ่านที่ตั้งของกลุ่มผู้เห็นต่างจากกองทัพเมียนมา และหลายพื้นที่ประชาชนขาดแคลนน้ำดื่ม อาหาร ที่พักอาศัย ยารักษาโรค และไฟฟ้า ชาวบ้านบางส่วนต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กแทน ในขณะที่คนอีกจำนวนมากต้องอาศัยนอนอยู่ริมถนนโดยใช้เสื่อ ผ้าใบ และกางมุ้งกันยุงหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว
.
การเปิดเวทีระหว่างประเทศให้กับ มิน อ่อง หล่าย ที่มีหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) และศาลอาร์เจนตินา ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากการเนรเทศและการประหัตประหารชาวโรฮีนจาในเมียนมาและบางส่วนในบังกลาเทศเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะการประชุมนี้ไม่ใช่เพียงการประชุมระดับภูมิภาค แต่เป็นเวทีที่อาจถูกใช้เพื่อฟอกขาวภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ทั้งที่ความเป็นจริงพวกเขายังคงใช้ความรุนแรงกับประชาชนของตัวเอง แม้จะมีสถานการณ์แผ่นดินไหวก็ไม่ละเว้นการโจมตีทางอากาศและการโจมตีรูปแบบอื่นๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากลบัญชาระบุ
.
บัญชากล่าวเพิ่มเติมว่า การที่รัฐบาลไทยให้พื้นที่ผู้นำกองทัพเมียนมาที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในครั้งนี้มาร่วมงานการประชุมสุดยอดผู้นำ BIMSTEC อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับประชาคมโลก โดยเฉพาะกับประเทศที่ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ทำลายกระบวนการยุติธรรมสากลและหลักนิติธรรมระหว่างประเทศโดยรวม และการที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) ประเทศไทยจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง
.
ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ต้องเลือกยืนเคียงข้างประชาชนที่ถูกประหัตประหาร การต้อนรับมิน อ่อง หล่าย ที่มีส่วนรับผิดชอบต่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้น ถือเป็นการเพิกเฉยต่อชะตากรรมของประชาชนเมียนมาที่กำลังถูกกดขี่และถูกสังหาร รัฐต่างๆ มีหน้าที่ร่วมกันในการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยในอาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ รัฐบาลไทยต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าให้ความสำคัญเร่งด่วนกับชีวิตผู้คน และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนในเมียนมาจะต้องมาก่อนผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อทำหน้าที่ให้เหมาะสมกับการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติบัญชากล่าว
.

.
พริษฐ์ ชี้ 2 อุปสรรค หลังรุดดับไฟป่าดอยสะเก็ด เผยท้องถิ่นถูกล็อกใช้งบซื้ออุปกรณ์ได้ 4 ชนิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5126722
.
พริษฐ์ ชี้ปัญหาหลัก 2 ข้อ หลังร่วมดับไฟป่าดอยสะเก็ด เผยท้องถิ่นถูกล็อกใช้งบซื้อแค่ 4 ชนิด จ่อนำเรื่องเข้าสภา จี้รัฐลงทุนแก้ไฟป่าจริงจัง
เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากร่วมดับไฟป่าที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยได้เปิดเผยถึงอุปสรรคในการเข้าพื้นที่ดับไฟป่า ที่พบหลังได้เข้าไปปฏิบัติจริง 2 ข้อ โดยระบุข้อความว่า
.
“ภารกิจดับไฟป่า : รัฐจำเป็นต้องลงทุนใน ‘เครื่องมือ’ และ ‘คน’ มากกว่าที่เป็นอยู่
.
วันนี้ ผมและ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคประชาชน ได้เดินทางไปที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อสังเกตการณ์และสนับสนุนกลุ่มส้มสู้ไฟ อาสา และเจ้าหน้าที่ ในภารกิจดับไฟป่า
.
โดยสรุป ผมค้นพบว่าผู้ปฏิบัติหน้าที่หน้างาน ยังคงเผชิญกับ 2 อุปสรรคหลัก
.
1. เครื่องมือ-อุปกรณ์
.
– 1.1. รัฐยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณเพียงพอให้กับอุปกรณ์ที่สำคัญ (เช่น โดรนจับความร้อน ซึ่งสำคัญมากต่อการวางแผนการลุยงานในพื้นที่อย่างตรงจุด) แต่กลับใช้งบประมาณไปกับการจัดสรรกับอุปกรณ์ที่ผู้ปฏิบัติงานสะท้อนว่าไม่ได้เป็นประโยชน์เท่าที่ควร (เช่น ไม้ตบไฟ)
– 1.2. รัฐยังไม่เปิดให้หน่วยงานหรือผู้ปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่ เป็นผู้กำหนดเองว่าอยากใช้งบประมาณไปกับอุปกรณ์อะไร – ท้องถิ่นเองก็ถูกล็อกว่าสามารถใช้งบกับอุปกรณ์ได้แค่ 4 ชนิด (คราด ไม้ตบไฟ ถังฉีดน้ำ เครื่องเป่าลม) แต่ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์นอกเหนือจากนั้นได้ (เช่น โดรน มอเตอร์ไซค์วิบาก)
.
1. คน
– แม้ปีนี้มีการเพิ่มงบประมาณสำหรับการเพิ่มบุคลากรมาทำหน้าที่เป็นจุดเฝ้าระวัง แต่ :
– 2.1. งบดังกล่าวถูกจัดสรรมาสำหรับ 3 เดือน (ก.พ.-เม.ย.) จึงมีความกังวลว่าหากปีนี้ ไฟป่าลามไปถึง พ.ค. อาจเกิดข้อจำกัดเรื่องบุคลากรในการเฝ้าระวังได้
– 2.2. ผู้ปฏิบัติงานบางส่วนยังไม่ได้รับสวัสดิการสำคัญจากรัฐ (เช่น ประกันชีวิต)
.
การไปสำรวจปัญหาหน้างานในวันนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงข้อจำกัดและความท้าทายที่บุคลากรเราต้องเผชิญในการดับไฟป่า อย่างชัดเจนขึ้น
ส.ส. พรรคประชาชน (โดยเฉพาะ ส.ส. Phattarapong Leelaphat – ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาต่อเนื่อง) จะเดินหน้าใช้กลไกทั้งในและนอกสภา เพื่อเสนอแนะรัฐบาลให้มีการลงทุนอย่างจริงจังกับเครื่องมือและกำลังคนที่จำเป็นในการแก้ปัญหาไฟป่าเพื่ออากาศที่ดีสำหรับคนไทย ทั้งเฉพาะหน้า และสำหรับงบประมาณในปีถัดๆไป”
.
https://www.facebook.com/paritw/posts/pfbid02Xozqym3Es9RFASQ6rdr9FhM9LqxxtRuVjeLkBmkV3iGpPqDxk4DN9GW2vNNTEWKgl
.

.
ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 4.96 ดอลลาร์หลังจีนประกาศภาษีโต้สหรัฐ
https://siamrath.co.th/n/613125
.
วันที่ 5 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า น้ำมันดิ่งลง 7% ต่ำสุดในรอบ 3 ปีหลังจีนประกาศภาษีโต้สหรัฐราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์อ้างอิงทั่วโลกตกลงที่ 4.56 ดอลลาร์หรือ 6.5% ลดลงเหลือ 65.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate ของสหรัฐฯ ร่วงลง 4.96 ดอลลาร์หรือ 7.4% ปิดที่ 61.99 ดอลลาร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่