ข้อเสนอนโยบาย: "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" (Government at Your Service: Prompt & For All Thais)
วิสัยทัศน์: เรามุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมการทำงานของภาครัฐไทย ให้บริการประชาชนด้วยความ สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงง่าย เหมือนเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน เราเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอการปฏิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่ ด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม 5 ประการ ดังนี้:
1. บริการฉับไว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก (Streamlined & Speedy Services)
หลักการ: ลดภาระประชาชนและเจ้าหน้าที่ ด้วยการตัดทอนขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และนำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวก
สิ่งที่จะทำ:
ทบทวนทุกกระบวนการ: ให้ทุกหน่วยงานระบุ จุดคอขวดที่ทำให้บริการล่าช้า (เช่น การขอใบอนุญาตก่อสร้าง, การจดทะเบียนธุรกิจ, การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล) และนำเสนอแผนลดขั้นตอนภายใน 30 วัน
ใช้ Digital First: เปลี่ยนจากการยื่นเอกสารกระดาษเป็นการยื่นผ่านระบบออนไลน์ให้มากที่สุด เช่น การขอหนังสือรับรองต่างๆ หรือการยื่นคำร้องเรียน
มอบอำนาจตัดสินใจ: ลดการรออนุมัติหลายทอดหลายชั้น โดยเพิ่มอำนาจให้หัวหน้างานระดับปฏิบัติการสามารถอนุมัติเรื่องที่ไม่ซับซ้อนได้เอง เพื่อความรวดเร็ว
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
การขอใบอนุญาตประกอบกิจการร้านอาหาร จากเดิมต้องติดต่อหลายหน่วยงาน ใช้เวลา 1-2 เดือน ลดเหลือเพียงการยื่นเอกสารครบผ่านระบบออนไลน์ ณ จุดเดียว ใช้เวลาไม่เกิน 7 วันทำการ
การเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ หรือประกันสังคม ลดการสำรองจ่ายและการรอคอย ด้วยการเชื่อมข้อมูลโรงพยาบาลกับหน่วยงานเบิกจ่ายแบบเรียลไทม์
2. เทคโนโลยีนำสมัย บริการง่ายแค่ปลายนิ้ว (Tech-Powered Convenience)
หลักการ: นำศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐได้ทุกที่ ทุกเวลา
สิ่งที่จะทำ:
เชื่อมข้อมูล ลดเอกสารซ้ำซ้อน: ทำให้ฐานข้อมูลสำคัญ (เช่น ทะเบียนราษฎร, ภาษี, ประกันสังคม, ที่ดิน) เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ ประชาชนไม่ต้องยื่นเอกสารเดิมซ้ำๆ เมื่อติดต่อต่างหน่วยงาน
"ทางรัฐ" และ ThaiID เป็นศูนย์กลาง: พัฒนาแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และ "ThaiID" ให้เป็น Super App ของภาครัฐ รวมบริการจำเป็นไว้ในที่เดียว (เช่น ต่อภาษีรถยนต์, เช็คสิทธิ์เลือกตั้ง, ยื่นภาษีเงินได้, นัดหมายทำบัตรประชาชน/พาสปอร์ต) ตั้งเป้าให้ใช้งานได้ครอบคลุม 80% ของบริการพื้นฐานภายใน 6 เดือน
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
ประชาชนสามารถต่ออายุใบขับขี่ผ่านแอปฯ โดยยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID และชำระเงินออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปกรมขนส่งฯ (ยกเว้นกรณีที่ต้องทดสอบสมรรถภาพ)
ผู้ประกอบการตรวจสอบสถานะคำขออนุญาตต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มเดียว ไม่ต้องโทรศัพท์ติดตาม
3. โปร่งใส เปิดเผย สร้างความมั่นใจ (Transparency Builds Trust)
หลักการ: การทำงานที่เปิดเผย ตรวจสอบได้ สร้างความไว้วางใจจากประชาชน
สิ่งที่จะทำ:
เปิดข้อมูลสู่สาธารณะ: เผยแพร่ข้อมูลสำคัญ เช่น งบประมาณรายรับ-รายจ่าย, รายละเอียดโครงการจัดซื้อจัดจ้าง, ความคืบหน้าโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ (เช่น การสร้างถนน, รถไฟฟ้า) บนเว็บไซต์กลางที่เข้าถึงง่ายในรูปแบบที่เข้าใจง่าย (Data Visualization)
รายงานความคืบหน้าสม่ำเสมอ: กำหนดให้ทุกกระทรวง/กรม รายงานผลการดำเนินงานตามแผนและตัวชี้วัดสำคัญผ่านช่องทางออนไลน์ทุกไตรมาส (เริ่มจากกระทรวงที่มีงบประมาณสูงหรือเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง)
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
ประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ว่า งบประมาณซ่อมถนนหน้าบ้านตัวเองถูกจัดสรรไปเท่าไร ใครเป็นผู้รับเหมา และมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว ผ่านเว็บไซต์ "ภาษีไปไหน?" (สมมติ)
เปิดเผยผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการในแต่ละหน่วยงานเป็นรายเดือน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุง
4. พัฒนาคน พัฒนางาน บริการด้วยใจ (Upskilling for Better Service)
หลักการ: บุคลากรภาครัฐคือหัวใจสำคัญของการบริการที่ดี การลงทุนพัฒนาทักษะจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
สิ่งที่จะทำ:
อบรมทักษะดิจิทัลเร่งด่วน: จัดหลักสูตรออนไลน์ฟรี และ Workshop ระยะสั้น (1-3 วัน) เน้นทักษะจำเป็น เช่น การใช้โปรแกรมสำนักงานสมัยใหม่, การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น, การใช้ระบบบริการออนไลน์ของหน่วยงาน, และ ทักษะการสื่อสารและบริการ (Service Mind)
สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้: ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน และสนับสนุนให้บุคลากรนำทักษะใหม่มาพัฒนางานจริง
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
เจ้าหน้าที่อำเภอสามารถใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้คำปรึกษาประชาชนที่อยู่ห่างไกลได้ ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอย่างง่าย เพื่อดูว่าบริการใดมีผู้ใช้มากที่สุด หรือมีปัญหาคอขวดตรงไหน เพื่อนำไปปรับปรุง
5. เป้าหมายชัด วัดผลได้จริง เห็นการเปลี่ยนแปลง (Clear Goals, Measurable Results)
หลักการ: การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ จะทำให้ทุกคนเห็นทิศทางเดียวกัน และประเมินความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
สิ่งที่จะทำ:
กำหนด KPI ที่เน้นผลลัพธ์ต่อประชาชน: ทุกหน่วยงานต้องกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่สะท้อนประสิทธิภาพการบริการโดยตรง เช่น "ลดระยะเวลารอคอยเฉลี่ยในการติดต่อราชการที่สำนักงานเขต จาก 30 นาที เหลือ 15 นาที ภายใน 3 เดือน", "เพิ่มคะแนนความพึงพอใจของประชาชนต่อการใช้บริการผ่านแอปฯ ทางรัฐ 20% ภายใน 6 เดือน"
ติดตามและรายงานผลอย่างเข้มข้น: หัวหน้าหน่วยงานต้องรับผิดชอบต่อ KPI และรายงานผลความคืบหน้าต่อผู้บังคับบัญชาและสาธารณะ (ตามความเหมาะสม) ทุกไตรมาส
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
กรมสรรพากรตั้งเป้าลดระยะเวลาคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉลี่ยเหลือไม่เกิน 7 วันทำการ สำหรับผู้ที่ยื่นผ่านระบบออนไลน์และเอกสารถูกต้องครบถ้วน
สำนักงานประกันสังคมตั้งเป้าลดจำนวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความล่าช้าในการจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานลง 30% ภายใน 6 เดือน
แผนการลงมือทำทันที:
สัปดาห์แรก: นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบาย "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" และมีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเริ่มดำเนินการตามแนวทาง 5 ข้อ โดยเฉพาะการทบทวนกระบวนการและกำหนด KPI เบื้องต้น
เดือนแรก:
เปิดตัวบริการออนไลน์เพิ่มเติม 1-2 อย่างที่เป็นที่ต้องการสูง (เช่น การแจ้งย้ายที่อยู่ออนไลน์)
เริ่มหลักสูตรอบรมทักษะดิจิทัลเร่งด่วนชุดแรกสำหรับข้าราชการ
หน่วยงานส่งแผนลดขั้นตอนฉบับร่าง
สามเดือนแรก:
เห็นผลการลดขั้นตอนในบริการนำร่องบางประเภทอย่างชัดเจน
แอปฯ "ทางรัฐ" มีบริการเพิ่มขึ้นและใช้งานได้เสถียรขึ้น
เริ่มเห็นรายงาน KPI และความคืบหน้าจากหน่วยงานต่างๆ บนช่องทางออนไลน์
บทสรุป:
นโยบาย "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" ไม่ใช่แค่การปรับปรุงการทำงาน แต่คือการ สร้างความเชื่อมั่น และ ส่งมอบชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับพี่น้องประชาชน เราเชื่อมั่นว่าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด และการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่จับต้องได้ในเวลาอันสั้น มาร่วมกันสร้างสรรค์บริการภาครัฐที่คนไทยทุกคนภาคภูมิใจ เริ่มต้นวันนี้ เดี๋ยวนี้!
T-Plus : ถ้า "นายกฯ" สั่งทำ 5 ข้อนี้ ระบบราชการไทยจะดีขึ้นทันที... จริงไหม?
ข้อเสนอนโยบาย: "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" (Government at Your Service: Prompt & For All Thais)
วิสัยทัศน์: เรามุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมการทำงานของภาครัฐไทย ให้บริการประชาชนด้วยความ สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงง่าย เหมือนเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน เราเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอการปฏิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่ ด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม 5 ประการ ดังนี้:
1. บริการฉับไว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก (Streamlined & Speedy Services)
หลักการ: ลดภาระประชาชนและเจ้าหน้าที่ ด้วยการตัดทอนขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และนำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวก
สิ่งที่จะทำ:
ทบทวนทุกกระบวนการ: ให้ทุกหน่วยงานระบุ จุดคอขวดที่ทำให้บริการล่าช้า (เช่น การขอใบอนุญาตก่อสร้าง, การจดทะเบียนธุรกิจ, การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล) และนำเสนอแผนลดขั้นตอนภายใน 30 วัน
ใช้ Digital First: เปลี่ยนจากการยื่นเอกสารกระดาษเป็นการยื่นผ่านระบบออนไลน์ให้มากที่สุด เช่น การขอหนังสือรับรองต่างๆ หรือการยื่นคำร้องเรียน
มอบอำนาจตัดสินใจ: ลดการรออนุมัติหลายทอดหลายชั้น โดยเพิ่มอำนาจให้หัวหน้างานระดับปฏิบัติการสามารถอนุมัติเรื่องที่ไม่ซับซ้อนได้เอง เพื่อความรวดเร็ว
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
การขอใบอนุญาตประกอบกิจการร้านอาหาร จากเดิมต้องติดต่อหลายหน่วยงาน ใช้เวลา 1-2 เดือน ลดเหลือเพียงการยื่นเอกสารครบผ่านระบบออนไลน์ ณ จุดเดียว ใช้เวลาไม่เกิน 7 วันทำการ
การเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ หรือประกันสังคม ลดการสำรองจ่ายและการรอคอย ด้วยการเชื่อมข้อมูลโรงพยาบาลกับหน่วยงานเบิกจ่ายแบบเรียลไทม์
2. เทคโนโลยีนำสมัย บริการง่ายแค่ปลายนิ้ว (Tech-Powered Convenience)
หลักการ: นำศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐได้ทุกที่ ทุกเวลา
สิ่งที่จะทำ:
เชื่อมข้อมูล ลดเอกสารซ้ำซ้อน: ทำให้ฐานข้อมูลสำคัญ (เช่น ทะเบียนราษฎร, ภาษี, ประกันสังคม, ที่ดิน) เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ ประชาชนไม่ต้องยื่นเอกสารเดิมซ้ำๆ เมื่อติดต่อต่างหน่วยงาน
"ทางรัฐ" และ ThaiID เป็นศูนย์กลาง: พัฒนาแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และ "ThaiID" ให้เป็น Super App ของภาครัฐ รวมบริการจำเป็นไว้ในที่เดียว (เช่น ต่อภาษีรถยนต์, เช็คสิทธิ์เลือกตั้ง, ยื่นภาษีเงินได้, นัดหมายทำบัตรประชาชน/พาสปอร์ต) ตั้งเป้าให้ใช้งานได้ครอบคลุม 80% ของบริการพื้นฐานภายใน 6 เดือน
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
ประชาชนสามารถต่ออายุใบขับขี่ผ่านแอปฯ โดยยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID และชำระเงินออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปกรมขนส่งฯ (ยกเว้นกรณีที่ต้องทดสอบสมรรถภาพ)
ผู้ประกอบการตรวจสอบสถานะคำขออนุญาตต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มเดียว ไม่ต้องโทรศัพท์ติดตาม
3. โปร่งใส เปิดเผย สร้างความมั่นใจ (Transparency Builds Trust)
หลักการ: การทำงานที่เปิดเผย ตรวจสอบได้ สร้างความไว้วางใจจากประชาชน
สิ่งที่จะทำ:
เปิดข้อมูลสู่สาธารณะ: เผยแพร่ข้อมูลสำคัญ เช่น งบประมาณรายรับ-รายจ่าย, รายละเอียดโครงการจัดซื้อจัดจ้าง, ความคืบหน้าโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ (เช่น การสร้างถนน, รถไฟฟ้า) บนเว็บไซต์กลางที่เข้าถึงง่ายในรูปแบบที่เข้าใจง่าย (Data Visualization)
รายงานความคืบหน้าสม่ำเสมอ: กำหนดให้ทุกกระทรวง/กรม รายงานผลการดำเนินงานตามแผนและตัวชี้วัดสำคัญผ่านช่องทางออนไลน์ทุกไตรมาส (เริ่มจากกระทรวงที่มีงบประมาณสูงหรือเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง)
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
ประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ว่า งบประมาณซ่อมถนนหน้าบ้านตัวเองถูกจัดสรรไปเท่าไร ใครเป็นผู้รับเหมา และมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว ผ่านเว็บไซต์ "ภาษีไปไหน?" (สมมติ)
เปิดเผยผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการในแต่ละหน่วยงานเป็นรายเดือน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุง
4. พัฒนาคน พัฒนางาน บริการด้วยใจ (Upskilling for Better Service)
หลักการ: บุคลากรภาครัฐคือหัวใจสำคัญของการบริการที่ดี การลงทุนพัฒนาทักษะจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
สิ่งที่จะทำ:
อบรมทักษะดิจิทัลเร่งด่วน: จัดหลักสูตรออนไลน์ฟรี และ Workshop ระยะสั้น (1-3 วัน) เน้นทักษะจำเป็น เช่น การใช้โปรแกรมสำนักงานสมัยใหม่, การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น, การใช้ระบบบริการออนไลน์ของหน่วยงาน, และ ทักษะการสื่อสารและบริการ (Service Mind)
สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้: ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน และสนับสนุนให้บุคลากรนำทักษะใหม่มาพัฒนางานจริง
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
เจ้าหน้าที่อำเภอสามารถใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้คำปรึกษาประชาชนที่อยู่ห่างไกลได้ ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอย่างง่าย เพื่อดูว่าบริการใดมีผู้ใช้มากที่สุด หรือมีปัญหาคอขวดตรงไหน เพื่อนำไปปรับปรุง
5. เป้าหมายชัด วัดผลได้จริง เห็นการเปลี่ยนแปลง (Clear Goals, Measurable Results)
หลักการ: การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ จะทำให้ทุกคนเห็นทิศทางเดียวกัน และประเมินความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
สิ่งที่จะทำ:
กำหนด KPI ที่เน้นผลลัพธ์ต่อประชาชน: ทุกหน่วยงานต้องกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่สะท้อนประสิทธิภาพการบริการโดยตรง เช่น "ลดระยะเวลารอคอยเฉลี่ยในการติดต่อราชการที่สำนักงานเขต จาก 30 นาที เหลือ 15 นาที ภายใน 3 เดือน", "เพิ่มคะแนนความพึงพอใจของประชาชนต่อการใช้บริการผ่านแอปฯ ทางรัฐ 20% ภายใน 6 เดือน"
ติดตามและรายงานผลอย่างเข้มข้น: หัวหน้าหน่วยงานต้องรับผิดชอบต่อ KPI และรายงานผลความคืบหน้าต่อผู้บังคับบัญชาและสาธารณะ (ตามความเหมาะสม) ทุกไตรมาส
ตัวอย่างที่เห็นผลทันที:
กรมสรรพากรตั้งเป้าลดระยะเวลาคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉลี่ยเหลือไม่เกิน 7 วันทำการ สำหรับผู้ที่ยื่นผ่านระบบออนไลน์และเอกสารถูกต้องครบถ้วน
สำนักงานประกันสังคมตั้งเป้าลดจำนวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความล่าช้าในการจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานลง 30% ภายใน 6 เดือน
แผนการลงมือทำทันที:
สัปดาห์แรก: นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบาย "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" และมีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเริ่มดำเนินการตามแนวทาง 5 ข้อ โดยเฉพาะการทบทวนกระบวนการและกำหนด KPI เบื้องต้น
เดือนแรก:
เปิดตัวบริการออนไลน์เพิ่มเติม 1-2 อย่างที่เป็นที่ต้องการสูง (เช่น การแจ้งย้ายที่อยู่ออนไลน์)
เริ่มหลักสูตรอบรมทักษะดิจิทัลเร่งด่วนชุดแรกสำหรับข้าราชการ
หน่วยงานส่งแผนลดขั้นตอนฉบับร่าง
สามเดือนแรก:
เห็นผลการลดขั้นตอนในบริการนำร่องบางประเภทอย่างชัดเจน
แอปฯ "ทางรัฐ" มีบริการเพิ่มขึ้นและใช้งานได้เสถียรขึ้น
เริ่มเห็นรายงาน KPI และความคืบหน้าจากหน่วยงานต่างๆ บนช่องทางออนไลน์
บทสรุป:
นโยบาย "รัฐบริการทันใจ เพื่อคนไทยทุกคน" ไม่ใช่แค่การปรับปรุงการทำงาน แต่คือการ สร้างความเชื่อมั่น และ ส่งมอบชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับพี่น้องประชาชน เราเชื่อมั่นว่าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด และการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่จับต้องได้ในเวลาอันสั้น มาร่วมกันสร้างสรรค์บริการภาครัฐที่คนไทยทุกคนภาคภูมิใจ เริ่มต้นวันนี้ เดี๋ยวนี้!