แผนปฏิบัติการเร่งด่วนและครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2568): ร่วมมือ บูรณาการ ลงมือทำ เพื่อความมั่นคงของชาติ
หลักการ: เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่หลากหลายและซับซ้อนของชาติ เราจึงขอเสนอแนวทางปฏิบัติที่มุ่งเน้นการลงมือทำได้จริงทันที โดยเน้นการบูรณาการและใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร งบประมาณ บุคลากร กฎหมาย และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ขอความร่วมมือในการเสริมสร้างเสถียรภาพในระยะสั้นอย่างครอบคลุมทุกมิติไปด้วยกัน
1. เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อภัยธรรมชาติ (Securing Against Natural Disasters)
แผ่นดินไหว (พื้นที่เสี่ยง: เหนือ, ตะวันตก):
ขอความร่วมมือ: กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับ อปท. พิจารณาเข้าตรวจสอบและเริ่มเสริมความแข็งแรง (Retrofitting) อาคารสาธารณะสำคัญยิ่งยวด (โรงพยาบาลหลัก, โรงเรียนขนาดใหญ่, ศาลากลาง) ในพื้นที่เสี่ยงสูง (เชียงใหม่, เชียงราย, กาญจนบุรี ฯลฯ) โดยใช้เทคนิคมาตรฐานและงบซ่อมบำรุง/งบฉุกเฉินที่มีอยู่
ขอความร่วมมือ: กฟผ. และ กรมชลประทาน พิจารณาและดำเนินการปรับลดระดับน้ำเก็บกักสูงสุด ในเขื่อนขนาดใหญ่ใกล้รอยเลื่อน (ศรีนครินทร์, วชิราลงกรณ) ในช่วงก่อน/ระหว่างฤดูฝน ตามแนวปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำเพื่อความปลอดภัย
ขอความร่วมมือ: กรมอุตุนิยมวิทยา (TMD) ยืนยันความพร้อมและทดสอบ ระบบเชื่อมโยงสถานีตรวจวัดกับช่องทางการแจ้งเตือนสาธารณะ (SMS, แอปฯ "TMD Earthquake", Line Alert) ให้แจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเกณฑ์
อุทกภัยและภัยแล้ง (พื้นที่เสี่ยง: เมืองหลัก, ลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ชี/มูล, ภาคอีสาน):
ขอความร่วมมือ: กรมชลประทาน, กรมโยธาฯ, กทม., และ อปท. ใช้เครื่องจักรและงบประมาณซ่อมบำรุงประจำปี ดำเนินการขุดลอกคูคลอง, กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก และตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำหลัก
ขอความร่วมมือ: กรมทรัพยากรน้ำ/บาดาล, กรมส่งเสริมการเกษตร, กองทุนหมู่บ้าน, และ อปท. อำนวยความสะดวกและสนับสนุน (ทางเทคนิค/งบประมาณบางส่วนที่มี) ให้ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง (โดยเฉพาะอีสาน) พัฒนา/ฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก (สระ, บ่อ, ธนาคารน้ำใต้ดิน) โดยใช้แรงงานและวัสดุในท้องถิ่นเป็นหลัก
ขอความร่วมมือ: กรมชลประทาน ตรวจสอบและซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน เครื่องสูบน้ำและประตูระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำสำคัญ ให้มีความพร้อมใช้งานสูงสุดตลอดฤดูฝน
การกัดเซาะชายฝั่งและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น (พื้นที่เสี่ยง: อ่าวไทยตอนบน, ชายฝั่งทะเลใต้):
ขอความร่วมมือ: กรมโยธาฯ (ส่วนภูมิภาค), กรมทรัพยากรทางทะเลฯ, และ อปท. พิจารณาใช้มาตรการป้องกันชั่วคราว/เฉพาะหน้า ในจุดวิกฤต เช่น สร้างแนวกระสอบทราย/กำแพงกันคลื่นแบบเรียบง่าย (เท่าที่งบประมาณและวัสดุท้องถิ่นเอื้ออำนวย) และปักป้ายเตือนในพื้นที่เสี่ยงน้ำทะเลหนุนสูง
ขอความร่วมมือ: อปท. และ กรมทางหลวงชนบท พิจารณาใช้งบซ่อมบำรุงถนนประจำปี ยกระดับผิวจราจรในจุดที่ถูกน้ำทะเลท่วมซ้ำซากเป็นลำดับแรกๆ
2. เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก (Strengthening Economic Resilience)
การลดการพึ่งพาภายนอกและกระจายรายได้:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม E-commerce ที่มีอยู่ พิจารณาจัดโปรโมชั่น/พื้นที่พิเศษสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์, OTOP, และสินค้าชุมชน
ขอความร่วมมือ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับใช้งบประมาณการตลาดที่มี เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมืองรองและกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน
การจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือน:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงการคลัง, ธปท., สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (ออมสิน, ธ.ก.ส.) และกระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกศูนย์ดำรงธรรม/ศูนย์เรียนรู้ชุมชน/สาขาธนาคาร จัดกิจกรรมให้ความรู้/คำปรึกษาด้านการวางแผนการเงินและการจัดการหนี้สินเบื้องต้น
ขอความร่วมมือ: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มี กำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตให้มีความรัดกุมมากขึ้น
3. สร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน (Ensuring Food and Energy Security)
ความมั่นคงทางอาหาร:
ขอความร่วมมือ: กรมการข้าว, กรมส่งเสริมการเกษตร ใช้สต็อกเมล็ดพันธุ์สำรองที่มี พิจารณาแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชทนแล้ง/อายุสั้น (ข้าว, ข้าวโพด, ถั่ว) ให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากเป็นลำดับแรก
ขอความร่วมมือ: กรมประมง และ อปท. ส่งเสริมและให้คำแนะนำทางเทคนิค แก่ชุมชนในการใช้แหล่งน้ำสาธารณะ/ส่วนบุคคลเลี้ยงปลาเพื่อบริโภคในครัวเรือน/ชุมชน โดยใช้งบประมาณท้องถิ่นเท่าที่จำเป็น
ความมั่นคงทางพลังงาน:
ขอความร่วมมือ: การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.)/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)/การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เร่งรัดการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา อาคารราชการ, โรงเรียน, โรงพยาบาล ตามแผนงานเดิม หรือพิจารณาปรับแผนใช้งบประมาณที่มีอยู่ดำเนินการในจุดที่พร้อมก่อน
4. เสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและการเมือง (Fostering Social and Political Stability)
การลดความเหลื่อมล้ำ:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกตลาดประชารัฐ/ตลาดนัดชุมชนที่มีอยู่ พิจารณาเพิ่มความถี่ หรือขยายพื้นที่ให้ผู้ค้ารายย่อยเข้าถึงได้มากขึ้น
ขอความร่วมมือ: สำนักงบประมาณ และ สภาพัฒน์ฯ พิจารณาจัดสรรงบประมาณที่มีความยืดหยุ่น (เช่น งบกลาง, งบพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด) สนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กที่จำเป็น (ถนน, ไฟฟ้า, ประปา, สัญญาณอินเทอร์เน็ต) ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านกลไก อปท. หรือกองทุนหมู่บ้าน
การลดความขัดแย้งและสร้างความสมานฉันท์:
ขอความร่วมมือ: กรมประชาสัมพันธ์ และสื่อของรัฐ พิจารณาจัดสรรเวลา/พื้นที่ นำเสนอเนื้อหาที่ส่งเสริมความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลาย และการหาทางออกอย่างสันติ
5. บริหารจัดการความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และชายแดน (Managing Geopolitical and Border Risks)
สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน:
ขอความร่วมมือ: กองทัพบก, กองกำลังป้องกันชายแดน, ตำรวจตระเวนชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดนที่ติดกับพื้นที่ขัดแย้ง โดยใช้กำลังพลและทรัพยากรที่มีอยู่ตามแผนเผชิญเหตุ
ขอความร่วมมือ: กระทรวงมหาดไทย (ปภ., ฝ่ายปกครอง) และ อปท. ในจังหวัดชายแดน ตรวจสอบและเตรียมความพร้อม ของสถานที่ที่กำหนดไว้เป็นพื้นที่รองรับผู้หนีภัยความไม่สงบฯ ชั่วคราว (เช่น อาคารโรงเรียน, หอประชุม)
ผลกระทบจากสงครามการค้าและเทคโนโลยี:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงแรงงาน ปรับปรุง/เพิ่มเติมหลักสูตรระยะสั้น ในศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานที่มีอยู่ ให้เน้นทักษะดิจิทัลที่เป็นที่ต้องการ (เช่น การตลาดออนไลน์, การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น, การใช้ AI)
ขอความร่วมมือ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อำนวยความสะดวกและเร่งรัดกระบวนการ สำหรับนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยใช้สิทธิประโยชน์และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
6. เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข (Enhancing Public Health Preparedness)
การป้องกันและควบคุมโรคระบาด:
ขอความร่วมมือ: กรมควบคุมโรค และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คงความเข้มงวดหรือเพิ่มการเฝ้าระวัง ผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงตามสถานการณ์ โดยใช้เครื่องมือ (เครื่องวัดอุณหภูมิ) และบุคลากรที่มีอยู่
ขอความร่วมมือ: กระทรวงสาธารณสุข, องค์การเภสัชกรรม ตรวจสอบและบริหารจัดการสต็อก เวชภัณฑ์ ยา และอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐาน (หน้ากาก, เจลแอลกอฮอล์, ชุดตรวจเบื้องต้น) ในสถานพยาบาลทุกระดับให้มีเพียงพอต่อสถานการณ์ปกติ และมีแผนสำรองเร่งด่วน
กลไกขับเคลื่อน:
บูรณาการ: ททุกหน่วยงานร่วมมือกันและแชร์ทรัพยากร
ติดตามเร่งรัด: เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น อาจมีการมอบหมายให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือ ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ติดตามความคืบหน้าและรายงานผลโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี
สื่อสารสาธารณะ: สื่อสารให้ประชาชนทราบถึงการดำเนินการของภาครัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่น
ผลที่คาดว่าจะได้รับ:
สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน
แผนปฏิบัติการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติอย่างเป็นรูปธรรมและทันท่วงที โดยอาศัย "ความร่วมมือ การบูรณาการ และการลงมือทำทันที" เป็นหัวใจสำคัญ เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราจะสามารถสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
T-Plus : แผนการพัฒนาประเทศ ep.2 (2568)
หลักการ: เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่หลากหลายและซับซ้อนของชาติ เราจึงขอเสนอแนวทางปฏิบัติที่มุ่งเน้นการลงมือทำได้จริงทันที โดยเน้นการบูรณาการและใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร งบประมาณ บุคลากร กฎหมาย และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ขอความร่วมมือในการเสริมสร้างเสถียรภาพในระยะสั้นอย่างครอบคลุมทุกมิติไปด้วยกัน
1. เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อภัยธรรมชาติ (Securing Against Natural Disasters)
แผ่นดินไหว (พื้นที่เสี่ยง: เหนือ, ตะวันตก):
ขอความร่วมมือ: กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับ อปท. พิจารณาเข้าตรวจสอบและเริ่มเสริมความแข็งแรง (Retrofitting) อาคารสาธารณะสำคัญยิ่งยวด (โรงพยาบาลหลัก, โรงเรียนขนาดใหญ่, ศาลากลาง) ในพื้นที่เสี่ยงสูง (เชียงใหม่, เชียงราย, กาญจนบุรี ฯลฯ) โดยใช้เทคนิคมาตรฐานและงบซ่อมบำรุง/งบฉุกเฉินที่มีอยู่
ขอความร่วมมือ: กฟผ. และ กรมชลประทาน พิจารณาและดำเนินการปรับลดระดับน้ำเก็บกักสูงสุด ในเขื่อนขนาดใหญ่ใกล้รอยเลื่อน (ศรีนครินทร์, วชิราลงกรณ) ในช่วงก่อน/ระหว่างฤดูฝน ตามแนวปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำเพื่อความปลอดภัย
ขอความร่วมมือ: กรมอุตุนิยมวิทยา (TMD) ยืนยันความพร้อมและทดสอบ ระบบเชื่อมโยงสถานีตรวจวัดกับช่องทางการแจ้งเตือนสาธารณะ (SMS, แอปฯ "TMD Earthquake", Line Alert) ให้แจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเกณฑ์
อุทกภัยและภัยแล้ง (พื้นที่เสี่ยง: เมืองหลัก, ลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ชี/มูล, ภาคอีสาน):
ขอความร่วมมือ: กรมชลประทาน, กรมโยธาฯ, กทม., และ อปท. ใช้เครื่องจักรและงบประมาณซ่อมบำรุงประจำปี ดำเนินการขุดลอกคูคลอง, กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก และตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำหลัก
ขอความร่วมมือ: กรมทรัพยากรน้ำ/บาดาล, กรมส่งเสริมการเกษตร, กองทุนหมู่บ้าน, และ อปท. อำนวยความสะดวกและสนับสนุน (ทางเทคนิค/งบประมาณบางส่วนที่มี) ให้ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง (โดยเฉพาะอีสาน) พัฒนา/ฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก (สระ, บ่อ, ธนาคารน้ำใต้ดิน) โดยใช้แรงงานและวัสดุในท้องถิ่นเป็นหลัก
ขอความร่วมมือ: กรมชลประทาน ตรวจสอบและซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน เครื่องสูบน้ำและประตูระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำสำคัญ ให้มีความพร้อมใช้งานสูงสุดตลอดฤดูฝน
การกัดเซาะชายฝั่งและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น (พื้นที่เสี่ยง: อ่าวไทยตอนบน, ชายฝั่งทะเลใต้):
ขอความร่วมมือ: กรมโยธาฯ (ส่วนภูมิภาค), กรมทรัพยากรทางทะเลฯ, และ อปท. พิจารณาใช้มาตรการป้องกันชั่วคราว/เฉพาะหน้า ในจุดวิกฤต เช่น สร้างแนวกระสอบทราย/กำแพงกันคลื่นแบบเรียบง่าย (เท่าที่งบประมาณและวัสดุท้องถิ่นเอื้ออำนวย) และปักป้ายเตือนในพื้นที่เสี่ยงน้ำทะเลหนุนสูง
ขอความร่วมมือ: อปท. และ กรมทางหลวงชนบท พิจารณาใช้งบซ่อมบำรุงถนนประจำปี ยกระดับผิวจราจรในจุดที่ถูกน้ำทะเลท่วมซ้ำซากเป็นลำดับแรกๆ
2. เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก (Strengthening Economic Resilience)
การลดการพึ่งพาภายนอกและกระจายรายได้:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม E-commerce ที่มีอยู่ พิจารณาจัดโปรโมชั่น/พื้นที่พิเศษสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์, OTOP, และสินค้าชุมชน
ขอความร่วมมือ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับใช้งบประมาณการตลาดที่มี เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมืองรองและกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน
การจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือน:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงการคลัง, ธปท., สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (ออมสิน, ธ.ก.ส.) และกระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกศูนย์ดำรงธรรม/ศูนย์เรียนรู้ชุมชน/สาขาธนาคาร จัดกิจกรรมให้ความรู้/คำปรึกษาด้านการวางแผนการเงินและการจัดการหนี้สินเบื้องต้น
ขอความร่วมมือ: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มี กำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตให้มีความรัดกุมมากขึ้น
3. สร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน (Ensuring Food and Energy Security)
ความมั่นคงทางอาหาร:
ขอความร่วมมือ: กรมการข้าว, กรมส่งเสริมการเกษตร ใช้สต็อกเมล็ดพันธุ์สำรองที่มี พิจารณาแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชทนแล้ง/อายุสั้น (ข้าว, ข้าวโพด, ถั่ว) ให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากเป็นลำดับแรก
ขอความร่วมมือ: กรมประมง และ อปท. ส่งเสริมและให้คำแนะนำทางเทคนิค แก่ชุมชนในการใช้แหล่งน้ำสาธารณะ/ส่วนบุคคลเลี้ยงปลาเพื่อบริโภคในครัวเรือน/ชุมชน โดยใช้งบประมาณท้องถิ่นเท่าที่จำเป็น
ความมั่นคงทางพลังงาน:
ขอความร่วมมือ: การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.)/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)/การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เร่งรัดการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา อาคารราชการ, โรงเรียน, โรงพยาบาล ตามแผนงานเดิม หรือพิจารณาปรับแผนใช้งบประมาณที่มีอยู่ดำเนินการในจุดที่พร้อมก่อน
4. เสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและการเมือง (Fostering Social and Political Stability)
การลดความเหลื่อมล้ำ:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกตลาดประชารัฐ/ตลาดนัดชุมชนที่มีอยู่ พิจารณาเพิ่มความถี่ หรือขยายพื้นที่ให้ผู้ค้ารายย่อยเข้าถึงได้มากขึ้น
ขอความร่วมมือ: สำนักงบประมาณ และ สภาพัฒน์ฯ พิจารณาจัดสรรงบประมาณที่มีความยืดหยุ่น (เช่น งบกลาง, งบพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด) สนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กที่จำเป็น (ถนน, ไฟฟ้า, ประปา, สัญญาณอินเทอร์เน็ต) ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านกลไก อปท. หรือกองทุนหมู่บ้าน
การลดความขัดแย้งและสร้างความสมานฉันท์:
ขอความร่วมมือ: กรมประชาสัมพันธ์ และสื่อของรัฐ พิจารณาจัดสรรเวลา/พื้นที่ นำเสนอเนื้อหาที่ส่งเสริมความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลาย และการหาทางออกอย่างสันติ
5. บริหารจัดการความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และชายแดน (Managing Geopolitical and Border Risks)
สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน:
ขอความร่วมมือ: กองทัพบก, กองกำลังป้องกันชายแดน, ตำรวจตระเวนชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดนที่ติดกับพื้นที่ขัดแย้ง โดยใช้กำลังพลและทรัพยากรที่มีอยู่ตามแผนเผชิญเหตุ
ขอความร่วมมือ: กระทรวงมหาดไทย (ปภ., ฝ่ายปกครอง) และ อปท. ในจังหวัดชายแดน ตรวจสอบและเตรียมความพร้อม ของสถานที่ที่กำหนดไว้เป็นพื้นที่รองรับผู้หนีภัยความไม่สงบฯ ชั่วคราว (เช่น อาคารโรงเรียน, หอประชุม)
ผลกระทบจากสงครามการค้าและเทคโนโลยี:
ขอความร่วมมือ: กระทรวงแรงงาน ปรับปรุง/เพิ่มเติมหลักสูตรระยะสั้น ในศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานที่มีอยู่ ให้เน้นทักษะดิจิทัลที่เป็นที่ต้องการ (เช่น การตลาดออนไลน์, การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น, การใช้ AI)
ขอความร่วมมือ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อำนวยความสะดวกและเร่งรัดกระบวนการ สำหรับนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยใช้สิทธิประโยชน์และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
6. เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข (Enhancing Public Health Preparedness)
การป้องกันและควบคุมโรคระบาด:
ขอความร่วมมือ: กรมควบคุมโรค และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คงความเข้มงวดหรือเพิ่มการเฝ้าระวัง ผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงตามสถานการณ์ โดยใช้เครื่องมือ (เครื่องวัดอุณหภูมิ) และบุคลากรที่มีอยู่
ขอความร่วมมือ: กระทรวงสาธารณสุข, องค์การเภสัชกรรม ตรวจสอบและบริหารจัดการสต็อก เวชภัณฑ์ ยา และอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐาน (หน้ากาก, เจลแอลกอฮอล์, ชุดตรวจเบื้องต้น) ในสถานพยาบาลทุกระดับให้มีเพียงพอต่อสถานการณ์ปกติ และมีแผนสำรองเร่งด่วน
กลไกขับเคลื่อน:
บูรณาการ: ททุกหน่วยงานร่วมมือกันและแชร์ทรัพยากร
ติดตามเร่งรัด: เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น อาจมีการมอบหมายให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือ ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ติดตามความคืบหน้าและรายงานผลโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี
สื่อสารสาธารณะ: สื่อสารให้ประชาชนทราบถึงการดำเนินการของภาครัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่น
ผลที่คาดว่าจะได้รับ:
สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน
แผนปฏิบัติการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติอย่างเป็นรูปธรรมและทันท่วงที โดยอาศัย "ความร่วมมือ การบูรณาการ และการลงมือทำทันที" เป็นหัวใจสำคัญ เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราจะสามารถสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน