ไปไหนไม่ได้ เพราะคำว่าต้องดูแลพ่อ

ขอเริ่มต้นจากการที่ครอบครัวของเราพ่อกับแม่มีลูกทั้งหมด 3 คน พี่ชายเราเป็นคนโต เราผู้หญิงเป็นลูกคนกลาง และมีน้องสาวอีก 1 คน เป็นคนสุดท้อง ตั้งแต่เล็กจนโตเรารับรู้ด้วยความรู้สึกที่ได้รับจากพ่อแม่คือ แม่จะรักพี่ชายเรามาก ส่วนพ่อจะรักน้องสาวคนสุดท้องมาก (พ่อแม่จะเห่อคนโต โอ๋คนน้อง คนกลางช่างมัน 5555) ซึ่งกับเราก็รักนั้นแหละ  แต่จะไม่ค่อยห่วงเท่าพี่ชายและน้องสาวเรา หากเพราะเราเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง การเรียนใช้ได้ ไม่ค่อยมีอะไรน่าห่วง พี่ชายเรามีโอกาสได้ไปเรียนต่อ ม.ดัง ที่ กทม. ส่วนตัวเราได้เรียน ม. ๆ หนึ่งในจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้  เรากับพี่ชายเราห่างกัน 5 ปี จริงๆ แล้วพ่อกับแม่ตั้งใจมีลูกแค่ 2 คน คือ ชายคน หญิงคน พอคลอดเราแล้วแม่ทำหมันเลย แต่สุดท้ายหมันหลุด เราจึงได้น้องสาวมาเพิ่ม 1 คน  แม่เราสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง (เบาหวานลงไต และไตเสื่อม) เสียชีวิตไปตอนอายุได้ 50ต้นๆ  หลังจากแม่เสียไปได้ 2 ปี พ่อเราก็เริ่มไม่แข็งแรงเนื่องจากพ่อทำงานหนักมานาน ดื่มหนักและเป็นเบาหวานลงไตเช่นกัน ลูกๆจึงลงความเห็นว่าพ่อไม่ต้องทำงานแล้ว อยู่บ้านเฉย ๆไปได้เลย เพราะต้องฟอกเลือดอาทิตย์ละ 3 วัน ทำงานหนักไม่ได้แล้ว ลูกๆ สามคนตัดสินใจขายบ้านซึ่งเป็นมรดกที่แม่ยกไว้ให้หลังจากเสียไป เคลียร์หนี้ที่มี ปิดหนี้ธนาคาร และมาต่อเติมบ้านที่เคยมีไว้ให้เค้าเช่าทำเป็นที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ตอนนี้ไม่มีหนี้ อยู่สบาย กินเงินเดือนประจำที่ทำอยู่
      
           คนที่ดูแลพ่อเป็นหลัก คือเราที่เป็นลูกผู้หญิง เพราะเราอยู่บ้านหลังเดียวกับพ่อ (น้องสาวของเราแต่งงานแยกบ้านและย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างอำเภอ)
ส่วนพี่ชายอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง แต่อยู่ในซอยเดียวกัน พี่ชายเราไม่เคยช่วยเรา เรื่องงานบ้าน หรือเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อเลย สิ่งที่เราต้องเจอทุกวัน คือ พ่อเราเป็นคนที่ไม่ค่อยรักษาความสะอาดเท่าไร (ทั้งฉี่ใส่ขวด สูบบุหรี่ในห้องนอน) ทั้งๆที่ตัวท่านเองเป็นผู้ป่วยที่ต้องรับการฟอกเลือดอยู่เป็นประจำ ห้องต้องสะอาด  ใช่ค่ะ เราเป็นคนที่ต้องเก็บและทำความสะอาดเกือบทุกวัน เพราะกลัวท่านติดเชื้อ เรายังไม่อยากเสียท่านไป เราร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ ในบางครั้งเราอารมณ์เสียใส่ท่านอยู่บ่อย เราเหนื่อยจากงานประจำแล้วต้องมาเหนื่อยกับงานบ้านอีก เราพยายามใจเย็นไม่ขึ้นเสียงใส่ท่าน เพราะเราคิดเสมอว่าท่านอาจจะเสียกำลังใจ และพยายามคิดเสมอว่าท่านคงเหลือเวลาไม่มาก ก่อนหน้านี้พ่อปฏิเสธการรักษามาตลอดไม่ยอมล้างไต จนเราเอาหลานมาอ้าง(ลูกของน้องสาว) ว่าพ่อไม่อยากดูหลานโตเหรอ พ่อจึงตัดสินใจรักษาต่อ ตอนนั้นเราดีใจมากที่พ่อเรายอมรักษาต่อ มีหลายครั้ง ที่เราเคยคิดที่จะเห็นแก่ตัว อยากออกไปใช้ชีวิต อยากไปหางานทำที่ได้ค่าตอบแทนมากกว่านี้ แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเราคิดว่าถ้าเราไปแล้วพ่อจะอยู่ยังไง บ้านต้องเละแน่ พ่ออาจจะแย่ พ่อเราเป็นคนดื้อเงียบค่ะ วันๆนึงคุยกันไม่กี่คำ นับคำได้เลย พ่อจะอารมณ์ดีเวลาน้องสาวเรามาหา มาเยี่ยม เพราะน้องสาวเราจะพูดเพราะ เอาใจ แต่กับเราพ่อจะเฉยมาก เพราะเรากลายเป็นคนที่พูดไม่พราะ โวยวาย บังคับท่าน เอาแต่ใจ กลายเป็นลูกไม่ดี แต่ทำไมคนที่ไม่ค่อยได้ดูแล ถึงกลายเป็นลูกรัก.... แต่ใครจะรู้ว่าการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยมันเป็นงานที่เหนื่อยมาก

         "และคนที่ไม่ได้แต่งงานมักจะได้สิทธิ์นี้ คือการดูแลพ่อแม่ตอนท่านแก่แล้ว" เราว่าประโยคนี้คือเรื่องจริง เพราะเรากำลังเผชิญอยู่ เราเหนื่อยจัง เหนื่อยมากๆ บ่นๆ เราเลือกมาระบายในนี้ เพราะเราไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้เลย ขอบคุณสำหรับพื้นที่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่