จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว วานนี้ (28 มี.ค.) เมื่อช่วงเวลา 13.20 น. ทำให้โครงสร้างของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ความสูง30ชั้น มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 30% งบประมาณใช้ก่อสร้างประมาณ 2,136 ล้านบาท พังถล่มลงมา
โดยมีบริษัทประกันภัย 4 แห่ง ร่วมรับประกันตามสัดส่วน ได้แก่ ทิพยประกันภัย 40% กรุงเทพประกันภัย 25% อาคเนย์ประกันภัย(อินทรประกันภัยในปัจจุบัน) 25% และวิริยะประกันภัย 10% สำหรับการประกันภัยContractor All Risk (CAR) มี Total Sum Insure 100% มูลค่า 2,241 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ กรุงเทพธุรกิจ ว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ร่วมกับบริษัทประกันภัยที่ร่วมรับประกันภัย ตึก สตง.แห่งใหม่ ได้แต่งตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจภัย พร้อมประเมินความเสียหายและจะมีการจัดทำข้อมูลรายงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางเราได้ประเมินมูลค่าความเสียหายภาพรวมตามความคืบหน้าการก่อสร้าง ตึก สตง.แห่งใหม่ การสร้าง ณ ปัจจุบัน คาดว่า ในเบื้องมีมูลค่าความเสียหายราวรวมทั้งหมด 1 พันกว่าล้านบาทจากมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 2 พันกว่าล้านบาท แต่ยังต้องรอการประเมินความเสียหายแท้จริงอย่างเป็นทางการก่อน
ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยที่ร่วมกันรับประกันภัยครั้งนี้มีการแบ่งรับประกันตามสัดส่วน ซึ่งบริษัทรับประกันภัย สัดส่วน 25% ซึ่งผลกระทบไม่น่าเป็นห่วงต่อธุรกิจ เนื่องจากรับประกันภัยไว้เอง มูลค่าไม่เกิน200ล้านบาท และส่วนที่เกินมีการประกันภัยต่อไว้ทั้งหมด รวมถึงมูลค่าตลาดประกันภัยที่อยู่อาศัย ยังสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับตลาดประกันภัยทั้งระบบ เพราะเป็นการประกันผ่านการให้สินเชื่อของธนาคาร
นอกจากนี้เรายังได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ รอรับแจ้งความเสียหาย ทั้งอาคารสูง อาคารสำนักงานต่างๆ คอนโดมีเนียม โรงพยาบาล โรงแรม และอาคารที่อาจจะได้รับผลกระทบข้างเคียงสถานที่เกิดเหตุต่างๆ รวมถึงความเสียรถยนต์ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่อย่าง เชียงใหม่คาดว่า ภายใน1สัปดาห์ข้อมูลความเสียหายในตลาดประกันภัยจะชัดเจนมากขึ้น
”ภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว รอบนี้ ส่งผลกระทบน้อยกว่าภัยน้ำท่วมที่เกิดความเสียหายในวงกว้าง แต่ต้องยอมรับการคุ้มครองแผ่นดินไหวมีความสำคัญมากขึ้น ทุกฝ่ายต้องมาประเมินความเสียหายแท้จริงรอบนี้ เพื่อนำมาศึกษากำหนดเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่เหมาะสมต่อไปดูแลผู้เอาประกันต่อไป
บ.ประกัน 4 แห่ง ร่วมจ่ายตามสัดส่วน ตึก สตง.ถล่ม
โดยมีบริษัทประกันภัย 4 แห่ง ร่วมรับประกันตามสัดส่วน ได้แก่ ทิพยประกันภัย 40% กรุงเทพประกันภัย 25% อาคเนย์ประกันภัย(อินทรประกันภัยในปัจจุบัน) 25% และวิริยะประกันภัย 10% สำหรับการประกันภัยContractor All Risk (CAR) มี Total Sum Insure 100% มูลค่า 2,241 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ กรุงเทพธุรกิจ ว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ร่วมกับบริษัทประกันภัยที่ร่วมรับประกันภัย ตึก สตง.แห่งใหม่ ได้แต่งตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจภัย พร้อมประเมินความเสียหายและจะมีการจัดทำข้อมูลรายงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางเราได้ประเมินมูลค่าความเสียหายภาพรวมตามความคืบหน้าการก่อสร้าง ตึก สตง.แห่งใหม่ การสร้าง ณ ปัจจุบัน คาดว่า ในเบื้องมีมูลค่าความเสียหายราวรวมทั้งหมด 1 พันกว่าล้านบาทจากมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 2 พันกว่าล้านบาท แต่ยังต้องรอการประเมินความเสียหายแท้จริงอย่างเป็นทางการก่อน
ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยที่ร่วมกันรับประกันภัยครั้งนี้มีการแบ่งรับประกันตามสัดส่วน ซึ่งบริษัทรับประกันภัย สัดส่วน 25% ซึ่งผลกระทบไม่น่าเป็นห่วงต่อธุรกิจ เนื่องจากรับประกันภัยไว้เอง มูลค่าไม่เกิน200ล้านบาท และส่วนที่เกินมีการประกันภัยต่อไว้ทั้งหมด รวมถึงมูลค่าตลาดประกันภัยที่อยู่อาศัย ยังสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับตลาดประกันภัยทั้งระบบ เพราะเป็นการประกันผ่านการให้สินเชื่อของธนาคาร
นอกจากนี้เรายังได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ รอรับแจ้งความเสียหาย ทั้งอาคารสูง อาคารสำนักงานต่างๆ คอนโดมีเนียม โรงพยาบาล โรงแรม และอาคารที่อาจจะได้รับผลกระทบข้างเคียงสถานที่เกิดเหตุต่างๆ รวมถึงความเสียรถยนต์ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่อย่าง เชียงใหม่คาดว่า ภายใน1สัปดาห์ข้อมูลความเสียหายในตลาดประกันภัยจะชัดเจนมากขึ้น
”ภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว รอบนี้ ส่งผลกระทบน้อยกว่าภัยน้ำท่วมที่เกิดความเสียหายในวงกว้าง แต่ต้องยอมรับการคุ้มครองแผ่นดินไหวมีความสำคัญมากขึ้น ทุกฝ่ายต้องมาประเมินความเสียหายแท้จริงรอบนี้ เพื่อนำมาศึกษากำหนดเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่เหมาะสมต่อไปดูแลผู้เอาประกันต่อไป