เราเคยดูข่าวแผ่นดินไหวจากหน้าจอ
เห็นภาพคนหนีตาย เห็นตึกโยก เห็นคนร้องไห้
แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า... วันหนึ่ง
เราจะกลายเป็นคนในภาพนั้น
28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น.
ขณะที่ฉันกำลังจะออกจากออฟฟิศเพื่อไปลงลิฟต์ ยืนคุยกับเพื่อนหน้าห้องน้ำ เหมือนเป็นแค่บ่ายวันธรรมดาทั่วไป
จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง
"ตึง ๆ ๆ" ดังมาจากด้านบน
เหมือนมีคนกระทืบพื้นแรง ๆ
พื้นเริ่มสั่น... แล้วก็ตามมาด้วยแรงโยก
โยกซ้ายที ขวาที เหมือนเรายืนอยู่บนแพที่กำลังถูกคลื่นซัด
มันไม่ใช่อะไรอื่นเลย — แผ่นดินไหวแน่ ๆ
ฉันมึนหัว หน้ามืด
ฝุ่นเริ่มร่วงลงมาจากเพดาน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก... จนไม่มีเวลาให้คิดนาน
ฉันรีบ
มุดใต้โต๊ะ
ภายนอกเงียบกริบ มีเพียงเสียงโครงสร้างที่สั่นครืนเบา ๆ
ใจภาวนาให้มันหยุด
แต่... มันไม่หยุด
ผ่านไปเกือบ 30 วินาที ความสั่นยังไม่จาง
ในหัวฉันคิดว่า...
“ถ้ามันถล่มลงมาตอนนี้ คงไม่มีโอกาสได้ส่งข้อความลาใครเลย”
หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมา
ตัดสินใจหนี!
ฉันพุ่งออกจากใต้โต๊ะ วิ่งไปที่บันไดหนีไฟโดยไม่หันกลับ
วิ่งจากชั้น 17 ลงมาด้วยขาและใจที่แทบจะหลุดออกจากกัน
ชั้นบน ๆ ยังไม่มีคนมาก ก็พอวิ่งได้
แต่พอถึงชั้น 10 ทุกอย่างชะงัก
ขณะที่ฉันวิ่งหนีตายลงมาจากชั้น 17 ด้วยหัวใจที่เต้นแรงเหมือนกำลังจะหลุดออกจากอก
ฉันพบว่าพอถึงชั้นล่าง... คนจำนวนมาก
“ยังเดินช้า ๆ” เหมือนกำลังซ้อมหนีไฟอยู่
ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าใจว่า
คนที่อยู่ชั้นบน — รับแรงสั่นได้ไวกว่ามาก รู้ตัวก่อน กลัวก่อน สั่นสะเทือนทั้งร่าง
แต่คนชั้นล่าง — แทบไม่รู้สึกอะไรเลยในช่วงแรก มันเหมือน “แค่เวียนหัวเบา ๆ”
จึงไม่แปลกที่คนจะยังเดินกันปกติ
แต่สำหรับฉันที่เพิ่งวิ่งลงมาจากชั้นบนสุด — มันคือ “หนีตายแบบไม่คิดชีวิต”
แล้วฉันก็คิดในใจว่า...
“ฉันอาจจะไม่รอด ไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหว แต่เพราะต้องติดอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้ว่า ‘นี่คือเวลาที่ต้องเอาชีวิตรอดจริง ๆ’”
ในหัวตอนนั้นคือ...
“กูจะมาตายเพราะทุกคนเดินกันนี่แหละ!”
ฉันตะโกนว่า
"รีบหน่อยค่ะ! วิ่ง! จับราวแล้ววิ่งเลย!"
แต่ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครเร่ง ทุกคนยังเดินเหมือนวันซ้อมหนีไฟ
สุดท้ายฉันเบนตัวออกจากแถว ปาดเข้าเลนขวา
แล้ว
วิ่งสุดแรง จนออกจากตึก
ออกมาได้เหมือนรอดจากสงคราม
หัวใจยังเต้นแรง มือยังสั่น
ยืนหอบอยู่ริมถนน มองย้อนกลับไปที่ตึก
ภาพนั้น...
ฝังใจ
และจู่ ๆ ก็รู้ตัวว่า —
ทีมงานหายไปไหนหมด?
โทรไลน์ โทรมือถือ ไม่มีใครรับ
เหมือนทุกคนหายไปพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนนั้น
ตอนนั้น ฉันไม่ได้กลัว "แผ่นดินไหว" เท่ากับกลัวว่าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าใครอีก
ไม่ได้กลัวว่าตึกจะถล่มเท่ากับกลัวว่า...
จะไม่มีโอกาสได้กอดคนที่เรารักอีก
บทเรียนจากแผ่นดินไหว
หลังจากเรื่องสงบลง
มันกลายเป็นวันที่ฉันคิดเยอะที่สุดในรอบหลายปี
ชีวิตมันเปราะบางกว่าที่เราคิด
และเมื่อถึงเวลาคับขัน — “สติและสัญชาตญาณ” จะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเรา
วันนี้ฉันโชคดีที่รอด
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสแบบนั้น
เพราะฉะนั้น...
🟠 ถ้ามีอะไรค้างคาในใจ — บอกคนที่คุณรัก ตอนที่ยังมีโอกาส
🟠 ถ้ามีอะไรที่อยากทำ — จงทำมันตอนที่ยังมีแรง
🟠 และถ้าชีวิตวันนี้ยังเรียบง่าย — จงขอบคุณมันให้มาก
แผ่นดินไหว… สอนฉันให้ “ไม่รออะไรอีกแล้ว”
17 ชั้น สั่นสะเทือน: บันทึกแผ่นดินไหว ที่ไม่มีวันลืม
เห็นภาพคนหนีตาย เห็นตึกโยก เห็นคนร้องไห้
แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า... วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นคนในภาพนั้น
28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น.
ขณะที่ฉันกำลังจะออกจากออฟฟิศเพื่อไปลงลิฟต์ ยืนคุยกับเพื่อนหน้าห้องน้ำ เหมือนเป็นแค่บ่ายวันธรรมดาทั่วไป
จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง "ตึง ๆ ๆ" ดังมาจากด้านบน
เหมือนมีคนกระทืบพื้นแรง ๆ
พื้นเริ่มสั่น... แล้วก็ตามมาด้วยแรงโยก
โยกซ้ายที ขวาที เหมือนเรายืนอยู่บนแพที่กำลังถูกคลื่นซัด
มันไม่ใช่อะไรอื่นเลย — แผ่นดินไหวแน่ ๆ
ฉันมึนหัว หน้ามืด
ฝุ่นเริ่มร่วงลงมาจากเพดาน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก... จนไม่มีเวลาให้คิดนาน
ฉันรีบ มุดใต้โต๊ะ
ภายนอกเงียบกริบ มีเพียงเสียงโครงสร้างที่สั่นครืนเบา ๆ
ใจภาวนาให้มันหยุด
แต่... มันไม่หยุด
ผ่านไปเกือบ 30 วินาที ความสั่นยังไม่จาง
ในหัวฉันคิดว่า...
“ถ้ามันถล่มลงมาตอนนี้ คงไม่มีโอกาสได้ส่งข้อความลาใครเลย”
หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมา
ตัดสินใจหนี!
ฉันพุ่งออกจากใต้โต๊ะ วิ่งไปที่บันไดหนีไฟโดยไม่หันกลับ
วิ่งจากชั้น 17 ลงมาด้วยขาและใจที่แทบจะหลุดออกจากกัน
ชั้นบน ๆ ยังไม่มีคนมาก ก็พอวิ่งได้
แต่พอถึงชั้น 10 ทุกอย่างชะงัก
ขณะที่ฉันวิ่งหนีตายลงมาจากชั้น 17 ด้วยหัวใจที่เต้นแรงเหมือนกำลังจะหลุดออกจากอก
ฉันพบว่าพอถึงชั้นล่าง... คนจำนวนมาก “ยังเดินช้า ๆ” เหมือนกำลังซ้อมหนีไฟอยู่
ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าใจว่า
คนที่อยู่ชั้นบน — รับแรงสั่นได้ไวกว่ามาก รู้ตัวก่อน กลัวก่อน สั่นสะเทือนทั้งร่าง
แต่คนชั้นล่าง — แทบไม่รู้สึกอะไรเลยในช่วงแรก มันเหมือน “แค่เวียนหัวเบา ๆ”
จึงไม่แปลกที่คนจะยังเดินกันปกติ
แต่สำหรับฉันที่เพิ่งวิ่งลงมาจากชั้นบนสุด — มันคือ “หนีตายแบบไม่คิดชีวิต”
แล้วฉันก็คิดในใจว่า...
“ฉันอาจจะไม่รอด ไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหว แต่เพราะต้องติดอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้ว่า ‘นี่คือเวลาที่ต้องเอาชีวิตรอดจริง ๆ’”
ในหัวตอนนั้นคือ...
“กูจะมาตายเพราะทุกคนเดินกันนี่แหละ!”
ฉันตะโกนว่า
"รีบหน่อยค่ะ! วิ่ง! จับราวแล้ววิ่งเลย!"
แต่ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครเร่ง ทุกคนยังเดินเหมือนวันซ้อมหนีไฟ
สุดท้ายฉันเบนตัวออกจากแถว ปาดเข้าเลนขวา
แล้ว วิ่งสุดแรง จนออกจากตึก
ออกมาได้เหมือนรอดจากสงคราม
หัวใจยังเต้นแรง มือยังสั่น
ยืนหอบอยู่ริมถนน มองย้อนกลับไปที่ตึก
ภาพนั้น... ฝังใจ
และจู่ ๆ ก็รู้ตัวว่า — ทีมงานหายไปไหนหมด?
โทรไลน์ โทรมือถือ ไม่มีใครรับ
เหมือนทุกคนหายไปพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนนั้น
ตอนนั้น ฉันไม่ได้กลัว "แผ่นดินไหว" เท่ากับกลัวว่าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าใครอีก
ไม่ได้กลัวว่าตึกจะถล่มเท่ากับกลัวว่า... จะไม่มีโอกาสได้กอดคนที่เรารักอีก
บทเรียนจากแผ่นดินไหว
หลังจากเรื่องสงบลง
มันกลายเป็นวันที่ฉันคิดเยอะที่สุดในรอบหลายปี
ชีวิตมันเปราะบางกว่าที่เราคิด
และเมื่อถึงเวลาคับขัน — “สติและสัญชาตญาณ” จะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเรา
วันนี้ฉันโชคดีที่รอด
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสแบบนั้น
เพราะฉะนั้น...
🟠 ถ้ามีอะไรค้างคาในใจ — บอกคนที่คุณรัก ตอนที่ยังมีโอกาส
🟠 ถ้ามีอะไรที่อยากทำ — จงทำมันตอนที่ยังมีแรง
🟠 และถ้าชีวิตวันนี้ยังเรียบง่าย — จงขอบคุณมันให้มาก
แผ่นดินไหว… สอนฉันให้ “ไม่รออะไรอีกแล้ว”