ตะเกียบ ไม้ลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน ไม้ปิ้งไก่ ฯลฯ ล้วนทำมาจากไผ่
กรณีศึกษา ‘เกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพทำสวน’ จ.อุตรดิตถ์ สบช่องมองเห็นโอกาส พลิกพื้นดิน 4 ไร่ ขยายด้วยผลด้วย ‘การศึกษา-ประสบการณ์-เทคโนโลยี’ สร้างรายได้หลักล้านจากไผ่ตลอดทั้งปี
ด้วยหลักวิชาการ บวกกับประสบการณ์ กว่า 30 ปี และการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร ของ นายประดับ ปิ่นนาค เกษตรกร จ.อุตรดิตถ์ ทำให้เขาได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพทำสวน ประจำปี 2567 ภายการบริหารจัดการจากเดิมที่ทำนา, ปลูกพืชผัก, พืชไร่ และทำไร่อ้อย จำนวน 4 ไร่
เขามองเห็นโอกาสในการพัฒนาและสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จึงเริ่มทำแปลงขยายพันธุ์พืชไม้สวน แต่ก็มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และความนิยมในการปลูกไม้ผลไม่คงที่
เมื่อปี 2527 เจ้าตัวจึงเริ่มศึกษาการปลูกไผ่ เพื่อทำเป็นแปลงขยายพันธุ์ ซึ่งเป็นพืชเศรฐกิจ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตในระยะเวลาสั้น ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถเจริญเติบโตได้ทุกพื้นที่ และมีช่องทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
จากพื้นที่ 4 ไร่ บริหารจัดการโดยแลกพื้นที่นารอบข้างของเพื่อนบ้านมาปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สวน โดยทุกวันนี้ ขยายเป็น 500 ไร่ แบ่งเนื้อที่ปลูกไผ่ไว้กว่า 53 ไร่ รวบรวมพันธุ์ไผ่ไว้มากกว่า 30 สายพันธุ์
นายประดับ เล่าว่า ข้อดีของการปลูกไผ่ คือ เป็นพืชทนแล้ง มีระบบรากที่แข็งแรงและเติบโตได้ดี เหมาะสมกับแทบทุกสภาพพื้นที่ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทำให้มีความต้องการมาก และต่อเนื่องตลอดทั้งปี แถมใบไผ่ที่ล่วงกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน และคลุมดินไม่ให้วัชพืชขึ้น เก็บกักความชื้นในดินได้ ลดต้นทุนค่าปุ๋ย โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยม คือ ไผ่ซางหม่น และไผ่ข้าวหลามเปาะ อายุ 2 ปีก็สามารถตัดผลผลิตขายได้
ปัจจุบัน นอกจากขายลำไผ่ปีละกว่า 100 ตัน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นตะเกียบ ไม้ลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน ไม้ปิ้งไก่ รวมไปถึงทำค้างต้นไม้ และแนวกันน้ำกัดเซาะ ในราคาตันละ 1,000-1,200 บาท เจ้าตัวยังสามารถขายหน่อไผ่สำหรับรับประทาน ตลอดจนตอนกิ่งพันธุ์ไผ่จำหน่ายในราคาต้นละ 20-35 บาท สร้างรายได้ 7 หลักต่อปี ควบคู่กับการขยายพันธุ์ไม้สวนแทบทุกชนิดจำหน่าย กลายตลาดกลางต้นไม้แหล่งใหญ่ในภาคเหนือ
.
ที่มา: NBT CONNEXT
https://www.facebook.com/share/p/1N2MkMesfT/
ไผ่เงินล้าน แปรรูปได้สารพัด
กรณีศึกษา ‘เกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพทำสวน’ จ.อุตรดิตถ์ สบช่องมองเห็นโอกาส พลิกพื้นดิน 4 ไร่ ขยายด้วยผลด้วย ‘การศึกษา-ประสบการณ์-เทคโนโลยี’ สร้างรายได้หลักล้านจากไผ่ตลอดทั้งปี
ด้วยหลักวิชาการ บวกกับประสบการณ์ กว่า 30 ปี และการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร ของ นายประดับ ปิ่นนาค เกษตรกร จ.อุตรดิตถ์ ทำให้เขาได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพทำสวน ประจำปี 2567 ภายการบริหารจัดการจากเดิมที่ทำนา, ปลูกพืชผัก, พืชไร่ และทำไร่อ้อย จำนวน 4 ไร่
เขามองเห็นโอกาสในการพัฒนาและสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จึงเริ่มทำแปลงขยายพันธุ์พืชไม้สวน แต่ก็มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และความนิยมในการปลูกไม้ผลไม่คงที่
เมื่อปี 2527 เจ้าตัวจึงเริ่มศึกษาการปลูกไผ่ เพื่อทำเป็นแปลงขยายพันธุ์ ซึ่งเป็นพืชเศรฐกิจ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตในระยะเวลาสั้น ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถเจริญเติบโตได้ทุกพื้นที่ และมีช่องทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
จากพื้นที่ 4 ไร่ บริหารจัดการโดยแลกพื้นที่นารอบข้างของเพื่อนบ้านมาปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สวน โดยทุกวันนี้ ขยายเป็น 500 ไร่ แบ่งเนื้อที่ปลูกไผ่ไว้กว่า 53 ไร่ รวบรวมพันธุ์ไผ่ไว้มากกว่า 30 สายพันธุ์
นายประดับ เล่าว่า ข้อดีของการปลูกไผ่ คือ เป็นพืชทนแล้ง มีระบบรากที่แข็งแรงและเติบโตได้ดี เหมาะสมกับแทบทุกสภาพพื้นที่ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทำให้มีความต้องการมาก และต่อเนื่องตลอดทั้งปี แถมใบไผ่ที่ล่วงกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน และคลุมดินไม่ให้วัชพืชขึ้น เก็บกักความชื้นในดินได้ ลดต้นทุนค่าปุ๋ย โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยม คือ ไผ่ซางหม่น และไผ่ข้าวหลามเปาะ อายุ 2 ปีก็สามารถตัดผลผลิตขายได้
ปัจจุบัน นอกจากขายลำไผ่ปีละกว่า 100 ตัน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นตะเกียบ ไม้ลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน ไม้ปิ้งไก่ รวมไปถึงทำค้างต้นไม้ และแนวกันน้ำกัดเซาะ ในราคาตันละ 1,000-1,200 บาท เจ้าตัวยังสามารถขายหน่อไผ่สำหรับรับประทาน ตลอดจนตอนกิ่งพันธุ์ไผ่จำหน่ายในราคาต้นละ 20-35 บาท สร้างรายได้ 7 หลักต่อปี ควบคู่กับการขยายพันธุ์ไม้สวนแทบทุกชนิดจำหน่าย กลายตลาดกลางต้นไม้แหล่งใหญ่ในภาคเหนือ
.
ที่มา: NBT CONNEXT
https://www.facebook.com/share/p/1N2MkMesfT/