ทำไมละคร ‘อาหลอง’ ต้อง ‘ปิ้งไก่’?

Credit : จากเว็บ the people.co/culture/film นะครับ
โดยคุณ อิทธิเดช พระเพ็ชร
อ่านแล้วน่าสนใจมากเลยขออนุญาตมาแชร์กันต่อ555

ว่าด้วยคำถามยอดฮิตว่าทำไมละคร ‘อาหลอง’ ต้อง ‘ปิ้งไก่’ กันทุกเรื่อง? กับเหตุผลสำคัญที่ไม่อาจหยุดอยู่แค่ฉากหลังที่อยู่ในป่า
แต่อาจแฝงไปถึงการปลูกฝังชุดระเบียบทางสังคมว่าด้วยการแบ่งหน้าที่ ระบบอุปถัมภ์และระบบอาวุโส
ในความทรงจำร่วมกันของเด็กไทยต่างจังหวัดยุค 2000 ซึ่งกำลังเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากินอยู่ในปัจจุบันนี้ ละคร ‘อาหลอง
หรือละครของผู้กำกับแนวบู๊วัยเก๋า ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’ เจ้าของฉายา ‘ระเบิดภูเขา เผากระท่อม’ ถือหนึ่งในภาพความทรงจำวัยเด็ก
ที่นึกขึ้นมาครั้งใดหากไม่อมยิ้มก็อาจเสียน้ำตา เพราะในยุคที่ทุกคนในบ้านล้วนดูโทรทัศน์ร่วมกัน ละคร ‘อาหลอง’ เป็นละครไทยเพียงไม่กี่เรื่องที่พ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย จะอนุญาตให้เด็ก ๆ สามารถนอนดึกได้ถึงสี่ทุ่มครึ่ง และเมื่อเสียงเพลงที่ขับร้องโดย ‘กัญจน์ ภักดีวิจิตร’ ดังขึ้น
ก็เป็นสัญญาณเตือนลูกหลานในบ้านว่า เวลานอนมาถึงแล้ว

ในโลกของละคร ‘อาหลอง’ หรือที่เรียกกันว่า ‘กฎเหล็กละครอาหลอง
มีเอกลักษณ์ที่แฟน ๆ ละครไทยคงพอจำกันได้
อาทิ
พระเอกหุ่นบึ๊กที่สามารถต่อกรกับเหล่าร้ายนับสิบคนราวกับเป็นเพียงแค่มดง่าม
นางร้ายที่ต้องหน้าอกบึ้ม ๆ
ฉากกระสุนที่ไม่มีวันหมดซึ่งพร้อมจะถล่มป่ากระถินให้ราบเป็นหน้ากอง
รถยนตร์คันเก่า ๆ ที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา
รวมถึง นักแสดงขาประจำอย่าง ‘กรุง ศรีวิไล’ และ ‘ฤทธิ์ ลือชา’ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ
ตัวละครพิเศษที่แสดงโดยลูกชายอาหลอง ‘กัญจ์ ภักดีวิจิตร’ 
แต่หากให้เลือกเอกลักษณ์สำคัญของละคร ‘อาหลอง’ เพียงอย่างเดียว ก็คงต้องยกให้ฉาก ‘ปิ้งไก่’
ฉาก ‘ปิ้งไก่’ เป็นสัญลักษณ์ (iconic) ที่แฟน ๆ ละครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าเป็นละคร ‘อาหลอง’ ยังไงก็ต้องมีฉาก ‘ปิ้งไก่
สาเหตุที่ต้องมีฉาก ‘ปิ้งไก่’ ก็เพราะว่า ละคร ‘อาหลอง’ ส่วนใหญ่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการตามหาสิ่งลี้ลับหรือสมบัติซึ่งอยู่ในป่า เช่น อังกอร์ 1, ทอง 5, อังกอร์ 2, เหล็กไหล, ทอง ๙ ดังนั้น เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง นอกไปจากผักและผลไม้ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่คณะเดินทางในละคร ‘อาหลอง’ พอจะหากินได้จากในป่าก็เห็นจะมีแค่สัตว์จำพวก งู หนู นก กระต่าย ไก่ป่า หรือหมูป่า

ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็น ‘ไก่’ นั้น อาหลองเคยตอบเรื่องนี้ไว้อย่างชวนหัวเราะว่า 
อ้าว เดินในป่าจะให้ทำอะไร จะให้กินไส้เดือนเหรอ (หัวเราะ) เป็นการผจญภัยนะ ถ้าไม่ปิ้งไก่ ถ้าให้มีอะไรใหม่ ๆ ให้ไปกันบนต้นไม้ไหม (หัวเราะ) กิจกรรมจะมีอะไร มีน้ำตก มีถ้ำ มีอะไรอีกล่ะ

ด้วยเอกลักษณ์ที่ละครอาหลองต้องเดินเข้าป่าตามล่าหาสมบัติกันเป็นหมู่คณะ ‘ไก่’ จึงเป็นอาหารที่ตอบโจทย์ละครและทีมงานผู้จัดมากที่สุด
ดังที่อาหลองบอกกับแฟน ๆ ละครรุ่นลูกว่า
แล้วลูกไม่หาไก่กินมาย่าง แล้วลูกจะทำอะไร หากระต่ายก็ไม่ดี ไก่นี่ดีที่สุด (หัวเราะ)

ฉาก ‘ปิ้งไก่’ สำคัญยังไงในโลกละคร ‘อาหลอง’?
อันที่จริง การจะมีฉากปิ้งไก่อยู่ในละครอาหลองหรือไม่นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลต่อเนื้อหาของละครสักเท่าใดนัก
เพราะจุดหมายปลายทางก็คือการไล่ล่าตามหาสมบัติ
ทว่า เมื่อมองให้ลึกลงไปถึงทฤษฎีแห่งความบันเทิง จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ฉากปิ้งไก่สำคัญต่อโลกละครอาหลองอย่าง ๆ น้อย ก็ 2 ประการ

ประการแรก ด้วยละครอาหลองเป็นแนวบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ตามหาไล่ล่า ตื่นเต้นเร้าใจ
ระเบิดกันตู้มต้าม ยิงกันจนเปลือกไม้และต้นกระถินราบเป็นหน้ากลอง อารมณ์ของละครและผู้ชมจึงสนุกตื่นเต้นหัวใจรัวเป็นกระเดื่องกลองตลอดเวลา 
การ ‘ปิ้งไก่’ จึงไม่เพียงแต่เป็นหยุดพักเติมพลังและระงับความหิว แต่ยังเปรียบเสมือน
‘การได้หยุดพักหายใจทางความรู้สึกและอารมณ์’ ของละครและผู้ชมไปในตัวด้วย

ประการที่สอง หากจะวิเคราะห์กันแบบหลุดโลก หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘บ้า
การปิ้งไก่แสดงให้เห็นถึงการปลูกฝังชุดระเบียบทางสังคมว่าด้วยการแบ่งหน้าที่ ระบบอุปถัมภ์และระบบอาวุโส เ
พราะจะสังเกตเห็นว่า ฉาก ‘ปิ้งไก่’ ปรากฏเฉพาะในคณะเดินป่าของกลุ่มพระเอก/นางเอก เท่านั้น
ไก่ย่าง ที่เหลืองหอมอร่อย จะถูกแบ่งเป็นลำดับจากผู้สูงอายุเป็นอันดับแรกแล้วค่อย ๆ ถูกฉีกเนื้อน่องไปสู่มือของคนวัยหนุ่มสาว

การกินไก่ย่างจึงแฝงวัฒนธรรมหรือระเบียบวิธีการกินในหมู่คณะของพระเอกที่เน้นระบบอาวุโส เพศสภาพ และความอุปถัมภ์ค้ำจุน
แตกต่างออกไปจากคณะของผู้ร้ายหรือตัวโกง ที่แทบจะไม่ปรากฏฉาก ‘ปิ้งไก่’ เลย เพราะความสัมพันธ์ในกลุ่มมีลักษณะแบบเจ้านาย – ลูกน้อง
ไม่มีการจัดเวรเฝ้ายาม ไม่มีการแบ่งกันกิน เนื่องจากหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัย และหน้าที่ ‘หาให้กิน’ นั้น เป็นของ ‘ลูกน้อง
ซึ่งรูปแบบความสัมพันธ์ของทั้งสองคณะจึงแตกต่างกัน

ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในชุดระเบียบวิธีที่แยกระหว่างกลุ่ม ‘พระเอก/คนดี’ กับ ‘ตัวร้าย/คนชั่ว
ในโลกทัศน์ละคร ‘อาหลอง’ หากไม่บ้าประสาทแดกแทนการรับประทาน ‘ไก่ย่าง’ ไปเสียก่อน ฉาก ‘ปิ้งไก่’
จึงมีความสำคัญในโลกละคร ‘อาหลอง’ เพราะ ไก่ เป็นตัวเชื่อมความสามัคคีและระเบียบวิธีทางสังคมของกลุ่มพระเอก
ซึ่งความดี ความสามัคคี และระเบียบวิธีทางสังคมดังกล่าว
เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กลุ่มพระเอกเอาชนะกลุ่มตัวร้าย ทุกทีไป

ไม่น่าเชื่อว่า จากละครบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อม เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี ละคร ‘อาหลอง’ จะกลายเป็นละครแห่งความทรงจำ
ที่ใครหลายคนซ่อนภาพพ่อ แม่ ตา ยาย และบ้านหลังเก่าเอาไว้ ดังที่หลายความคิดเห็นใต้เพลง ‘หนึ่งเดียวในดวงใจ’
บันทึกให้เราอ่านในปัจจุบันว่า
ฟังแล้วทำให้คิดถึงเมื่อก่อนมากๆ เสียงเพลงนี้ขึ้นคือถึงเวลาที่เราเข้านอนพร้อมกับคุณยาย

เคยดูกับตายายตอนเด็กๆ ปัจจุบัน 28ปี  ฟังทีไรใจมันดูแผ่วๆ คิดถึงวันเวลาเก่าๆ
คิดถึงยายที่คอยปลุกเราตอนเราหลับ เวลาดูหนังเรื่องนี้จะดูกับยายจนดึกตลอด ตอนนี้ยายก็เสียไปได้ 6-7 ปีแล้ว

“ตอนเด็กชอบเพลงนี้มากๆ รอละครจบถึงจะได้ฟัง เพลงนี้ทำให้ซึ้งและรู้สึกเศร้าในเวลาเดียว คิดถึงตอนที่พ่อยังอยู่ คิดถึงละครเรื่องนี้มาก”

ในความขบขันของฉาก ‘ปิ้งไก่’ ณ ปัจจุบัน บางทีลึก ๆ ลงไปแล้วก็คือภาพความทรงจำของผู้ใหญ่ที่เคยเป็นเด็ก ภาพที่ละคร ‘อาหลอง’ ไม่ได้มีเพียงแต่ผืนป่า ปืนและเสือร้าย แต่ยังมีภาพของพ่อ แม่ ตา ยาย และบ้านหลังเก่า กับโลกที่บอกเราทุกคนว่า 
คนดีต้องชนะคนร้าย และทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่