เกริ่นก่อนว่าหนูเองก็ยังอยู่ในวัยเรียนและมีการเปิดอกคุยกับคุณแม่แต่ไม่ได้บอกไปว่าเคยมีแล้วนะคะ ยังตอบไปว่าไม่เพราะไม่อยากให้แม่กังวลใจค่ะ
(หนูรู้ขอบเขตว่าควรจะป้องกันทุกครั้งค่ะและกินยาคุมเสริมไปด้วยอีกที)
ความคิดในส่วนของหนูเอง มีมุมมองว่าการมีพสพ.มันเป็นเรื่องปกติแต่ควรจะป้องกันด้วยไปในตัว ทำได้แต่ควรมีขอบเขตในการป้องกัน ไม่มีการปล่อยในอะไรทั้งนั้นค่ะ
ส่วนในความคิดของคุณแม่ หนูเห็นด้วยบางส่วนนะคะที่คุณแม่บอกว่าให้รอจบมหาลัยก่อนค่อยมี ทำงานแล้วค่อยมีเรื่องพสพ.กัน เพราะคุณแม่อาจจะห่วงทางด้านที่กลัวโดนฟันแล้วทิ้ง คุณแม่บอกอยากให้เก็บนานเท่าที่นานที่สุดที่จะทำได้ค่ะ
หนูได้มีการบอกคุณแม่ไปแล้วว่าอาจจะมีเรื่องนี้กันบ้างแต่จะพยายาม และหนูป้องกันเป็นค่ะ แต่คุณแม่ก็ยังคงที่จะยืนยันว่าอยากให้จบก่อนค่อยหาแฟนรึอื่นๆ อาจจะกลัวเหมือนคุณแม่ที่เลือกคนผิดค่ะ
ทุกคนคิดว่ามีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ
หากเกิดมีพสพ.ไปต่อเพราะบรรยากาศอะไรแบบนัควรบอกท่านมั้ยคะ รึควรจะเก็บไว้ต่อคะเพราะกลัวท่านเสียใจถ้าบอกเร็วไป
เรื่องแบบนี้ส่วนตัวหนูว่าจะบอกท่านหลัง2-3ปีนี้ค่ะที่บอกตรงๆไม่อ้อมค้อมเลย
ปกติมีเพศสัมพันธ์แล้วบอกคุณพ่อคุณแม่กันมั้ยคะ
(หนูรู้ขอบเขตว่าควรจะป้องกันทุกครั้งค่ะและกินยาคุมเสริมไปด้วยอีกที)
ความคิดในส่วนของหนูเอง มีมุมมองว่าการมีพสพ.มันเป็นเรื่องปกติแต่ควรจะป้องกันด้วยไปในตัว ทำได้แต่ควรมีขอบเขตในการป้องกัน ไม่มีการปล่อยในอะไรทั้งนั้นค่ะ
ส่วนในความคิดของคุณแม่ หนูเห็นด้วยบางส่วนนะคะที่คุณแม่บอกว่าให้รอจบมหาลัยก่อนค่อยมี ทำงานแล้วค่อยมีเรื่องพสพ.กัน เพราะคุณแม่อาจจะห่วงทางด้านที่กลัวโดนฟันแล้วทิ้ง คุณแม่บอกอยากให้เก็บนานเท่าที่นานที่สุดที่จะทำได้ค่ะ
หนูได้มีการบอกคุณแม่ไปแล้วว่าอาจจะมีเรื่องนี้กันบ้างแต่จะพยายาม และหนูป้องกันเป็นค่ะ แต่คุณแม่ก็ยังคงที่จะยืนยันว่าอยากให้จบก่อนค่อยหาแฟนรึอื่นๆ อาจจะกลัวเหมือนคุณแม่ที่เลือกคนผิดค่ะ
ทุกคนคิดว่ามีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ
หากเกิดมีพสพ.ไปต่อเพราะบรรยากาศอะไรแบบนัควรบอกท่านมั้ยคะ รึควรจะเก็บไว้ต่อคะเพราะกลัวท่านเสียใจถ้าบอกเร็วไป
เรื่องแบบนี้ส่วนตัวหนูว่าจะบอกท่านหลัง2-3ปีนี้ค่ะที่บอกตรงๆไม่อ้อมค้อมเลย