ธรรมนูญโอลิมปิคไทย กับ ธรรมนูญโอลิมปิกนานาชาติ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งแน่นอนว่าเราได้ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์คนที่ 8 คือ ท่าน ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น และเปิดตำนานหน้าใหม่เป็นพลเรือนคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ หลังจาก 7 ท่านที่ผ่านมาเป็นทหารทั้งหมด แน่นอนว่าหลังเลือกตั้งก็มีผู้คนที่ติดตามตั้งข้อสังเกตุถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบในการเลือกตั้งประธานตามธรรมนูญโอลิมปิคไทย อย่างไรก็ดีในฐานนะนักวิชาการที่ชื่นชอบในด้านการจัดการองค์กรโอลิมปิกและองค์กรกีฬานานาชาติ ก็ขออนุญาตตั้งข้อสังเกตและแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์กรกีฬาในประเทศไทยในอนาคตได้ ผมเห็นว่าสิ่งที่จะต้องทำหลังจากนี้คือการ ปรับปรุง “ธรรมนูญโอลิมปิคไทย”ให้สอดคล้องกับ”ธรรมนูญโอลิมปิกนานาชาติ(Olympic Charter)” หากเราศึกษาโครงสร้างของคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ (IOC Member) ตามธรรมนูญโอลิมปิก ในบทบัญญัติที่ 16 “สมาชิก” สามารถสรุปได้ว่า คณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ ประกอบไปด้วย คณะบุคคลไม่เกิน 115 คน โดยมีองค์ประกอบหลักของสมาชิกได้แก่
1) คณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติเป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่เฉพาะเจาะจงในตำแหน่งและการงาน ไม่เกิน 70 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด เสนอโดยประธานคณะกรรมการโอลิมปิก รับรองโดยคณะกรรมการบริหาร (EB)
2)นักกีฬาปัจจุบัน จำนวนไม่เกิน 15 คน ซึ่งมาจากการคณะกรรมาธิการนักกีฬา(AC)
3) ประธานหรือผู้บริหารสูงสุดของสหพันธ์กีฬานานาชาติ(IFs) ที่โอลิมปิกรับรอง จำนวนไม่เกิน 15 คน ตรงนี้จะเห็นว่าธรรมนูญโอลิมปิกไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นสหพันธ์ที่มีอยู่ในโอลิมปิกโปรแกรมเท่านั้น แต่ใช้คำว่า สหพันธ์หรือองค์กรที่รับรองโดย IOC ซึ่งในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สหพันธ์ที่อยู่ในโอลิมปิกโปรแกรม (Sports on the programmes of the upcoming Olympic Games) และ สหพันธ์ที่รับรองโดย IOC (Sports governed by International Federations recognised by the International Olympic Committee) และ
4) ประธานหรือผู้บริหารสูงสุดของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ (NOCs) ในระดับทวีป หรือ ระดับโลก ไม่เกิน 15 คน
ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเลือกประธานคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติในการประชุม IOC Session สิ่งที่ผมนำเสนอจะให้เห็นว่า องค์ประกอบของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯนั้น ไม่สอดคล้องกับองค์ประกอบของคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ(IOC Member) หากพิจารณาแล้วจะเห็นว่า IOC Member ไม่ได้เน้นหนักและให้ความสำคัญกับสหพันธ์กีฬานานาชาติ(IFs) ถ้าเทียบเคียงกับบริบทของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย(NOCT) ก็คือ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย(NFs) ซึ่งในองค์ประกอบของ IOC Menber ทั้งหมดไม่เกิน 115 คนนั้น มีองค์ประกอบจากสหพันธ์กีฬานานาชาติ(Ifs) เพียงไม่เกิน 15 คน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 13 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่ได้กำหนดไว้เฉพาะสหพันธ์กีฬาที่มีอยู่ในโอลิมปิกโปรแกรมเท่านั้น แต่ใช้คำว่า “องค์กรหรือสหพันธ์ที่โอลิมปิกให้การรับรอง) อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ว่าสัดส่วนที่มากที่สุดในคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติคือ “คณะบุคคลทั่วไปที่ไม่เฉพาะเจาะจงในตำแหน่งและการงาน” จำนวนไม่เกิน 70 คน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ก็คือ "ผู้ทรงคุณวุฒิ" ในมุมมองของผมหากจะให้สอดคล้องกับธรรมนูญโอลิมปิกนานาชาติ ก็ต้องกำหนดองค์ประกอบในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ใหม่ให้สอดคล้องกับ Olympic Charter และบริบทของประเทศไทย เช่น คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกอบไปด้วยคณะบุคคลไม่เกิน 35 คน โดยประกอบได้ด้วยดังนี้
1) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ สามารถส่งเสริมการดำเนินการของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยได้ โดยการรับรองจากคณะกรรมการบริหาร(NOCT-EB) ไม่เกิน 10 คน
2) เป็นประธานหรือผู้บริหารสูงสุดของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย(NFs) ที่คณะกรรมการโอลิมปิคไทยรับรอง จำนวนไม่เกิน 20 คน
3) เป็นประธานหรือผู้บริหารสูงสุดของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด (เทียบเคียงกับ NOCs) ไม่เกิน 2 คน และ
4) เป็นนักกีฬาปัจจุบันหรือผู้แทนจากการคณะกรรมาธิการนักกีฬา(AC) จำนวนไม่เกิน 2 คน
5) คณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติที่อยู่ในประเทศไทย เป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติ
สำหรับองค์ประกอบในส่วนของ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่มีสิทธิเป็นคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ไม่ควรจำกัดแค่ “สมาคมในโอลิมปิกโปรแกรม” คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ(NOCs) มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไปบริบททางกีฬา สังคม วัฒนธรรมและภูมิภาค และไม่ได้มีภารกิจขับเคลื่อนเฉพาะการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์เท่านั้น ใน”Olympic Movement” ไม่ได้มีเพียง “Olympic Game” แต่ยังมีการส่งเสริมวิชาการ การส่งเสริมค่านิยมโอลิมปิก พัฒนาด้านการศึกษา และยังดำการในการแข่งขันกีฬาที่อยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการโอลิมปิกทั้งในระดับโลกและระดับทวีปด้วย เช่นการแข่งขัน ยูธโอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ เอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ เอเชียนยูธเกมส์ เอเชียนวินเทอร์ยูธเกมส์เป็นต้น ซึ่งมีสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยมากกว่า 30 สมาคมที่เกี่ยวข้องหรือ สมาคมแห่งประเทศไทยที่อยู่ภายใต้สหพันธ์ที่ได้รับการรับรองในโอลิมปิกฤดูร้อนที่เป็นกีฬาถาวร (Permanent Sports ตาม Olympic Charter 2025) และอีก 7 สหพันธ์ในโอลิมปิกฤดูหนาว เพราะฉะนั้น การมีสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่อยู่ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ หรือ เกมส์ระดับทวีปที่โอลิมปิกนานาชาติรับรอง ก็เป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อการขับเคลื่อน Olympic Movement ของประเทศไทย แต่หากต้องมีระบบการรับรองที่ถูกต้อง โปร่งใส และสอดคล้องกับธรรมนูญโอลิมปิกนานาชาติครับ อานนท์ ศิษย์เก่าโอลิมเปีย
ธรรมนูญโอลิมปิคไทย กับ ธรรมนูญโอลิมปิกนานาชาติ