บันทึก การเตรียมตัวลูกๆสอบเข้า ICS ( K4, K5) 🎉ปี 2025
สวัสดีครับ เนื่องจากตัวผมได้ผ่านประสบการณ์ในการเตรียมตัวลูกๆ เพื่อสอบเข้าที่ ICS มาแล้วสองคนครั้งแรกกับลูกสาวคนโต สอบติด K5 ได้ ในปี 2566 (คศ. 2023)
และปีนี้กับลูกชายคนเล็ก สอบเข้า K4 และเพิ่งทราบผลเมื่อต้นเดือน (6 มีนาคม 2025) ว่าน้องได้รับการ Accepted แล้วครับ 🎉🎉🎉 ครั้งนี้ดีใจมากๆๆๆ เพราะแอบกดดัน กลัวว่าถ้าเค้าเข้าไม่ได้จะจัดการเรื่องโรงเรียนลูกยังไง ถ้าต้องเรียนคนละที่เหนื่อยมากแน่ๆ 😅 ในช่วงเตรียมตัวสอบลูกๆนี่ผมเครียดมาก ก็เลยพอเข้าใจหัวอกคุณพ่อคุณแม่ของน้องๆ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กๆ มันมีหลายเรื่องที่ในเวลานั้นผมก็อยากรู้พยายามหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง? ต้องรู้อะไรบ้าง? การสอบประมาณไหน? ก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราได้เคยทำอาจพอ เป็นแนวทางเบื้องต้นที่มีประโยชน์ให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมีแผนจะเตรียมสอบเข้าให้กับน้อง ๆ นะครับ
เริ่มจากเรื่องที่หลายๆคนกังวลใจ
❤️ถ้าไม่มี Sibling จะเข้าได้มั้ย?
ต้องบอกว่าครอบครังเราเป็นครอบครัวคนไทย พูดภาษาไทย100% ไม่เคยมีใครเคยเรียนในโรงเรียนอินเตอร์มาก่อนและ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้ลองให้ลูกสาวคนโตสอบเข้า ICS ในระดับชั้น K5 ตอนนั้นเราไม่มี Sibling ครับ เป็นการสอบครั้งแรกของครอบครัวเรา น้องก็สอบติดครับ ส่วนปีนี้ลูกชายคนเล็กได้สอบเข้า K4 ก็สอบได้ครับ ซึ่งปีนี้ถือว่าเรามี Sibling จากที่ดูๆ แล้ว ผมคิดว่าถ้าเด็กสองคนมีความพร้อมเท่าๆ กัน การมี Sibling ก็น่าจะช่วยเพิ่มโอกาส เพราะโรงเรียนเป็นแนวที่ให้ความสำคัญในทุกๆ มิติ ทั้งเรื่องความรู้ สังคมและครอบครัว สังเกตได้ว่าในปีล่าสุดนี้ เท่าที่ได้ลองสอบถามเพื่อนผู้ปกครองที่มี Sibling มาสอบแล้ว ก็พบว่ามีที่สอบไม่ได้ก็มีหลายคนครับ แต่ก็มีน้องที่เรียนติวภาษาอังกฤษที่เดียวกัน เค้าสอบได้โดยไม่มี Sibling ก็มีเช่นกัน
สรุป: ไม่ต้องมี Sibling ก็มีโอกาสเข้าได้ครับ แต่เชื่อว่าถ้ามี ก็น่าจะมีส่วนในการพิจารณาในกรณีที่เด็กมีความพร้อมใกล้เคียงกัน
หมายเหตุ: ถ้าเป็นโควต้าเด็กต่างชาติจะเข้าง่ายกว่า เพราะโรงเรียนต้องการคงสัดส่วนเด็กไทยกับเด็กต่างชาติ หากบ้านไหนมีสัญชาติอื่น ๆ ก็น่าจะเพิ่มโอกาสมากขึ้นครับถ้ายื่นสอบในสัญชาติอื่น
❤️แนวการสอบเป็นยังไง เด็กต้องมีความรู้อะไรบ้าง?
ผมพูดได้เฉพาะในส่วน K4, K5 ที่ลูกผมสอบนะครับ การสอบเป็นสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ โดยให้น้องเข้าไปสัมภาษณ์กับคุณครูตามลำพัง ไม่ให้ผู้ปกครองเข้าไปด้วย การพูดคุย เน้นที่ การสื่อสารได้ดี ดูความพร้อมของตัวเด็กในการเข้าเรียน และมีความรู้พื้นฐานระดับเริ่มต้นสำหรับชั้นอนุบาล
👉 สิ่งที่ผมเตรียมให้ลูกชายตอนสอบเข้า K4
เตรียมพื้นฐานการพูดฟังภาษาอังกฤษเบื้องต้น ต้องสื่อสารรู้เรื่อง หากที่บ้านพอคุยได้ ก็พยายามพูดกับลูกบ่อยๆ ให้น้องคุ้นชิน ไม่จำเป็นต้องเก่งมากเหมือนเด็กฝรั่งแท้ๆ แค่เรื่องพื้นฐานรอบๆตัวก็พอครับ เช่น
- การทักทาย แนะนำตัวเองได้ บอกชื่อตัวเอง วันเกิด อายุ
- เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ เช่น ให้อ่าน ให้หยิบของ ให้วางของ ให้หยุด ให้เงียบ ให้ฟัง ให้เดินให้กระโดด
- อธิบายสิ่งรอบตัวง่าย ๆ เช่น อยู่บนโต๊ะ อยู่ใต้โต๊ะ อยู่ในรถ
- บอกความต้องการง่าย ๆได้ เช่น หิวข้าว หิวนำ้ ขอผลไม้เพิ่ม ปวดหนัก ปวดเบา อยากเข้าห้องน้ำ รู้คำศัพท์พื้นฐาน เช่น:
- สีหลัก ๆ : Red, Green, Blue, Yellow, Gray, Pink
- ตำแหน่ง: In, On, Over, Under, Front, Back
- รูปทรง: Triangle, Square, Star, Heart, Pentagon, Hexagon
- อ่านตัวอักษร A-Z ได้ (ไม่ใช่แค่ร้องเป็นเพลง)
- นับเลข 1-10 ได้
- บอกอวัยวะร่างกายตัวเองได้
👉 สิ่งที่เพิ่มเติมสำหรับการสอบเข้า K5 ของลูกสาว
พูดคุยแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่กลัว
- เขียนชื่อ-นามสกุล และตัวอักษร A-Z ได้
- รู้เสียง Phonics ฟังเข้าใจ และออกเสียงง่ายๆ ได้ เช่น C-A-T
- สามารถเล่าเรื่องจากภาพได้ มีรายละเอียดเป็นประโยค
- ใช้ iPad ในการทดสอบได้ ( ปีที่ลูกสาวสอบ มีให้เลือกจำนวน บวก-ลบ ใน iPad
- บวก-ลบง่าย ๆ ได้
🎉🎉นอกจากความรู้ของน้อง ๆ แล้ว ควรเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายในตัวเด็กด้วยครับ
เนื่องจาก ICS ไม่มี Nursery เริ่มต้นที่ K4 เลย เด็กควรต้องเหลือตัวเองได้ เช่น
- หยิบจับของได้ดี ต่อบล็อก ตัดกระดาษได้
- เลิกใส่แพมเพิส อั้นได้ เข้าห้องน้ำเองได้
- กินอาหารเองได้
- มาโรงเรียน ไม่ร้องกลับบ้าน
ทีสำคัญก่อนสอบรักษาสีขภาพน้องให้ดี ระวังเป็นหวัด ไม่สบาย นอนให้พอ ไม่งั้นงอแงในวันสอบ
👍👍👍และในส่วนสุดท้ายที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด คือ ความพร้อมทางจิตใจของเด็ก ผมอยากแบ่งเป็น 3 ช่วง
👉ช่วงเตรียมพร้อมก่อนสอบ
1 ทำให้เด็กอยากเข้าเรียนด้วยตัวเองก่อน เด็กจะได้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดี ไม่ใช่แค่ตัวเราพ่อแม่อยากให้ลูกเข้าให้ได้ เหมือนเราปรบมือข้างเดียวถ้าลูกไม่เอาไม่ไม่ให้ความร่วมมือก็ยาก ผมก็เลยใช้วิธีพาเค้าไปดูโรงเรียน พาไปดูสนามเด็กเล่นแล้ว เชียร์เค้าว่า เครื่องเล่นที่นี่สนุกมาก สนามหญ้าก็ใหญ่มาก ครูใจดี มีเพื่อนและกิจกรรมสนุกๆ มากมาย รออยู่ จนเค้าเริ่มรู้สึกว่าอยากมาเรียนที่นี่ ถ้าเค้าอยากเข้าด้วยตัวเอง งานก็จะง่ายขึ้นมากครับ 555
2 ไม่ทำให้เด็กกลัวการสอบ อย่ากดดันเกินไป คำว่าสอบมันน่ากลัวเสมอ 555 บางทีเราพูดทุกวันว่าลูกต้องสอบให้ได้นะ ทุกวันๆ จนลืมว่าลูกกำลังรู้สึกอย่างไร ? เด็กอาจเครียด บางคนรู้สึกว่ามันยาก มันน่ากลัว อาจต้องลองเปลี่ยนคำพูดของเราดูครับ โดยตัวผมจะบอกลูกผมว่าไม่ได้ไปสอบแค่คุณครูอยากรู้จักหนูว่าเป็นเด็กดี ฉลาด น่ารักมั้ย และถ้าคุณครูถามอะไรมา ถ้าตอบได้ก็ตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร I don’t know 555 ถ้าคุณเป็นว่าหนูเก่งน่ารัก 555 เค้าจะได้ให้หนูเข้าไปเรียนที่เดียวกับพี่ของหนู สรุปคือต้องทำให้เค้าสบายใจไม่กลัวลองหาวิธีอธิบายให้เค้าไม่กลัวให้ได้
3 สร้างความมั่นใจให้เด็กว่าทำได้ ผมรู้สึกว่าเด็ก 3 -4 ขวบ ยังเล็กมากนะครับ เราต้องเตรียมส่วนนี้ให้ดี การเรียน เราสอนให้เค้า ถ้ามันหนักเกินเครียดเกิน เค้าจะรู้สึกว่ามันยาก คงทำไม่ได้ ตอนแรกผมก็เคยพลาด เนื่องอยากกดดันตัวเองมากไปเพราะว่ากลัวว่าถ้าเค้าเข้าไม่ได้ เร่งอัดสอนใหญ่เลย ผลคือเละไปกันใหญ่เลย ที่เรียนมาลืมหมด ตกใจเสียงพ่อ 555 โชคดีที่ไหวตัวทันครับเพราะมีคุณครูให้คำแนะนำมาว่าดูน้องเริ่มเครียดครับ สรุปสุดท้ายการพัฒนาเด็กเล็กต้องให้สนุกครับ พยามสอน ทุกอย่าวเป็นเกมส์ เช่น Flash Card ทายภาพ เล่านิทาน ทำเป็นกิจกรรม เป็นการเล่นให้มากที่สุด น้องจะเรียนรู้ได้ดีมากกว่า และ ถ้าเพื่อนๆท่านไหน มีเกมดีๆ เทคนิคดีๆ ในการสอนลูก ก็ช่วยกันแนะนำเพิ่มเติมใน Comment ให้เพื่อนๆได้เลยนะครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นๆด้วยครับ
👉 การเตรียมพร้อมในวันสอบ
- อยากบอกไว้เลยครับว่าในวันสอบจริง จะมีเด็กร้องให้เกือบครึ่งตอนเข้าห้องสอบ ที่สำคัญคือลูกเราต้องไม่ร้องให้ตามคนอื่นๆ เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆนะครับ แต่ เรื่องนี้ ผมเคยพลาดมาแล้ว ตั้งแต่นสมัยตอนที่ส่งลูกไป Nursery วันแรก เราคิดว่าลูกเราพร้อมเค้าคงไม่ร้องไห้ แต่พอไปจริงเจอเพี่อนในห้องร้องให้หลายคน เค้าก็ร้องตาม 555. อันนี้ต้องเตรียมให้ดี ต้องบอกสถานการณ์ให้ลูกรู้ก่อน ว่าพ่อรออยู่หน้าห้องนะ ไม่ต้องกลัวพ่อเข้าไปไม่ได้ แต่พ่อรออยู่ตลอด ออกมาเจอเลยแน่นอน พ่อจะแอบดูด้วยนะ อันนี้ขึ้นกับเด็กว่าเค้าขอบแบบไหน บางคนชอบท้าทาย บางคนขอบให้ชม เพราะว่าเด็กเล็กเค้ารองให้ง่ายนะครับถ้าร้องให้ในวันสอบนี่โอกาสสอบเข้าได้หายไป 80% เลย
- เด็กต้องไม่เกเรในวันสอบ 555 เพราะผมเชื่อว่าแนวทางของโรงเรียน ICS เค้ามีกลิ่นอายของความนอบน้อม เด็กที่นี่ถ้าใครลองไปเยี่ยมชมโรงเรียนจะเห็นว่า ลักษณะเด็กๆจะมีมารยาท น่ารัก ไม่ดูก้าวร้าวมากนัก ผมเชื่อว่าไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ คิดว่าโรงเรียนคงให้ความสำคัญในการเลือกลักณะของเด็กๆด้วยพอสมควร อย่างเช่น ปีนี้การสอบ K4 มี 2 Step. 1. เรียกเข้าไปพร้อมกัน 4- 5 คน รอในห้องแรกที่มีของเล่นและครผู้ช่วยให้เล่นรอด้วยกันสักพัก Step 2 ครูค่อยเรียกเข้าไปอีกห้องเพื่อสัมภาษณ์ ผมเลยเชื่อว่าเค้าก็คงต้องดูว่าแต่ละคนเป็นยังไง? เข้ากับเด็กคนอื่นๆได้มั้ย เกเรมั้ย นิสัยเป็นยังไง เล่นแล้วเก็บของเล่นเข้าที่มั้ย ครูผู้คุมสอบคงแอบดูอยู่หมด และ พอถึงเวลาเรียกเด็กให้ไปสัมภาษณ์หยุดเล่นมั้ย เรียนแล้วไปมั้ย อันนี้แต่ละบ้านต้องหาจุดกันเองว่าทำอย่างไรให้วันเด็กไม่กลัวครู และยอมให้ความร่วมมือกับครู ตอบให้ เสียงดังฟังชัด มั่นใจ ไม่เกเร ในส่วนลูกผมเค้าชอบให้เราชื่อชมเวลาเค้าเป็นเด็กดี และก็มีสินบนรางวัลนิดหน่อย 555 บอกเค้าว่าถ้า ตอบเสียงดัง ไม่ซุกซนไปมา เป็นเด็กดี ถ้าทำได้ออกมาจะมีรางวัลให้ 555
👉เตรียมพร้อมหลังสอบเสร็จ
เราต้องยอมรับว่าการสอบเข้าที่ ICS ไม่ได้ง่ายเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่รับในแต่ละปีไม่มาก ต้องทำใจยอมรับในระดับหนึ่งว่าอาจจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกเราไม่เก่งเราต้องแยกให้ออก มันมีหลายๆเหตุผลมารวมกัน ผมเลยตั้งใจไว้แต่แรกก่อนที่จะรู้ผลสอบว่า
😊ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ต้องไม่ทำให้ลูกเสียใจสร้างความทรงจำที่ดี และให้ลูกภูมิใจในตัวเอง
เพราะ แค่เค้ายอมพยายามเต็มที่ แค่นี้ก็ยอดมากแล้วสำหรับเด็ก เพราะนึกย้อน เราอายุเท่าเค้า เราทำอะไรได้บ้าง รุ่นเราไม่เคยต้องมาสอบอะไรแบบนี้ ลูกเราเค้าเก่งมากๆแล้ว👏🏻👏🏻 ที่ตั้งใจเรียนและมาร่วมสอบเป็นสนามแรกในชีวิตของเค้า เพราะผมแอบสังเกตุเห็นเด็กบางคนเดินร้องให้ออกมา แล้วเจอกับพ่อแม่ที่มีสีหน้าผิดหวังในตัวเค้า เห็นแล้วทั้งสงสารทั้งเข้าใจทั้ง พ่อแม่ ทั้งลูกเลยครับ แต่อย่าลืมว่าการสอบไม่ได้มีรอบเดียวถ้าปีนี้ไม่ได้ปีหน้ามาใหม่ก็ได้ ถ้าลูกของเราไม่ฝังใจกับความผิดหวังเค้ายังมีโอกาสเสมอ
😊และที่สำคัยผมว่าโรงเรียนดีๆไม่ได้มีที่เดียว ผมเห็นลูกของเพื่อนๆหลายๆคนก็เก่งมากๆ แต่ละที่ก็มีดีของตัวเอง ส่วนตัวผมเลยคือ ICS นั้นใกล้บ้านเรา และมีสังคมที่ดูเหมาะกับครอบครัวของเรา ผมชอบลักษณะของเด็กที่นี่ และอยู่ในระดับของค่าใช้จ่ายที่เราพอรับไหว เราจึงเลือกที่นี่ครับ แต่ละบ้านมีลักษณะเฉพาะของตัวเองครับไม่ต้องฟังคนอื่นๆมากเกินไปครับ
😊และสรุปสุดท้ายทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่สูตรสำเร็จอย่างใด แค่ตัวเราเคยเตรียมตัวอย่างไรก็เอามาเล่าแบบนั้น และเชื่อว่าการสอบแต่ละรอบก็อาจมีวิธีที่แตกต่างกันได้ แต่อย่างน้อยก็หวังว่า ยังพอจะใช้เป็นแนวทางให้พ่อแม่ที่กำลังเตรียมสอบให้ลูกๆ ได้อย่างมีความสุขครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัว สู้ ๆ ครับ! 🙏😊
………………………
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเคยเตรียมให้กับลูกครับ เผื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ที่กำลังวางแผนสอบเข้า ICS K4-K5
ผมเคยสรุปไว้เป็นวิดีโอด้วยครับ เผื่อใครถนัดฟังมากกว่าอ่าน
บันทึก การเตรียมตัวลูกๆสอบเข้า ICS ( K4, K5) 🎉ปี 2025
สวัสดีครับ เนื่องจากตัวผมได้ผ่านประสบการณ์ในการเตรียมตัวลูกๆ เพื่อสอบเข้าที่ ICS มาแล้วสองคนครั้งแรกกับลูกสาวคนโต สอบติด K5 ได้ ในปี 2566 (คศ. 2023)
และปีนี้กับลูกชายคนเล็ก สอบเข้า K4 และเพิ่งทราบผลเมื่อต้นเดือน (6 มีนาคม 2025) ว่าน้องได้รับการ Accepted แล้วครับ 🎉🎉🎉 ครั้งนี้ดีใจมากๆๆๆ เพราะแอบกดดัน กลัวว่าถ้าเค้าเข้าไม่ได้จะจัดการเรื่องโรงเรียนลูกยังไง ถ้าต้องเรียนคนละที่เหนื่อยมากแน่ๆ 😅 ในช่วงเตรียมตัวสอบลูกๆนี่ผมเครียดมาก ก็เลยพอเข้าใจหัวอกคุณพ่อคุณแม่ของน้องๆ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กๆ มันมีหลายเรื่องที่ในเวลานั้นผมก็อยากรู้พยายามหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง? ต้องรู้อะไรบ้าง? การสอบประมาณไหน? ก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราได้เคยทำอาจพอ เป็นแนวทางเบื้องต้นที่มีประโยชน์ให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมีแผนจะเตรียมสอบเข้าให้กับน้อง ๆ นะครับ
เริ่มจากเรื่องที่หลายๆคนกังวลใจ
❤️ถ้าไม่มี Sibling จะเข้าได้มั้ย?
ต้องบอกว่าครอบครังเราเป็นครอบครัวคนไทย พูดภาษาไทย100% ไม่เคยมีใครเคยเรียนในโรงเรียนอินเตอร์มาก่อนและ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้ลองให้ลูกสาวคนโตสอบเข้า ICS ในระดับชั้น K5 ตอนนั้นเราไม่มี Sibling ครับ เป็นการสอบครั้งแรกของครอบครัวเรา น้องก็สอบติดครับ ส่วนปีนี้ลูกชายคนเล็กได้สอบเข้า K4 ก็สอบได้ครับ ซึ่งปีนี้ถือว่าเรามี Sibling จากที่ดูๆ แล้ว ผมคิดว่าถ้าเด็กสองคนมีความพร้อมเท่าๆ กัน การมี Sibling ก็น่าจะช่วยเพิ่มโอกาส เพราะโรงเรียนเป็นแนวที่ให้ความสำคัญในทุกๆ มิติ ทั้งเรื่องความรู้ สังคมและครอบครัว สังเกตได้ว่าในปีล่าสุดนี้ เท่าที่ได้ลองสอบถามเพื่อนผู้ปกครองที่มี Sibling มาสอบแล้ว ก็พบว่ามีที่สอบไม่ได้ก็มีหลายคนครับ แต่ก็มีน้องที่เรียนติวภาษาอังกฤษที่เดียวกัน เค้าสอบได้โดยไม่มี Sibling ก็มีเช่นกัน
สรุป: ไม่ต้องมี Sibling ก็มีโอกาสเข้าได้ครับ แต่เชื่อว่าถ้ามี ก็น่าจะมีส่วนในการพิจารณาในกรณีที่เด็กมีความพร้อมใกล้เคียงกัน
หมายเหตุ: ถ้าเป็นโควต้าเด็กต่างชาติจะเข้าง่ายกว่า เพราะโรงเรียนต้องการคงสัดส่วนเด็กไทยกับเด็กต่างชาติ หากบ้านไหนมีสัญชาติอื่น ๆ ก็น่าจะเพิ่มโอกาสมากขึ้นครับถ้ายื่นสอบในสัญชาติอื่น
❤️แนวการสอบเป็นยังไง เด็กต้องมีความรู้อะไรบ้าง?
ผมพูดได้เฉพาะในส่วน K4, K5 ที่ลูกผมสอบนะครับ การสอบเป็นสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ โดยให้น้องเข้าไปสัมภาษณ์กับคุณครูตามลำพัง ไม่ให้ผู้ปกครองเข้าไปด้วย การพูดคุย เน้นที่ การสื่อสารได้ดี ดูความพร้อมของตัวเด็กในการเข้าเรียน และมีความรู้พื้นฐานระดับเริ่มต้นสำหรับชั้นอนุบาล
👉 สิ่งที่ผมเตรียมให้ลูกชายตอนสอบเข้า K4
เตรียมพื้นฐานการพูดฟังภาษาอังกฤษเบื้องต้น ต้องสื่อสารรู้เรื่อง หากที่บ้านพอคุยได้ ก็พยายามพูดกับลูกบ่อยๆ ให้น้องคุ้นชิน ไม่จำเป็นต้องเก่งมากเหมือนเด็กฝรั่งแท้ๆ แค่เรื่องพื้นฐานรอบๆตัวก็พอครับ เช่น
- การทักทาย แนะนำตัวเองได้ บอกชื่อตัวเอง วันเกิด อายุ
- เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ เช่น ให้อ่าน ให้หยิบของ ให้วางของ ให้หยุด ให้เงียบ ให้ฟัง ให้เดินให้กระโดด
- อธิบายสิ่งรอบตัวง่าย ๆ เช่น อยู่บนโต๊ะ อยู่ใต้โต๊ะ อยู่ในรถ
- บอกความต้องการง่าย ๆได้ เช่น หิวข้าว หิวนำ้ ขอผลไม้เพิ่ม ปวดหนัก ปวดเบา อยากเข้าห้องน้ำ รู้คำศัพท์พื้นฐาน เช่น:
- สีหลัก ๆ : Red, Green, Blue, Yellow, Gray, Pink
- ตำแหน่ง: In, On, Over, Under, Front, Back
- รูปทรง: Triangle, Square, Star, Heart, Pentagon, Hexagon
- อ่านตัวอักษร A-Z ได้ (ไม่ใช่แค่ร้องเป็นเพลง)
- นับเลข 1-10 ได้
- บอกอวัยวะร่างกายตัวเองได้
👉 สิ่งที่เพิ่มเติมสำหรับการสอบเข้า K5 ของลูกสาว
พูดคุยแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่กลัว
- เขียนชื่อ-นามสกุล และตัวอักษร A-Z ได้
- รู้เสียง Phonics ฟังเข้าใจ และออกเสียงง่ายๆ ได้ เช่น C-A-T
- สามารถเล่าเรื่องจากภาพได้ มีรายละเอียดเป็นประโยค
- ใช้ iPad ในการทดสอบได้ ( ปีที่ลูกสาวสอบ มีให้เลือกจำนวน บวก-ลบ ใน iPad
- บวก-ลบง่าย ๆ ได้
🎉🎉นอกจากความรู้ของน้อง ๆ แล้ว ควรเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายในตัวเด็กด้วยครับ
เนื่องจาก ICS ไม่มี Nursery เริ่มต้นที่ K4 เลย เด็กควรต้องเหลือตัวเองได้ เช่น
- หยิบจับของได้ดี ต่อบล็อก ตัดกระดาษได้
- เลิกใส่แพมเพิส อั้นได้ เข้าห้องน้ำเองได้
- กินอาหารเองได้
- มาโรงเรียน ไม่ร้องกลับบ้าน
ทีสำคัญก่อนสอบรักษาสีขภาพน้องให้ดี ระวังเป็นหวัด ไม่สบาย นอนให้พอ ไม่งั้นงอแงในวันสอบ
👍👍👍และในส่วนสุดท้ายที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด คือ ความพร้อมทางจิตใจของเด็ก ผมอยากแบ่งเป็น 3 ช่วง
👉ช่วงเตรียมพร้อมก่อนสอบ
1 ทำให้เด็กอยากเข้าเรียนด้วยตัวเองก่อน เด็กจะได้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดี ไม่ใช่แค่ตัวเราพ่อแม่อยากให้ลูกเข้าให้ได้ เหมือนเราปรบมือข้างเดียวถ้าลูกไม่เอาไม่ไม่ให้ความร่วมมือก็ยาก ผมก็เลยใช้วิธีพาเค้าไปดูโรงเรียน พาไปดูสนามเด็กเล่นแล้ว เชียร์เค้าว่า เครื่องเล่นที่นี่สนุกมาก สนามหญ้าก็ใหญ่มาก ครูใจดี มีเพื่อนและกิจกรรมสนุกๆ มากมาย รออยู่ จนเค้าเริ่มรู้สึกว่าอยากมาเรียนที่นี่ ถ้าเค้าอยากเข้าด้วยตัวเอง งานก็จะง่ายขึ้นมากครับ 555
2 ไม่ทำให้เด็กกลัวการสอบ อย่ากดดันเกินไป คำว่าสอบมันน่ากลัวเสมอ 555 บางทีเราพูดทุกวันว่าลูกต้องสอบให้ได้นะ ทุกวันๆ จนลืมว่าลูกกำลังรู้สึกอย่างไร ? เด็กอาจเครียด บางคนรู้สึกว่ามันยาก มันน่ากลัว อาจต้องลองเปลี่ยนคำพูดของเราดูครับ โดยตัวผมจะบอกลูกผมว่าไม่ได้ไปสอบแค่คุณครูอยากรู้จักหนูว่าเป็นเด็กดี ฉลาด น่ารักมั้ย และถ้าคุณครูถามอะไรมา ถ้าตอบได้ก็ตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร I don’t know 555 ถ้าคุณเป็นว่าหนูเก่งน่ารัก 555 เค้าจะได้ให้หนูเข้าไปเรียนที่เดียวกับพี่ของหนู สรุปคือต้องทำให้เค้าสบายใจไม่กลัวลองหาวิธีอธิบายให้เค้าไม่กลัวให้ได้
3 สร้างความมั่นใจให้เด็กว่าทำได้ ผมรู้สึกว่าเด็ก 3 -4 ขวบ ยังเล็กมากนะครับ เราต้องเตรียมส่วนนี้ให้ดี การเรียน เราสอนให้เค้า ถ้ามันหนักเกินเครียดเกิน เค้าจะรู้สึกว่ามันยาก คงทำไม่ได้ ตอนแรกผมก็เคยพลาด เนื่องอยากกดดันตัวเองมากไปเพราะว่ากลัวว่าถ้าเค้าเข้าไม่ได้ เร่งอัดสอนใหญ่เลย ผลคือเละไปกันใหญ่เลย ที่เรียนมาลืมหมด ตกใจเสียงพ่อ 555 โชคดีที่ไหวตัวทันครับเพราะมีคุณครูให้คำแนะนำมาว่าดูน้องเริ่มเครียดครับ สรุปสุดท้ายการพัฒนาเด็กเล็กต้องให้สนุกครับ พยามสอน ทุกอย่าวเป็นเกมส์ เช่น Flash Card ทายภาพ เล่านิทาน ทำเป็นกิจกรรม เป็นการเล่นให้มากที่สุด น้องจะเรียนรู้ได้ดีมากกว่า และ ถ้าเพื่อนๆท่านไหน มีเกมดีๆ เทคนิคดีๆ ในการสอนลูก ก็ช่วยกันแนะนำเพิ่มเติมใน Comment ให้เพื่อนๆได้เลยนะครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นๆด้วยครับ
👉 การเตรียมพร้อมในวันสอบ
- อยากบอกไว้เลยครับว่าในวันสอบจริง จะมีเด็กร้องให้เกือบครึ่งตอนเข้าห้องสอบ ที่สำคัญคือลูกเราต้องไม่ร้องให้ตามคนอื่นๆ เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆนะครับ แต่ เรื่องนี้ ผมเคยพลาดมาแล้ว ตั้งแต่นสมัยตอนที่ส่งลูกไป Nursery วันแรก เราคิดว่าลูกเราพร้อมเค้าคงไม่ร้องไห้ แต่พอไปจริงเจอเพี่อนในห้องร้องให้หลายคน เค้าก็ร้องตาม 555. อันนี้ต้องเตรียมให้ดี ต้องบอกสถานการณ์ให้ลูกรู้ก่อน ว่าพ่อรออยู่หน้าห้องนะ ไม่ต้องกลัวพ่อเข้าไปไม่ได้ แต่พ่อรออยู่ตลอด ออกมาเจอเลยแน่นอน พ่อจะแอบดูด้วยนะ อันนี้ขึ้นกับเด็กว่าเค้าขอบแบบไหน บางคนชอบท้าทาย บางคนขอบให้ชม เพราะว่าเด็กเล็กเค้ารองให้ง่ายนะครับถ้าร้องให้ในวันสอบนี่โอกาสสอบเข้าได้หายไป 80% เลย
- เด็กต้องไม่เกเรในวันสอบ 555 เพราะผมเชื่อว่าแนวทางของโรงเรียน ICS เค้ามีกลิ่นอายของความนอบน้อม เด็กที่นี่ถ้าใครลองไปเยี่ยมชมโรงเรียนจะเห็นว่า ลักษณะเด็กๆจะมีมารยาท น่ารัก ไม่ดูก้าวร้าวมากนัก ผมเชื่อว่าไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ คิดว่าโรงเรียนคงให้ความสำคัญในการเลือกลักณะของเด็กๆด้วยพอสมควร อย่างเช่น ปีนี้การสอบ K4 มี 2 Step. 1. เรียกเข้าไปพร้อมกัน 4- 5 คน รอในห้องแรกที่มีของเล่นและครผู้ช่วยให้เล่นรอด้วยกันสักพัก Step 2 ครูค่อยเรียกเข้าไปอีกห้องเพื่อสัมภาษณ์ ผมเลยเชื่อว่าเค้าก็คงต้องดูว่าแต่ละคนเป็นยังไง? เข้ากับเด็กคนอื่นๆได้มั้ย เกเรมั้ย นิสัยเป็นยังไง เล่นแล้วเก็บของเล่นเข้าที่มั้ย ครูผู้คุมสอบคงแอบดูอยู่หมด และ พอถึงเวลาเรียกเด็กให้ไปสัมภาษณ์หยุดเล่นมั้ย เรียนแล้วไปมั้ย อันนี้แต่ละบ้านต้องหาจุดกันเองว่าทำอย่างไรให้วันเด็กไม่กลัวครู และยอมให้ความร่วมมือกับครู ตอบให้ เสียงดังฟังชัด มั่นใจ ไม่เกเร ในส่วนลูกผมเค้าชอบให้เราชื่อชมเวลาเค้าเป็นเด็กดี และก็มีสินบนรางวัลนิดหน่อย 555 บอกเค้าว่าถ้า ตอบเสียงดัง ไม่ซุกซนไปมา เป็นเด็กดี ถ้าทำได้ออกมาจะมีรางวัลให้ 555
👉เตรียมพร้อมหลังสอบเสร็จ
เราต้องยอมรับว่าการสอบเข้าที่ ICS ไม่ได้ง่ายเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่รับในแต่ละปีไม่มาก ต้องทำใจยอมรับในระดับหนึ่งว่าอาจจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกเราไม่เก่งเราต้องแยกให้ออก มันมีหลายๆเหตุผลมารวมกัน ผมเลยตั้งใจไว้แต่แรกก่อนที่จะรู้ผลสอบว่า
😊ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ต้องไม่ทำให้ลูกเสียใจสร้างความทรงจำที่ดี และให้ลูกภูมิใจในตัวเอง
เพราะ แค่เค้ายอมพยายามเต็มที่ แค่นี้ก็ยอดมากแล้วสำหรับเด็ก เพราะนึกย้อน เราอายุเท่าเค้า เราทำอะไรได้บ้าง รุ่นเราไม่เคยต้องมาสอบอะไรแบบนี้ ลูกเราเค้าเก่งมากๆแล้ว👏🏻👏🏻 ที่ตั้งใจเรียนและมาร่วมสอบเป็นสนามแรกในชีวิตของเค้า เพราะผมแอบสังเกตุเห็นเด็กบางคนเดินร้องให้ออกมา แล้วเจอกับพ่อแม่ที่มีสีหน้าผิดหวังในตัวเค้า เห็นแล้วทั้งสงสารทั้งเข้าใจทั้ง พ่อแม่ ทั้งลูกเลยครับ แต่อย่าลืมว่าการสอบไม่ได้มีรอบเดียวถ้าปีนี้ไม่ได้ปีหน้ามาใหม่ก็ได้ ถ้าลูกของเราไม่ฝังใจกับความผิดหวังเค้ายังมีโอกาสเสมอ
😊และที่สำคัยผมว่าโรงเรียนดีๆไม่ได้มีที่เดียว ผมเห็นลูกของเพื่อนๆหลายๆคนก็เก่งมากๆ แต่ละที่ก็มีดีของตัวเอง ส่วนตัวผมเลยคือ ICS นั้นใกล้บ้านเรา และมีสังคมที่ดูเหมาะกับครอบครัวของเรา ผมชอบลักษณะของเด็กที่นี่ และอยู่ในระดับของค่าใช้จ่ายที่เราพอรับไหว เราจึงเลือกที่นี่ครับ แต่ละบ้านมีลักษณะเฉพาะของตัวเองครับไม่ต้องฟังคนอื่นๆมากเกินไปครับ
😊และสรุปสุดท้ายทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่สูตรสำเร็จอย่างใด แค่ตัวเราเคยเตรียมตัวอย่างไรก็เอามาเล่าแบบนั้น และเชื่อว่าการสอบแต่ละรอบก็อาจมีวิธีที่แตกต่างกันได้ แต่อย่างน้อยก็หวังว่า ยังพอจะใช้เป็นแนวทางให้พ่อแม่ที่กำลังเตรียมสอบให้ลูกๆ ได้อย่างมีความสุขครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัว สู้ ๆ ครับ! 🙏😊
………………………
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเคยเตรียมให้กับลูกครับ เผื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ที่กำลังวางแผนสอบเข้า ICS K4-K5
ผมเคยสรุปไว้เป็นวิดีโอด้วยครับ เผื่อใครถนัดฟังมากกว่าอ่าน