สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่นะ คนไทยเงินในบัญชีเกิน 50K มีแค่หลัก 1-3 ล้านเองครับ หลายคนลำบากและยากจนลงเยอะ ติดกับดักการตลาดการใช้ชีวิตติดแกลมเยอะแยะ
ใครจะว่าขี้เหนียวช่างหัวมัน เรามีตังเยอะกว่ามันก็เป็นพอ ผมถือคติแบบนี้ พวกจนไม่มีสิทธิมาอวดฉลาดใส่คนที่เขามีเงินเก็บสูงกว่าครับ พวกความคิดจนๆ ก็ปล่อยให้มันจนแล้วอดอยากปากแห้งดักดานแบบนั้นไปอะแหละดีแล้วครับ
จริ้ง ใครเป็นพวกถังแตกผมไม่คบเป็นเพื่อนเลยนะ ไม่อยากมาเจอมันยืมเงิน เงินเรา มันเรื่องของเรา คนอื่นเกี่ยวไร??
สิ่งนึงที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเรานะจากการทำงานไต่ระดับเงินเดือนมาเรื่อยๆ คือ คนจนมักจะเผยแพร่ความคิดจนๆ ให้คนอื่นโดยที่คนนั้นไม่รู้ตัวว่า ตัวเองคิดแบบคนจนอยู่ จะชอบอ้างเหตุผลนั่นนู่นนี่แบบว่า หลายอย่างเลยแหละครับ แล้วคนพวกนี้เต็มไปหมดครับ ยิ่งทำงานไม่สูงยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น
สังคมด้านบน จะไม่ค่อยยุ่งกันมากนักเพราะว่าแต่ละคน ถึงจะฟุ่มเฟือย (แต่เขาหาเงินได้เยอะก็เลยฟุ่มเฟือยได้เยอะขึ้น) เงินเก็บเขาก็มีโอกาศสร้างรายได้เยอะ เขาเลยจะไม่ยุ่งไม่เจือกเยอะ มันเหมือนมารยาทของคนที่เข้า รู้และเข้าใจว่า อย่าไปยุ่งถ้าไม่อยากโดนด่า
เงินใครทำงานหามาได้อย่างเน็ดเหนื่อย จะเก็บ จะออม จะใช้ เขาก็คิดเองของเขาได้ ทักษะ ความสามารถก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงฐานะและรายได้ที่เข้ามา เขาถึงไม่ชอบการที่คนต่ำกว่า รายได้น้อยกว่า เดือนชนเดือน มาบอกมาสอนว่าต้องทำยังไง
ต้องใช้เงินยังไงมันดูไม่ดีขนาดนั้นครับ หรือ ไปบอกว่าต้องเรียนอะไรยังไง ทั้งที่คนเหล่านั้นการศึกษาดีกว่าเยอะเลย ผมถึงเรียกว่าความคิดแบบคนจนไง แล้วเวลาคุณไปใช้เงินตามเขาเยอะ เอาเงินไปซื้อรถมาอวด เอาเงินไปเที่ยวจนหมดตัว เอาเงินไปเปย์จนล้มเหลว ไปเรียนอะไรผิดๆ
สิ่งนึงที่เสียไปเลยแน่นอน คือ เวลาครับ แล้วคนเราไม่ได้มีเวลาเยอะไม่ได้อายุ 200-400 ปี เรามีเวลาแค่ 37 ปีให้ก่อร่างสร้างตัวให้ได้เร็วที่สุดจะได้ไม่เสี่ยงเป็นคนล้มเหลว เกษียณตัวเองไม่ได้ยามแก่
แต่คุณดูคนเหล่านี้ ทำไม เขาถึงพยายามสอนให้เราห่วยแตกลง พยายามอวยหรือให้เหตุผลว่าชีวิตแบบเขามันดียังไง นั่นแหละครับ ความน่ากลัวที่แท้จริง และ ควรเลี่ยงคนแบบนี้ในชีวิตให้เยอะ ถ้าไม่อยากซวยไปตามกัน
แล้วผลของมัน พอเงินคุณหมด คุณก็จะกลายเป็นคนจนเหมือนพวกเขา คุณไปเชื่อคนพวกนีมากสุดท้ายคุณก็เชื่อทุกอย่างไปหมดจนชีวิตไม่สามารถพัฒนาหรือทำอะไรได้อีก คุณอยากได้ชีวิตแบบนั้นจริงหรอ ถ้าไม่อยากได้ ให้ลองอ่านความคิดคนจนในคอมเม้นผมดูครับ แล้วคุณจะเห็นว่า
คนแบบใดคิดแบบคนจน และ คนแบบใดเขาพยายามต่อต้านหรือชี้นำชาวบ้านแบบผิดๆ มันต่างกันตรงนี้ เพราะ ผมรู้ว่าคนเหล่านี้นิยมคิดแบบใด เลยล่อเป้า ดักทางคนพวกนี้ให้มันพยายามแสดงความคิดแบบจนๆ ออกมาให้ดู
ซึ่งผมอ่านความคิดคนเหล่านี้ได้ส่วนนึก และ รู้ว่า คนจนมักเกลียดแนวคิดแบบใด แต่นั่นแหละคือวิธีการล่อ คนจนที่แท้จริงออกมาเพราะว่า
เวลาเราเหยียดคนจน (ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่) แบบอาจจะเล่นละครตีบทเพราะอยากรู้ คนจนนิยมจะคิดว่า ชั้นจนแล้วชั้นเป็นยังไง คิดยังไง ก็จะมาอธิบายนั่นนู่นนี่ สอนแนวคิด สอนแบบนั้นนั่นนู่นนี่ แล้วคนพวกนี้มักจะทนไม่ค่อยได้รู้สึกว่า น้อยเนื้อต่ำใจเลยต้องมาหาทางต่อสู้ดีเบทว่า ชั้นจนแล้วมีดีหยั่งงั้นหยั่งงี้เองนั่นแหละครับ
หลายคนที่เป็นคนจนเขาก็จะนิยมมาบอกว่า เนี้ยนะ ชีวิตชั้นนะเป็นแบบนี้ ชั้นคิดแบบนี้ดีกว่าไหม แค่นี้พอไหม แต่นั่นแหละครับคือภาพสะท้อนว่า
เขาสามารถคิดได้แค่นั้นจริงๆ เขาไม่สามารถรับรู้ข้อมูล หรือ ความคิดแบบอื่นเข้าไปแทนได้ เขาเลยไม่รู้ตัวสักทีเขาถึงถูกจูงจมูกได้ง่าย โดนหลอกได้ง่าย จากความไม่รู้ของตัวเอง แล้วไปพยายามเถียงว่ารู้เยอะแค่ไหนนั่นแหละ ง่ายๆ
แต่กลับกันคนรวยใช้มุขนี้ไม่ได้ เพราะ คนรวยเขาก็จับโป๊ะกันเก่งครับ รวยจริง รวยปลอมเขารู้ การไปเหยียดไม่ช่วยอะไรเลย เพราะ เขาคุยแปปเดียวก็รู้แล้วว่า อินี่ปลอมเปลือกแล้วหละ
ใครจะว่าขี้เหนียวช่างหัวมัน เรามีตังเยอะกว่ามันก็เป็นพอ ผมถือคติแบบนี้ พวกจนไม่มีสิทธิมาอวดฉลาดใส่คนที่เขามีเงินเก็บสูงกว่าครับ พวกความคิดจนๆ ก็ปล่อยให้มันจนแล้วอดอยากปากแห้งดักดานแบบนั้นไปอะแหละดีแล้วครับ
จริ้ง ใครเป็นพวกถังแตกผมไม่คบเป็นเพื่อนเลยนะ ไม่อยากมาเจอมันยืมเงิน เงินเรา มันเรื่องของเรา คนอื่นเกี่ยวไร??
สิ่งนึงที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเรานะจากการทำงานไต่ระดับเงินเดือนมาเรื่อยๆ คือ คนจนมักจะเผยแพร่ความคิดจนๆ ให้คนอื่นโดยที่คนนั้นไม่รู้ตัวว่า ตัวเองคิดแบบคนจนอยู่ จะชอบอ้างเหตุผลนั่นนู่นนี่แบบว่า หลายอย่างเลยแหละครับ แล้วคนพวกนี้เต็มไปหมดครับ ยิ่งทำงานไม่สูงยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น
สังคมด้านบน จะไม่ค่อยยุ่งกันมากนักเพราะว่าแต่ละคน ถึงจะฟุ่มเฟือย (แต่เขาหาเงินได้เยอะก็เลยฟุ่มเฟือยได้เยอะขึ้น) เงินเก็บเขาก็มีโอกาศสร้างรายได้เยอะ เขาเลยจะไม่ยุ่งไม่เจือกเยอะ มันเหมือนมารยาทของคนที่เข้า รู้และเข้าใจว่า อย่าไปยุ่งถ้าไม่อยากโดนด่า
เงินใครทำงานหามาได้อย่างเน็ดเหนื่อย จะเก็บ จะออม จะใช้ เขาก็คิดเองของเขาได้ ทักษะ ความสามารถก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงฐานะและรายได้ที่เข้ามา เขาถึงไม่ชอบการที่คนต่ำกว่า รายได้น้อยกว่า เดือนชนเดือน มาบอกมาสอนว่าต้องทำยังไง
ต้องใช้เงินยังไงมันดูไม่ดีขนาดนั้นครับ หรือ ไปบอกว่าต้องเรียนอะไรยังไง ทั้งที่คนเหล่านั้นการศึกษาดีกว่าเยอะเลย ผมถึงเรียกว่าความคิดแบบคนจนไง แล้วเวลาคุณไปใช้เงินตามเขาเยอะ เอาเงินไปซื้อรถมาอวด เอาเงินไปเที่ยวจนหมดตัว เอาเงินไปเปย์จนล้มเหลว ไปเรียนอะไรผิดๆ
สิ่งนึงที่เสียไปเลยแน่นอน คือ เวลาครับ แล้วคนเราไม่ได้มีเวลาเยอะไม่ได้อายุ 200-400 ปี เรามีเวลาแค่ 37 ปีให้ก่อร่างสร้างตัวให้ได้เร็วที่สุดจะได้ไม่เสี่ยงเป็นคนล้มเหลว เกษียณตัวเองไม่ได้ยามแก่
แต่คุณดูคนเหล่านี้ ทำไม เขาถึงพยายามสอนให้เราห่วยแตกลง พยายามอวยหรือให้เหตุผลว่าชีวิตแบบเขามันดียังไง นั่นแหละครับ ความน่ากลัวที่แท้จริง และ ควรเลี่ยงคนแบบนี้ในชีวิตให้เยอะ ถ้าไม่อยากซวยไปตามกัน
แล้วผลของมัน พอเงินคุณหมด คุณก็จะกลายเป็นคนจนเหมือนพวกเขา คุณไปเชื่อคนพวกนีมากสุดท้ายคุณก็เชื่อทุกอย่างไปหมดจนชีวิตไม่สามารถพัฒนาหรือทำอะไรได้อีก คุณอยากได้ชีวิตแบบนั้นจริงหรอ ถ้าไม่อยากได้ ให้ลองอ่านความคิดคนจนในคอมเม้นผมดูครับ แล้วคุณจะเห็นว่า
คนแบบใดคิดแบบคนจน และ คนแบบใดเขาพยายามต่อต้านหรือชี้นำชาวบ้านแบบผิดๆ มันต่างกันตรงนี้ เพราะ ผมรู้ว่าคนเหล่านี้นิยมคิดแบบใด เลยล่อเป้า ดักทางคนพวกนี้ให้มันพยายามแสดงความคิดแบบจนๆ ออกมาให้ดู
ซึ่งผมอ่านความคิดคนเหล่านี้ได้ส่วนนึก และ รู้ว่า คนจนมักเกลียดแนวคิดแบบใด แต่นั่นแหละคือวิธีการล่อ คนจนที่แท้จริงออกมาเพราะว่า
เวลาเราเหยียดคนจน (ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่) แบบอาจจะเล่นละครตีบทเพราะอยากรู้ คนจนนิยมจะคิดว่า ชั้นจนแล้วชั้นเป็นยังไง คิดยังไง ก็จะมาอธิบายนั่นนู่นนี่ สอนแนวคิด สอนแบบนั้นนั่นนู่นนี่ แล้วคนพวกนี้มักจะทนไม่ค่อยได้รู้สึกว่า น้อยเนื้อต่ำใจเลยต้องมาหาทางต่อสู้ดีเบทว่า ชั้นจนแล้วมีดีหยั่งงั้นหยั่งงี้เองนั่นแหละครับ
หลายคนที่เป็นคนจนเขาก็จะนิยมมาบอกว่า เนี้ยนะ ชีวิตชั้นนะเป็นแบบนี้ ชั้นคิดแบบนี้ดีกว่าไหม แค่นี้พอไหม แต่นั่นแหละครับคือภาพสะท้อนว่า
เขาสามารถคิดได้แค่นั้นจริงๆ เขาไม่สามารถรับรู้ข้อมูล หรือ ความคิดแบบอื่นเข้าไปแทนได้ เขาเลยไม่รู้ตัวสักทีเขาถึงถูกจูงจมูกได้ง่าย โดนหลอกได้ง่าย จากความไม่รู้ของตัวเอง แล้วไปพยายามเถียงว่ารู้เยอะแค่ไหนนั่นแหละ ง่ายๆ
แต่กลับกันคนรวยใช้มุขนี้ไม่ได้ เพราะ คนรวยเขาก็จับโป๊ะกันเก่งครับ รวยจริง รวยปลอมเขารู้ การไปเหยียดไม่ช่วยอะไรเลย เพราะ เขาคุยแปปเดียวก็รู้แล้วว่า อินี่ปลอมเปลือกแล้วหละ
แสดงความคิดเห็น
มีเงินเก็บ 1.7 แสน ทั้งที่ทำงานได้แค่ 1 ปี นี่เราขี้เหนียวเกินไปไหมคะ
ตอนนี้เราทำงานได้ 1 ปีแล้วและมีเงินเก็บ ตอนนี้ 1.7 แสน โดยสามารถแบ่งเงินเก็บเป็น 6 กระเป๋าได้ดังนี้
1. เงินฉุกเฉิน
2. เงินเกษียณ
3. เงินเก็บ (ออมหุ้น)
4. เงินเก็บ (กองทุนลดหย่อนภาษี)
5. ทอง
6. เงินเก็บแบบเสียเปล่า ปล่อยนอนเล่นในธนาคาร
ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเราทำงาน 2 ที่ค่ะเลยได้เงินเดือนรวมกัน 3 หมื่นต้นๆ แต่ตอนนี้ย้ายมาทำแถวบ้านที่เดียวเงินเดือนเลยเหลือแค่ 2.5 หมื่น
ปกติเราแบ่งเก็บ 70% ของเงินเดือนค่ะ ค่ากินค่าใช้จ่าย 15% อีก 10% ให้พ่อแม่เพราะเราอาศัยอยู่กับพวกท่านค่ะ เรารับผิดชอบเรื่องค่าน้ำที่บ้านอย่างเดียวค่ะเลยให้พวกท่านแค่นี้
แต่ขอเข้าประเด็นหลักเลยนะคะ
คือเราโดนเพื่อนบอกว่าเราขี้เหนียวมากเกินไปค่ะ เพราะเราแทบไม่ใช้เงินเลย เพื่อนชวนไปเที่ยวหรือยืมเงินก็ไม่เคยให้ทั้งๆที่เราก็มีเงินเก็บค่ะ
เราเลยค่อนข้างรู้สึกผิดว่าตกลงเราทำแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหมคะ เราขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่าคะ เราไม่มั่นใจในแนวทางที่เราใช้เก็บเงินในตอนนี้เลยค่ะ