SCB EIC ชี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวแบบชะลอ ฟื้นช้ากลุ่มรั้งท้ายโลก สูญเม็ดเงิน 6 ล้านล้านบาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_5097242
.
.
SCB EIC คงจีดีพีไทยปี 68 ที่ 2.4% นโยบายกีดกันสหรัฐกดดันส่งออก ศก.โตช้า4ปีสูญเม็ดเงิน 6 ล้านล้านบาท
.
วันที่ 18 มีนาคม นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า SCB EIC ยังคงมุมมองต่อประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวแบบชะลอตัวที่ 2.4% เทียบกับปี 2567 ที่ขยายตัวได้ 2.5%
.
นายยรรยง กล่าวว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัวเพียง 2.4% มาจากหลายปัจจัยเสี่ยง คือ นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ที่กดดันการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนของไทย เศรษฐกิจไทยจึงมีแนวโน้มได้รับผลกระทบอย่างมากจากสงครามการค้าทั้งทางตรงและทางอ้อม คาดว่าการส่งออกไทยปีนี้คิดเป็นสกุลเงินเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จะขยายตัวได้ 1.6% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 5.8% เนื่องจากการส่งออกไทยไปสหรัฐมีสัดส่วนถึง 18% ของการส่งออกทั้งหมด
.
นายยรรยง กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้นด้วยหลังจากจีนมีแผนทยอยลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ กระจายไปตลาดอื่นท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอกสูงขึ้น ภาคการผลิตไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าในปีนี้ ส่วนหนึ่งเพราะนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะสินค้าทุนและวัตถุดิบ ประกอบกับเทรนด์ธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในไทยเริ่มเปลี่ยนไป จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ เปลี่ยนเป็นการเข้ามาแข่งขันกับตลาดในประเทศมากขึ้น ภาพการลงทุนภาคเอกชนแม้จะกลับมาขยายตัวในปีนี้จากที่หดตัวแรงในปีก่อน แต่เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าทุนตามกระแสการลงทุนทางตรงจากต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่การลงทุนในประเทศด้านอื่นยังฟื้นตัวได้ไม่มากนัก
.
นายยรรยง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ากลุ่มรั้งท้ายของโลกจากทั้งหมด 180 ประเทศ สะท้อนอาการแผลเป็นโควิดหลายมิติ ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างเดิมที่ยังไม่ได้แก้ไข โดยใช้เวลานานมากถึง 4 ปี ซึ่งถือว่าช้ามาก ทำให้จากเดิมก่อนโควิดเศรษฐกิจไทยโตได้ระดับ 3% แต่หลังโควิด ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทย โตได้เฉลี่ยปีละประมาณ 2.1%
.
“เศรษฐกิจไทย เผชิญปัญหาหลังเกิดโควิดลงลึกมาก และฟื้นตัวโตกลับมาช้ามาก กลายเป็นแผล ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจเศรษฐกิจไทยเสียไป 4 ปีรวมมากถึง 6 ล้านล้านบาท” นายยรรยง กล่าว
.
.
ส่อบานปลาย! ม็อบ ‘ปลาหมอคางดำ’ ปิดประตูทำเนียบ กดดัน ‘นายกฯอิ๊งค์’ มารับเรื่อง
https://www.dailynews.co.th/news/4509323/
.
ส่อบานปลายหนัก! ม็อบ 'ปลาหมอคางดำ' ปิดประตูทำเนียบ กดดัน 'นายกฯอิ๊งค์' มารับเรื่อง
.
กรณี เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด นัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจะเดินเท้าไปหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำปลาหมอคางดำประมาณ 5 ตัน ไปเทบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงคำตอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาและการช่วยเหลือ และทวงคำตอบ 4 ข้อจาก น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 มี.ค. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น.
.
ความคืบหน้าวันเดียวกัน (18มี.ค.) ช่วงสาย กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มตั้งขบวนเดินเท้า เคลื่อนจากบริเวณหน้ากระทรวงเกษตร มุ่งหน้าไปยังประตู 5 หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รอง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ยืนรอรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
.
โดยมี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง นำกำลังเจ้าหน้าที่ คฝ. กว่า 100 นาย ยืนตรึงกำลังอยู่บริเวณหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูแลความปลอดภัยไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
[img][/img].
ขณะที่แกนนำผู้ชุมนุม ไม่ยอมยื่นเรื่องร้องเรียน พร้อมประกาศย้ำว่า ต้องให้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับเรื่องด้วยตนเองเท่านั้น ต่อมาเวลา 12.00 น.กลุ่มแกนนำประกาศ เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมเพื่อไปปิดหน้าประตู 5 เพื่อรอให้นายกรัฐมนตรีมารับหนังสือ ตามที่ได้ประกาศไว้
.
.
ม็อบธุรการ บุกศธ.ทวงคืนประกันสังคม โอดได้น้อยกว่าต่างด้าว สพฐ.ชงข้อเสนอกรมบัญชีกลาง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9678483
.
ม็อบลูกจ้างธุรการ นักการภารโรง บุกศธ.ทวงคืนสิทธิประกันสังคม โอดสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ น้อยกว่าพวกต่างด้าวอีก สพฐ.ชงข้อเสนอกรมบัญชีกลาง อีกรอบ
.
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้แทนสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทยและกลุ่มลูกจ้าง 5 ตำแหน่ง คือ ธุรการ, ครูวิกฤต, ครูวิทย์-คณิต, พี่เลี้ยงเด็กพิการ, นักการภารโรง กว่า 100 คน เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาลูกจ้าง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ปรับเปลี่ยนวิธีการจ้างเป็นจ้างเหมาบริการ และตัดเงินสมทบประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ส่งผลให้ลูกจ้างกว่า 72,044 คน ทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ อาทิ การรักษาพยาบาล การคลอดบุตร การรับเงินสงเคราะห์ เป็นต้น โดยมี นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ(สพร.) สพฐ. และ นายนิยม ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สนผ.) สพฐ. และคณะเป็นผู้รับเรื่อง
.
นายศุภสิน กล่าวว่า ตน พร้อมด้วยนายนิยม และคณะได้รับมอบหมายจากว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้มารับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้สพฐ.รับรู้ถึงปัญหาต่างๆ เป็นอย่างดี และในฐานะผู้อำนวยการ สพร. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลบุคลากร สพฐ. ทั้งระบบ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หารือกับผู้บังคับบัญชา และรายงานให้นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) รับทราบมาโดยตลอด
.
ที่ผ่านมาส่งหนังสือไปสอบถามกรมบัญชีกลาง กรณีการจ้างลูกจ้างชั่วคราวต่อเนื่อง ในปี 2567 ซึ่งทางกรมบัญชีกลาง ก็มีหนังสือตอบกลับมาว่าสามารถทำได้ แต่ต้องทำสัญญาภายในเดือนกันยายน จากนั้น สพฐ. ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือของบกลางเพื่อเยียวยาและทำมาตรฐานตำแหน่ง เสนอให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พิจารณา
.
ซึ่งทางก.พ. ตอบกลับมาว่า ตำแหน่งลูกจ้าง ไม่ใช่ตำแหน่งหลักเป็นตำแหน่งส่งเสริม ดังนั้น จึงต้องกลับมาหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงหารือกับคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
.
“การหารือกับกมธ.การศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในครั้ง สำนักงานก.พ.ให้ข้อแนะนำ ให้ไปทำความตกลงกับ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เสนอแนวทางเปลี่ยนจากจ้างเหมาบริการ มาเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ ซึ่งมีแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ อาทิ กรณีลูกจ้างชั่วคราวของ กระทรวงการต่างประเทศ ลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.)
.
แต่ที่ดูมีความเป็นไปได้ของกลุ่มลูกจ้างศธ. คือลูกจ้างที่ทำความตกลงพิเศษ กับกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า แนวทางนี้จะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด” นายศุภสิน กล่าว
.
ผู้อำนวยการสพร. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อได้แนวทางดังกล่าว ตนจัดทำหนังสือ ข้อเสนอการแก้ไขปัญหา รวมถึงมาตรฐานตำแหน่ง เสนอให้กรมบัญชีกลาง พิจารณา หากกรมบัญชีกลางให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งให้สำนักงานก.พ. ดูมาตรฐานตำแหน่ง และกรอบตำแหน่งอีกรอบ ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับมาใช้จ้างชั่วคราว
.
เพราะบางตำแหน่งก็จ้างไม่ได้ โดยต้องดูลักษณะเหตุผลและความจำเป็น หากสำนักงานก.พ.เห็นชอบ ก็ต้องส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณ พิจารณา เพื่อของบ ซึ่งกลุ่มที่จะได้กลับไปจ้างชั่วคราว จะได้รับเงินประกันสังคมอันโนมัติ และใช้งบเพียงกว่า 200 ล้านบาท รายละเอียดเหล่านี้ทางสพฐ. ดำเนินการมาหมดแล้ว รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คาดว่าจะหารือกับกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม
.
“ผมเข้าใจความเดือดร้อน เพราะฉะนั้น จะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ส่วนหากจะไปยื่นหนังสือหน่วยงานใดต่อนั้น ก็ขอให้ไปอย่างกัลยาณมิตร ส่วนที่เสนอให้ขึ้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา” นายศุภสิน กล่าว
.
นายวรวิทย์ อัคราภิชาต ผู้แทนสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการฯ กล่าวว่า จากนี้ทางสมาพันธ์ฯ จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือ ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อทวงถามถึงความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
.
“วันนี้เรามาสอบถามความคืบหน้าจาก สพฐ.ว่า ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลังตามคำแนะนำของกมธ.การศึกษาฯ แล้วเรื่องไปถึงไหน ซึ่งตนรับทราบว่า สพฐ.ทำหนังสือหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวไป 40,000 กว่าคน
.
ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบจริงๆ มี 22,000 กว่าคน ที่มาตามเงื่อนไขแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 :ไทยเข้มแข็ง หรือ เอสพี 2 ได้รับสิทธิประกันสังคมต่อเนื่อง และจะสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคมนี้แล้ว ซึ่งน่าจะขอลูกจ้างกลุ่มนี้ไปก่อน ทั้งนี้เข้าใจว่า สพฐ.ต้องการดูแลลูกจ้างทุกกลุ่ม แต่ถ้าขอไปจำนวนมาก กระทรวงการคลังก็ไม่อนุมัติ” นายวรวิทย์ กล่าว
.
นายเกรียงศักดิ์ สร่างโศก ประธานสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ถ้าคุยแล้วไม่จบ เราก็จะปักหลักขับเคลื่อนกันต่อไป ซึ่งจะมีพี่น้องทั้ง 5 ตำแหน่ง ทั่วประเทศเข้ามาสมทบ เพราะครั้งที่แล้วเรามาเราไม่ได้คำตอบ วันนี้ต้องขอคำตอบให้
.
ซึ่งหลังจากมาฟังคำตอบจาก สพฐ. เราก็จะเดินทางไปพบนายกฯ ว่ารับทราบปัญหาของพวกเราหรือไม่ และจะไปพบผู้แทนกระทรวงการคลังว่าดำเนินการอย่างไร เพราะตอนนี้สิทธิประโยชน์ที่เราได้รับน้อยกว่าพวกต่างด้าวเสียอีก
.
“พวกผมจะเดินทางไปหานายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ถ้าเราไม่ได้คำตอบจริงๆ เราก็จะยกระดับการชุมนุมเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะพี่น้องทั่วประเทศเราทุกคนก็ทยอยมาแล้วตอนนี้ พวกเราไม่ได้มากดดันรัฐบาลในช่วงที่กำลังจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกเราไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมาล้มล้างรัฐบาล เรามาเพราะความความเดือดร้อนจริงๆ อยากให้ผู้ใหญ่ฟังเสียงสะท้อนจากผู้เดือดร้อนบ้าง” ประธานสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทย กล่าว
JJNY : SCB EIC ชี้ศก.ฟื้นช้ากลุ่มรั้งท้ายโลก│ส่อบานปลาย! ม็อบ ‘ปลาหมอคางดำ’│ม็อบธุรการ บุกศธ.│“สุดารัตน์”แนะรบ.ใจกว้าง
https://www.matichon.co.th/economy/news_5097242
.
.
ส่อบานปลาย! ม็อบ ‘ปลาหมอคางดำ’ ปิดประตูทำเนียบ กดดัน ‘นายกฯอิ๊งค์’ มารับเรื่อง
https://www.dailynews.co.th/news/4509323/
.
ส่อบานปลายหนัก! ม็อบ 'ปลาหมอคางดำ' ปิดประตูทำเนียบ กดดัน 'นายกฯอิ๊งค์' มารับเรื่อง
.
กรณี เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด นัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจะเดินเท้าไปหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำปลาหมอคางดำประมาณ 5 ตัน ไปเทบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงคำตอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาและการช่วยเหลือ และทวงคำตอบ 4 ข้อจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 มี.ค. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น.
.
ม็อบธุรการ บุกศธ.ทวงคืนประกันสังคม โอดได้น้อยกว่าต่างด้าว สพฐ.ชงข้อเสนอกรมบัญชีกลาง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9678483
.