กราบเรียนคุณ ซิคเว่ เบรเก้ ที่เคารพอย่างสูง
เนื่องจากอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้หนึ่ง ที่มีอาการคล้ายกับป่วยเป็นโรคหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) และได้กระทำการบิดเบือนข้อเท็จจริงบางประการ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่กระผม
คือนำเรื่องราวที่กระผมถูกศาลพิพากษาจำคุกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 มาบิดเบือนให้ร้ายว่ากระผมกระทำการใส่ร้ายป้ายสีลูกน้องของเขา
ต่อหน้าบังลังก์ศาลในขณะพิจารณาคดี กระผมได้ยืนยันต่อหน้าบังลังค์ว่าข้อมูลที่กระผมโพสต์ร้องเรียนเป็นความจริง ศาลท่านได้เมตตาตักเตือนว่าถึงเป็นความจริงก็โพสต์ร้องเรียนในที่สาธารณะไม่ได้
แต่อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ ก็ยังนำเรื่องดังกล่าวมาบิดเบือนว่ากระผมใส่ร้ายป้ายสีลูกน้องเขา ทั้งการโฆษณาทางสื่อออนไลน์และบอกกล่าวแก่บุคคลที่รู้จักกับกระผม
สร้างความเสียหายแก่กระผมอย่างต่อเนื่องและยาวนานตลอดมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กระผมจึงขอวิงวอนท่านผ่านกระทู้นี้ว่า
ข้อ.1 ) ขอความกรุณาท่านช่วยแนะนำอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ ให้หยุดบิดเบือนเผยแพร่เรื่องดังกล่าว
ข้อ.2 ) หากอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมีข้อสงสัยต่อเรื่องราวดังกล่าว กระผมเสนอให้นำตัวอดีตลูกน้องของเขามาเข้าเครื่องจับเท็จพร้อมกัน เพื่อพิสูจน์ให้อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้สิ้นข้อสงสัยในเหตุการณ์ดังกล่าว
จึงเรียนมาเพื่อขอวิงวอนท่านช่วยแนะนำอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ เนื่องจากเขามีความเคารพรักในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง กระผมจึงเขื่อว่าเขาน่าจะน้อมใจมารับฟังท่านมากที่สุด
กระผมเข้าใจดีครับว่าผู้มีอาการหลงตัวเองย่อมรู้สึกอยากปกป้องตัวเองมากกว่าคนปกติธรรมดาสามัญทั่วไป เพราะภูมิจิตเขาย่อมสั่งการเช่นนั้น ทำให้ขาดการวิเคราะห์ไตร่ตรองข้อเท็จจริงและกาลเทศะในการสื่อสารเรื่องราว
ขาดสติระลึกยั่งคิดในการพูด อ่าน เขียน ในบางครั้งคราวที่จิตใจไหลไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่ผุดออกมาจากความทรงจำที่ไม่ดี
ทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมดครับ อยู่ที่ใครจะมีสติระลึกรู้ยับยั้งชั่งใจได้เร็วช้า มีปัญญาปล่อยวางเรื่องราวต่างๆในโลกที่แสนสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ
ทุกคนจึงต้องรักษาจิตใจด้วยตัวของเขาเองครับ ไม่มียาวิเศษใดๆในโลกมารักษาใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์ของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง และขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ฟันฝ่ากับสภาพภูมิจิตแบบนี้ได้โดยดีครับ
เพราะมึอาการที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 15 ปี ขาขึ้นเป็นอย่างไรขาลงก็ไม่น่าต่างกันครับคงต้องใช้เวลาเยียวยาลดระดับอีโก้ลงในระยะยาว
และเขื่อว่าครอบครัวเพื่อนสนิทมิตรสหายอันเป็นที่รักคงช่วยกันให้กำลังใจท่านผู้นี้ ให้ผ่านเรืองราวต่างๆในชีวิตที่แสนเจ็บปวดแบบนี้ไปได้
กระผมก็เจ็บปวดไม่ต่างกันครับโดนพวกท่านฟ้องถึง 6-7 คดี เข้าไปปั่นป่วนครอบครัวที่ทำงาน ใช้นายทหารมาเฟียโทรมาขู่ ออกหมายเรียกปลอม ไปข่มขู่บุพากรีผมให้แพทย์ลงความเห็นว่าผมเป็นจิตเวช เพื่อที่จะไม่ได้ไปโดนกระทำชำเราในคุก จนกระผมต้องหนีคดีอยู่หลายปี ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่กับญาติพี่น้อง ไปอยู่ในทะเบียนบ้านกับใครก็ไม่ทราบ ฯลฯ
และกระผมไม่เคยแจ้งความต่อผู้บริหารและบริษัทท่านเลยครับ แม้แต่หมายเรียกปลอมเจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนกระผมก็คืนให้แต่โดยดี ไม่ได้นำพาไปเป็นหลักฐานแจ้งความเอาผิดใคร
เพราะกระผมเชื่อว่าการไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ย่อมนำพาสันติสุขกลับคืนมาสู่ทุกคนไม่วันใดก็วันหนึ่ง ช้าหรือเร็วอยู่ที่วิบากกรรมที่กระทำร่วมกันมา
ทุกคนย่อมมีอดีตและเจ็บปวดกับมันเป็นครั้งคราวครับ เพราะอดีตไม่อาจสวมรอยอยู่กับเราตลอดเวลาได้ ใช้สติปัญญายับยั่งช่างใจมันก็ดับไปครับ อดีตผุดขึ้นมาก็ใช้สติครับ
ไม่มีอะไรดีกว่าสติที่จะอารักขาจิต ไม่ให้เจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องราวในอดีต กระผมไม่ได้เปรียบเทียบใดๆครับว่าใครเจ็บปวดกว่ากัน เพราะความเจ็บปวดก็คือความเจ็บปวด ไม่อาจชั่งตวงวัดมาเปรียบเทียบตัดสินกันได้
จึงขอความกรุณาท่านโปรดพิจารณาคำวิงวอนนี้ด้วยครับ กระผมเชื่อว่าเมื่อท่านอ่านเรื่องราวในกระทู้นี้แล้ว ท่านน่าจะทราบว่าอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคารพรักท่านยิ่งผู้นี้เป็นใคร
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
กราบเรียนเจ้าหน้าที่ดีแทค รบกวนนำเรียนคุณซิคเว่ เบรคเก้ด้วยครับ
เนื่องจากอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้หนึ่ง ที่มีอาการคล้ายกับป่วยเป็นโรคหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) และได้กระทำการบิดเบือนข้อเท็จจริงบางประการ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่กระผม
คือนำเรื่องราวที่กระผมถูกศาลพิพากษาจำคุกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 มาบิดเบือนให้ร้ายว่ากระผมกระทำการใส่ร้ายป้ายสีลูกน้องของเขา
ต่อหน้าบังลังก์ศาลในขณะพิจารณาคดี กระผมได้ยืนยันต่อหน้าบังลังค์ว่าข้อมูลที่กระผมโพสต์ร้องเรียนเป็นความจริง ศาลท่านได้เมตตาตักเตือนว่าถึงเป็นความจริงก็โพสต์ร้องเรียนในที่สาธารณะไม่ได้
แต่อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ ก็ยังนำเรื่องดังกล่าวมาบิดเบือนว่ากระผมใส่ร้ายป้ายสีลูกน้องเขา ทั้งการโฆษณาทางสื่อออนไลน์และบอกกล่าวแก่บุคคลที่รู้จักกับกระผม
สร้างความเสียหายแก่กระผมอย่างต่อเนื่องและยาวนานตลอดมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กระผมจึงขอวิงวอนท่านผ่านกระทู้นี้ว่า
ข้อ.1 ) ขอความกรุณาท่านช่วยแนะนำอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ ให้หยุดบิดเบือนเผยแพร่เรื่องดังกล่าว
ข้อ.2 ) หากอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมีข้อสงสัยต่อเรื่องราวดังกล่าว กระผมเสนอให้นำตัวอดีตลูกน้องของเขามาเข้าเครื่องจับเท็จพร้อมกัน เพื่อพิสูจน์ให้อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้สิ้นข้อสงสัยในเหตุการณ์ดังกล่าว
จึงเรียนมาเพื่อขอวิงวอนท่านช่วยแนะนำอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นี้ เนื่องจากเขามีความเคารพรักในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง กระผมจึงเขื่อว่าเขาน่าจะน้อมใจมารับฟังท่านมากที่สุด
กระผมเข้าใจดีครับว่าผู้มีอาการหลงตัวเองย่อมรู้สึกอยากปกป้องตัวเองมากกว่าคนปกติธรรมดาสามัญทั่วไป เพราะภูมิจิตเขาย่อมสั่งการเช่นนั้น ทำให้ขาดการวิเคราะห์ไตร่ตรองข้อเท็จจริงและกาลเทศะในการสื่อสารเรื่องราว
ขาดสติระลึกยั่งคิดในการพูด อ่าน เขียน ในบางครั้งคราวที่จิตใจไหลไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่ผุดออกมาจากความทรงจำที่ไม่ดี
ทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมดครับ อยู่ที่ใครจะมีสติระลึกรู้ยับยั้งชั่งใจได้เร็วช้า มีปัญญาปล่อยวางเรื่องราวต่างๆในโลกที่แสนสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ
ทุกคนจึงต้องรักษาจิตใจด้วยตัวของเขาเองครับ ไม่มียาวิเศษใดๆในโลกมารักษาใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์ของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง และขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ฟันฝ่ากับสภาพภูมิจิตแบบนี้ได้โดยดีครับ
เพราะมึอาการที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 15 ปี ขาขึ้นเป็นอย่างไรขาลงก็ไม่น่าต่างกันครับคงต้องใช้เวลาเยียวยาลดระดับอีโก้ลงในระยะยาว
และเขื่อว่าครอบครัวเพื่อนสนิทมิตรสหายอันเป็นที่รักคงช่วยกันให้กำลังใจท่านผู้นี้ ให้ผ่านเรืองราวต่างๆในชีวิตที่แสนเจ็บปวดแบบนี้ไปได้
กระผมก็เจ็บปวดไม่ต่างกันครับโดนพวกท่านฟ้องถึง 6-7 คดี เข้าไปปั่นป่วนครอบครัวที่ทำงาน ใช้นายทหารมาเฟียโทรมาขู่ ออกหมายเรียกปลอม ไปข่มขู่บุพากรีผมให้แพทย์ลงความเห็นว่าผมเป็นจิตเวช เพื่อที่จะไม่ได้ไปโดนกระทำชำเราในคุก จนกระผมต้องหนีคดีอยู่หลายปี ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่กับญาติพี่น้อง ไปอยู่ในทะเบียนบ้านกับใครก็ไม่ทราบ ฯลฯ
และกระผมไม่เคยแจ้งความต่อผู้บริหารและบริษัทท่านเลยครับ แม้แต่หมายเรียกปลอมเจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนกระผมก็คืนให้แต่โดยดี ไม่ได้นำพาไปเป็นหลักฐานแจ้งความเอาผิดใคร
เพราะกระผมเชื่อว่าการไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ย่อมนำพาสันติสุขกลับคืนมาสู่ทุกคนไม่วันใดก็วันหนึ่ง ช้าหรือเร็วอยู่ที่วิบากกรรมที่กระทำร่วมกันมา
ทุกคนย่อมมีอดีตและเจ็บปวดกับมันเป็นครั้งคราวครับ เพราะอดีตไม่อาจสวมรอยอยู่กับเราตลอดเวลาได้ ใช้สติปัญญายับยั่งช่างใจมันก็ดับไปครับ อดีตผุดขึ้นมาก็ใช้สติครับ
ไม่มีอะไรดีกว่าสติที่จะอารักขาจิต ไม่ให้เจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องราวในอดีต กระผมไม่ได้เปรียบเทียบใดๆครับว่าใครเจ็บปวดกว่ากัน เพราะความเจ็บปวดก็คือความเจ็บปวด ไม่อาจชั่งตวงวัดมาเปรียบเทียบตัดสินกันได้
จึงขอความกรุณาท่านโปรดพิจารณาคำวิงวอนนี้ด้วยครับ กระผมเชื่อว่าเมื่อท่านอ่านเรื่องราวในกระทู้นี้แล้ว ท่านน่าจะทราบว่าอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคารพรักท่านยิ่งผู้นี้เป็นใคร
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง