NAD HIKING:: "เขาเหมน" ป่าดึกดำบรรพ์ แห่งนครศรีธรรมราช ป่าใต้ครั้งแรก เจ็บเป็นเดือน T.T

ป่าใต้ครั้งแรก สวยสุดๆ แต่ประมาทไม่ได้นะ เพราะเราลื่นตอนขาลง เลยต้องงดเดินป่านานเป็นเดือนจนกว่าจะหาย

หัวข้อรีวิว
1. ทำความรู้จัก "เขาเหมน"
2. การเดินทาง+การจอง+การเตรียมตัว
3. พร้อมแล้ว เริ่มลุยกัน!
-----------------------------------------------------
1. ทำความรู้จัก "เขาเหมน"

เขาเหมน หรือ เขาพระสุเมรุ
ในอดีตนครศรีฯ มีความเจริญรุ่งเรืองทางพราหมณ์-ฮินดู ทำให้มีความเชื่อว่าเขาพระสุเมรุเป็นที่อยู่ของพระศิวะ
เขาเหมน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง มีความสูงประมาณ 1,307 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง
ระยะทางประมาณ 3.5 กม. (นับจากจุดเริ่มต้นเนิน 499) << พึ่งรู้ว่านับตรงนี้ แล้วไอ้ที่เดินมาก่อนหน้าตั้งไกลนั่นหละ -.-
เพี้ยนสะอื้น
มีสภาพอากาศหนาวเย็น มีลมแรง และเมฆปกคลุม
สภาพเป็นป่าดงดิบเขา ต้นไม้ในป่ามีลักษณะเตี้ย ความสูงประมาณ 3-5 เมตร
บริเวณกิ่งก้านและลำต้นมี มอส เฟิร์น รวมทั้งพืชอิงอาศัยหลายชนิดขึ้นอย่างหนาแน่น
นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้ป่าชนิดต่างๆ โดยเฉพาะกล้วยไม้รองเท้านารีพันธุ์คางกบใต้ ซึ่งเป็นกล้วยไม้ประจำถิ่น
2. การเดินทาง+การจอง+การเตรียมตัว
เราเลือกเดินทางจาก กทม. ด้วยรถไฟ
ขาไป : กรุงเทพฯ สถานีกลางอภิวัฒน์ - ชุมทางทุ่งสง
ขบวน 169 เวลา 17.30 - 05.59 น. (รถเร็ว) พัดลม
ชั้นบน 495฿
ขากลับ : สถานีรถไฟทุ่งสง - กรุงเทพอภิวัฒน์
รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ขบวน 32 เวลา 20:37 - 08:10 น. (CNR) แอร์
ชั้นล่าง 1,045฿ (+เปลี่ยนตั๋วจากชั้นบน เป็นชั้นล่าง 209฿)
จากนั้นก็มีทีมมารับที่สถานีรถไฟ
ซึ่งเราเลือกไปกับทีม "เก็บเป๋า เข้าป่า"
3. พร้อมแล้ว เริ่มลุยกัน!
เริ่มแรกก็มาจุดนัดพบที่ "น้ำตกคลองจัง"
เพื่อเจอกับเพื่อนๆ ในทีม พร้อมทั้งลงทะเบียน จ้างลูกหาบตรงนี้นะคะ (ทีมจัดการให้ทั้งหมด)
ทีมเรามีขนมมาแจกด้วย น่าร๊ากกก
จากนั้นขึ้นรถโฟล์วิล เพื่อไปยังจุดเริ่มเดินกัน
ถึงแล้ว จุดเริ่มเดินแรก "อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง"
เรานับระยะจากตรงนี้นะ รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 4 กิโลเมตรจ้าา
(แต่ถ้านับจากจุดเนิน 499 จะเหลือ 3.5 กิโลเมตร)
เม่าเป็นลม
เอาหละเริ่มเดินกันเล๊ยย เดินไปไม่ไกล เราก็เจอทางชันแล้วจ้าา
เส้นทางระหว่างทางเดิน สวยไหมม? เห็นอย่างนี้ไม่ร้อนเลยนะ ลดพัดตลอดเลย
แถมทางที่เราเดินอะ จะมีรากไม้ตลอด ทำให้ไม่ลื่น และสนุกกับการเดินเหยียบรากไม้มาก
ยิ่งมุมนี้ยิ่งสวยมาก ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเหมือนป่าดึกดำบรรพ์จริงๆ
แล้วเราก็ต้องปีนๆ หินใหญ่ๆ แบบนี้นะ พอขึ้นมาได้แล้วสดชื่นมาก ถึงแดดจะแรง แต่ลมเย็น
ปล. ช่วงขาลง (ภาพขวามือ) จะแอบหวาดเสียวนิดนึง เพราะความสูง + ฝนตกปรอยๆ แต่ไม่ลื่น
ขึ้นมาได้แล้ว หันไปดูข้างหลัง สวยม๊ากกก
และแล้วเราก็มาถึงจุดกางเต้นท์แล้วนะคะ ลมแรงตลอดเลย ยิ่งช่วงเย็นๆ มากเท่าไหร่นะ ยิ่งมีหมอกลงเยอะมากแบบนี้เลย
วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะ เลยดูเบียดกัน แต่เพราะรอบๆ มันลาดชันด้วย กางไม่ได้ เลยต้องตั้งเต้นท์ให้ติดกัน
กางเต้นท์เสร็จก็ขึ้นไปพิชิตยอดนะคะ ระหว่างทางไปยอดช่วงนี้สวยมาก ยิ่งเหมือนป่าดึกดำบรรพ์เข้าไปทุกทีเลย
เดินไม่ไกลจะเจอทางแยก ทางนึงไปดูพระอาทิตย์ตก - อีกทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
เอาง่ายๆ คือ ทางนึงไปถือป้าย - อีกทางไปไหว้พระ
(จำไม่ได้แล้วว่าทางไหนไปทางพระอาทิตย์ขึ้น - ตก)
ที่ใส่เสื้อกันฝนนี่ เพราะลมแรง และหมอกลงจัดมาก ทำให้มีน้ำหยด เหมือนฝนนะ
ป้ายก็หนักมากเช่นกัน ยกไม่ขึ้นเลย ลมก็แรง ถือยากมากก
ส่วนอีกฝั่งนึงไปไหว้พระนะ ซึ่งระหว่างทางเดินมาไหว้พระ คือทางเดินแคบสุด และป่ารกชักมาก
แล้วเราก็กลับลงมาถึงเต้นท์แล้วค่า พอมองหน้าเงยขึ้น เห้ย นี่มัน
"Crown shyness" นี่หนาา
ถึงแม้จะไม่ชัดมาก แต่ประเทศไทยก็มีนะเว้ยยย
ปรากฎการณ์ ❄ Crown shyness หรือ Canopy Disengagement เนี่ย คือ การรักษาระยะห่างของพืชพรรณ
โดยต้นไม้ที่มีความสูงใกล้เคียงกัน จะไม่สัมผัสกันนะ ซึ่งจะมีช่องว่างคั่นไว้เป็นช่องว่าง สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้จากพื้นดิน
สาเหตุดังกล่าวเกิดจากหลายมีแนวคิดทฤษฎีมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะ..
1. พื้นที่ช่องว่างรอบทรงพุ่มไม้อาจเกิดจากการแตกหักของกิ่งไม้/กิ่งไม้กระทบกันอย่างรุนแรง ในช่วงพายุและลมรุนแรง
2. เกิดจากความเสียหายทางด้านกายภาพ จากการเสียดสีระหว่างกันของต้นไม้ ทำให้เยื่อตา/หน่ออ่อนของต้นตาย และไม่งอกอีก
3. พืชสามารถรับรู้ถึงความต้องการแสงของพืชอื่นและหลีกเลี่ยงการรับแสงซึ่งกันและกัน
4. เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตของต้นอ่อน เพราะมีแสงแดดส่องผ่านและเห็นได้ชัด
และป้องกันศัตรูพืช เช่น ลดการแพร่กระจายของตัวอ่อนแมลงกินใบ
ที่ส่วนใหญ่ชอบความมืดและที่ชุ่มชื้น ซึ่งทำให้ต้นไม้เล็กเติบโตได้ยาก
พอตกค่ำ เราก็มานั่งล้อมวงรวมตัวกันกินข้าวจ้าาา
กับข้าวหลายอย่างมาก แฮปปี้สุด
บรรยากาศตอนเช้านะ หมอกลงจัดมากจนบังพระอาทิตย์หมดเลย
แถมฝนตกด้วย อื้อหือ ชุ่มชื้น
ระหว่างทางเดินลงนะคะ ต้องใส่เสื้อกันฝนไว้ เพราะฝนตกปรอยๆ หมอกลงจัด และลมแรง! มาก
และนี่ก็เป็นผลมาจากขาลงมีฝนตกปรอยๆ จึงทำให้เรา 'ลื่น'
ทีแรกใจหายเลย คิดว่าขาจะหักซะแล้ว แต่ไม่จ้าา ลุกเดินได้ปกติ พึ่งมาปวดตอนอยู่สถานีรถไฟเตรียมกลับบ้านแล้ว
จนตอนนี้กลับมาแล้ว 3 อาทิตย์ ก็ยังไม่หายดีนะ ซึ่งจากที่ไปหาหมอมา หมอบอกว่าเป็นที่เอ็น
รอรักษาตัวยาวๆ ไปจนกว่าจะหายดี แล้วค่อยไปป่าอื่นต่อเนอะ
ไปดูเต็มๆ รีวิวแบบละเอียดกันได้ที่ช่องยูทูป : nadtiiz
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
============================================
ขอขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ค่า
หรือติดตามต่อได้ที่ : 
Facebook : nadtiiz
Tiktok : nadtiiz
Instagram : nadtiiz
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่