หลายท่านอ่านหัวข้อแล้วคงไม่สบายใจ แต่ขอให้อ่านเนื้อความก่อน แล้วค่อยตัดสินนะคะ
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เดือดร้อน จากกลุ่มคนที่เรียกว่า ร่างทรง
แม่ของดิฉันมีความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างมาก
เมื่อเกือบ20ปีก่อน แม่ได้รู้จักร่างทรงกลุ่มหนึ่งที่ โดยคำแนะนำของครูกศน.ในจังหวัดใกล้กรุงเทพ
ทุกเย็นหลังเลิกเรียนแม่จะพาดิฉันไปโรงเรียนนวดของครูคนนั้น เพื่อฟังร่างทรง ทำพิธีกรรมแก้กรรม หรือพูดเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ โดยมีแม่และเหยื่ออื่นๆอีกหลายคน(แน่นอนว่ามีเรื่องหลอกเอาทรัพย์สิน)
ณ ตอนนั้นดิฉันยังเป็นเด็กมาก ไม่สามารถทัดทานใดๆได้ ไม่ว่าจะหิว ง่วง ก็ต้องรอพวกร่างทรงจนดึก เมื่อดิฉันต่อต้าน ร่างทรงก็สั่งให้แม่พาฉันไปขอขมา(เพราะลบหลู่) ไม่เช่นนั้นดิฉันจะมีอันเป็นไป พวกเขาทั้งฉุด ทั้งลาก ให้ดิฉันก้มกราบขอขมา ภาพนั้นแม่จะผ่านไปเกือบ20ปี แต่ดิฉันไม่สามารถลบล้างออกไปจากใจได้เลย
คณะร่างทรงสร้างชื่อเสียงตนเองจากการนำเงินไปทำพิธีกรรมต่างๆในวัด เริ่มจากอยุธยา เชียงใหม่ ชุมพร พะเยา เชียงราย (ร่างทรงได้เงินทอนทุกครั้งจากการทำพิธี) หลอกขายแก้วโป่งข่าม (โดยอ้างว่าเป็นของที่ต้องซื้อ เพื่อผูกชะตาต่างๆ)
คนใดครอบครัวที่ไม่เชื่อก็จะถูกร่างทรงนี้กีดกัน เช่นอ้างว่า มาดึงบุญ มากัดกินชะตา เป็นเจ้ากรรมนายเวร จนทำให้หลายครอบครัวแตกแยก
แม่และคนอื่นๆหมดเงินกับร่างทรงนั่นไปหลักหลายล้านบาท เพราะร่างทรงบอกว่าจะซื้อตึก เพื่อทำทัวร์ปฏิบัติธรรม ซื้อรถตู้เพื่อนำคณะทัวร์ (แต่ท้ายที่สุด ร่างทรงนั่นนำเงินที่ได้มา ไปสร้างรีสอร์ทที่เชียงราย และยังใช้วิธีเดิมหากินไปเรื่อยๆ)
เรื่องเหมือนจะจบ
แต่เพราะอยู่กับคนเหล่านั้นมาก โดนปั่นหัว จนฝังใจ ไม่คิดว่าตนโดนหลอก หลังจากนั้น แม่ก็ยังโดนร่างทรงคนใหม่ๆหลอกเรื่อยๆ
โดยทุกคนมักมาในรูปแบบเดียวกัน คือ ทำพิธีเพื่อแก้กรรม ต่อชะตา หรือขู่ว่าคนในบ้านจะเผชิญเคราะห์ร้าย ต้องทำพิธี
ร่างทรงมักจะพูดให้เกลียดพ่อ เพราะพ่อเป็นคนห้ามแม่เรื่องเงิน จนสุดท้ายพ่อเครียด จนป่วยและเสียชีวิต (แม้แต่นาทีสุดท้าย แม่ยังเอาเงินสดไปให้ร่างทรง เพราพร่างทรงบอกว่าพ่อจะไปอยู่ภพภูมิต่ำเนื่องจากลบหลู่ร่างทรง)
หลังพ่อเสีย บ้านก็แตก เพราะร่างทรงปั่นหัวแม่ จนบ้านถูกทำลาย แม่เชื่อใจใครนอกจากร่างทรง (เพราะเชื่อว่าทุกคนเป็นมาร ลบหลู่เบื้องบน)
เมื่อแม่โดนหลอกจนหมดตัว ร่างทรงเหล่านั้นจึงหายไป แต่จะกลับมาทุกครั้งที่แม่มีเงินใหม่
นี่คือสาเหตุที่ดิฉันเรียกคนเหล่านี้ว่าปรสิต และอยากให้หมดไปจากสังคม
ร่างทรงปรสิต มิจฉาชีพที่เกาะกินสังคมไทย
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เดือดร้อน จากกลุ่มคนที่เรียกว่า ร่างทรง
แม่ของดิฉันมีความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างมาก
เมื่อเกือบ20ปีก่อน แม่ได้รู้จักร่างทรงกลุ่มหนึ่งที่ โดยคำแนะนำของครูกศน.ในจังหวัดใกล้กรุงเทพ
ทุกเย็นหลังเลิกเรียนแม่จะพาดิฉันไปโรงเรียนนวดของครูคนนั้น เพื่อฟังร่างทรง ทำพิธีกรรมแก้กรรม หรือพูดเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ โดยมีแม่และเหยื่ออื่นๆอีกหลายคน(แน่นอนว่ามีเรื่องหลอกเอาทรัพย์สิน)
ณ ตอนนั้นดิฉันยังเป็นเด็กมาก ไม่สามารถทัดทานใดๆได้ ไม่ว่าจะหิว ง่วง ก็ต้องรอพวกร่างทรงจนดึก เมื่อดิฉันต่อต้าน ร่างทรงก็สั่งให้แม่พาฉันไปขอขมา(เพราะลบหลู่) ไม่เช่นนั้นดิฉันจะมีอันเป็นไป พวกเขาทั้งฉุด ทั้งลาก ให้ดิฉันก้มกราบขอขมา ภาพนั้นแม่จะผ่านไปเกือบ20ปี แต่ดิฉันไม่สามารถลบล้างออกไปจากใจได้เลย
คณะร่างทรงสร้างชื่อเสียงตนเองจากการนำเงินไปทำพิธีกรรมต่างๆในวัด เริ่มจากอยุธยา เชียงใหม่ ชุมพร พะเยา เชียงราย (ร่างทรงได้เงินทอนทุกครั้งจากการทำพิธี) หลอกขายแก้วโป่งข่าม (โดยอ้างว่าเป็นของที่ต้องซื้อ เพื่อผูกชะตาต่างๆ)
คนใดครอบครัวที่ไม่เชื่อก็จะถูกร่างทรงนี้กีดกัน เช่นอ้างว่า มาดึงบุญ มากัดกินชะตา เป็นเจ้ากรรมนายเวร จนทำให้หลายครอบครัวแตกแยก
แม่และคนอื่นๆหมดเงินกับร่างทรงนั่นไปหลักหลายล้านบาท เพราะร่างทรงบอกว่าจะซื้อตึก เพื่อทำทัวร์ปฏิบัติธรรม ซื้อรถตู้เพื่อนำคณะทัวร์ (แต่ท้ายที่สุด ร่างทรงนั่นนำเงินที่ได้มา ไปสร้างรีสอร์ทที่เชียงราย และยังใช้วิธีเดิมหากินไปเรื่อยๆ)
เรื่องเหมือนจะจบ
แต่เพราะอยู่กับคนเหล่านั้นมาก โดนปั่นหัว จนฝังใจ ไม่คิดว่าตนโดนหลอก หลังจากนั้น แม่ก็ยังโดนร่างทรงคนใหม่ๆหลอกเรื่อยๆ
โดยทุกคนมักมาในรูปแบบเดียวกัน คือ ทำพิธีเพื่อแก้กรรม ต่อชะตา หรือขู่ว่าคนในบ้านจะเผชิญเคราะห์ร้าย ต้องทำพิธี
ร่างทรงมักจะพูดให้เกลียดพ่อ เพราะพ่อเป็นคนห้ามแม่เรื่องเงิน จนสุดท้ายพ่อเครียด จนป่วยและเสียชีวิต (แม้แต่นาทีสุดท้าย แม่ยังเอาเงินสดไปให้ร่างทรง เพราพร่างทรงบอกว่าพ่อจะไปอยู่ภพภูมิต่ำเนื่องจากลบหลู่ร่างทรง)
หลังพ่อเสีย บ้านก็แตก เพราะร่างทรงปั่นหัวแม่ จนบ้านถูกทำลาย แม่เชื่อใจใครนอกจากร่างทรง (เพราะเชื่อว่าทุกคนเป็นมาร ลบหลู่เบื้องบน)
เมื่อแม่โดนหลอกจนหมดตัว ร่างทรงเหล่านั้นจึงหายไป แต่จะกลับมาทุกครั้งที่แม่มีเงินใหม่
นี่คือสาเหตุที่ดิฉันเรียกคนเหล่านี้ว่าปรสิต และอยากให้หมดไปจากสังคม