JJNY : 5in1 เท้งมองมติสภาอียู│อนุกมธ.ฯเล็งเชิญบ.คริปโท│ส.ว.นันทนาแนะเตรียมรับมือ│ปิยบุตรย้อนเกร็ดปวศ.│เตือน‘โรคหัด’ระบาด

เท้ง มองมติสภาอียู สะท้อนกม.บางเรื่อง-รบ.ปฏิบัติไม่ยึดหลักมนุษยชน แนะเร่งหาทางออก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5091626
.
.
เท้ง มองสภายุโรป ชี้ช่องใช้ FTA กดดันไทย หลังส่งอุยกูร์กลับจีน สะท้อนรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน แนะถ้าจะดำเนินนโยบายต่างประเทศให้ยึดหลักสากล เป็นเกราะช่วยไม่ให้ถูกโจมตี
.
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีสภายุโรป เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป กดดันให้ใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กดดันให้ไทยยุติส่งชาวอุยกูรณ์กลับประเทศ ว่า ไม่เฉพาะเวที FTA อย่างเดียว แต่อีกเวทีที่รัฐบาลพยายามผลักดันจะเข้าร่วม อย่างองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งทั้ง FTA และ OECD ก็มีกรอบมาตรฐานว่า การจะทำการค้าขายกับประเทศใดได้ ไทยจะต้องมีหลักปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล โดยการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ไทยก็ถูกประนามจากหลายประเทศ รวมถึงกฎหมายที่ยังมีปัญหาในประเทศอยู่ เชื่อว่าสิ่งที่มีการแสดงออก ได้สะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายของไทยบางเรื่อง และการปฏิบัติของรัฐบาลไทยในหลายกรณี ก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน
.
เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายค้านจะเสนอแนะอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมีการระบุถึงกฎหมาย ม.112 ยังมีปัญหาอยู่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ว่า กฎหมายใดที่มีปัญหา ก็จำเป็นที่จะต้องแก้ แต่กระบวนการที่จะแก้ไขอย่างไรก็เป็นกระบวนการที่จะต้องปรับปรุงในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากถามตนเองในวันนี้ ส่วนตัว และพรรคประชาชนเห็นด้วยอยู่แล้วว่า กฎหมายม.112 ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งอียูก็ออกมาแสดงท่าทีความเป็นห่วงว่า กฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหา ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหาทางออกในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
.
เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลอาจอ้างได้ว่า ต้องบาลานซ์ระหว่างทั้ง 2 ฝั่งนั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า เรื่องภูมิรัฐศาสตร์โลก สงครามทางการค้า คิดว่าไทยจำเป็นต้องยึดหลักเอาไว้ เพราะตราบใดที่เลือกจะดำเนินนโยบายต่างประเทศ การเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะจีน หรือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้าของไทยทั้งคู่ ก็จะหนีไม่พ้นการถูกวิพากษณ์วิจารณ์จากฝ่ายหนึ่ง แต่หากดำเนินนโยบายอย่างหนึ่งอย่างใด ของประเทศโดยมีหลัก เช่น การยึดหลักสิทธิมนุษยชนสากล เพราะฉะนั้นการดำเนินการใดแล้วอาจขัดกับผลประโยชน์ประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็จะไม่สามารถว่าไทยได้ เนื่องจากไทยยึดหลักที่สากลให้การยอมรับ
.

.
ฆ่าไม่ตาย! อนุกมธ.ฯ เล็งเชิญ บ.คริปโทหารือ หลังพบบัญชีม้าแอบโอนเงินไปพัก ธปท.-ส.แบงก์ ชี้ตรวจสอบยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5091767
.
ฆ่าไม่ตาย! อนุกมธ.ฯ เล็งเชิญ บ.คริปโท หารือ พบปัญหาบัญชีม้าโอนเข้า หลังถกธปท.-ส.แบงก์ ระบุตรวจสอบยาก
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มีนาคม ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า ใน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าการประชุมเกี่ยวกับการจัดการบัญชีม้า โดยเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ หารือเรื่องการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการหลอกลวงประชาชน และถ่ายเทเงินไปยังกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย
.
นายชุติพงศ์กล่าวว่า ทาง ธปท.และสมาคมธนาคารไทย ได้มีการอัพเดตความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา โดยแบ่งปัญหาเป็น 2 ประเด็น คือ 1.ช่องทาง ที่ไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้น หรือการดูดเงิน ซึ่งสามารถแก้ปัญหาลดจำนวน ความเสียหายลงได้บ้างแล้ว และ 2.ถูกหลอกให้มีการโอนหรือหลอกลวงข่มขู่ แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปัญหานี้ค่อนข้างแก้ยาก โดยธนาคารกำลังหาแนวทางเพื่อที่จะป้องกันด้วยเช่นกัน แม้เป็นการโอนเงินโดยสมัครใจแต่เป็นกระบวนการที่ทำให้หลงเชื่อหรือหวาดกลัว และปลายทางก็ได้รับเงิน ผ่านธนาคารเช่นกัน
.
นายชุติพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการของธนาคาร เมื่อเริ่มต้นขึ้นสามารถลดการเปิดบัญชีม้าได้ 20% แต่ก็ยังต้องร่วมมือกับอีกหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง Application ต่างๆ รวมถึง iOS และ Android เพื่อระงับการรีโมตโทรศัพท์ได้ รวมถึงการสกัดกั้นบัญชีต่างๆ ที่เป็นบัญชีม้าที่มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก แต่ยังมีปัญหาอยู่อีกหลายอย่าง แม้จะมีการระงับลูกค้าใหม่ที่เป็นบัญชีม้าได้บ้างแต่ก็มีปัญหาในเรื่องของบัญชีที่ไม่ได้ใช้ก็มีการถูกขอซื้อไปเป็นบัญชีม้า หรือเรียกว่าม้านอน ซึ่งทาง ธปท.และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีมาตรการป้องกันความเสียหายที่เกี่ยวกับการโอนเงินผ่านระบบได้แล้ว 95% ส่วนที่ยังน่าเป็นห่วงคือการโอนไปอยู่ใน คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งต้องหาทางช่วยเหลือว่าจะสามารถป้องกันได้อย่างไร โดยอนุ กมธ.อาจจะมีการเชิญบริษัทที่เกี่ยวกับคริปโท มาพูดคุยต่อไป
.
อนุกธ.ได้มีการเสนอให้ธนาคารว่าอาจต้องมีการติดต่อขอซื้อระบบออนไลน์หรือ AI เพื่อติดตามและสกัดกั้น การโอนเงินที่ผิดปกติ หรือการโอนไปยังคริปโท ซึ่งในประเทศไทยยังไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้อนุ กมธ.ได้มีการพูดคุยถึงการป้องกันไม่ให้เกิดการเปิดบัญชีม้าเกิดขึ้นได้โดยง่าย อาจต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้นแม้กระทบกับชีวิตของประชาชน แต่ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่เปิดบัญชี ต้องเปิดให้ได้เยอะ เพื่อเป็นผลงานของพนักงานนั้น อาจจะเกิดการเปิดบัญชีม้าเกิดขึ้นมากมาย” นายชุติพงศ์กล่าว
.
สำหรับการเปิดบัญชีได้มีการสอบถามสถิติการเปิดบัญชีรอบชายแดน รวมถึงการสแกนใบหน้าว่ามีมากน้อยแค่ไหน นายชุติพงศ์กล่าวว่า ธนาคารแจ้งว่ามีการยักย้ายการเปิดบัญชีจากบริเวณชายแดนไปอยู่จุดอื่นบ้างแล้ว ซึ่งอนุ กมธ.ขอให้ธนาคารส่งรายละเอียดมาทีหลัง นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่ว่าธนาคารบริเวณชายแดนมีตู้ธนาคารอยู่ประมาณ 1-3 ตู้ แต่ธนาคารบางแห่งตู้ ATM อยู่ 10 ตู้ มีการเข้าออกและหมุนเวียนเงินบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามหาหลักฐานเรื่องนี้อยู่ว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน หรือการฟอกเงินหรือไม่
.

.
ส.ว.นันทนา แนะเตรียมรบ.รับมือ เจอมติอียู ปมส่งอุยกูร์ มั่นใจไทยเจอแน่ ต่อรองการค้าเข้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5091629
.
นันทนา ชี้ รัฐบาลต้องทำการบ้าน หลัง ‘สภาอียูฯ’’ มีมติประณามไทยส่งอุยกูร์กลับต้นทาง แนะ รัฐใจกว้างพาสื่อไปจีน หวัง สื่อยึดจรรยาบรรณเสนอข่าวรอบด้าน
.
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐสภายุโรปโหวตประณามประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในไทย เรียกร้องให้ใช้การเจรจาการค้าเสรีเป็นแต้มต่อกดดันไทยให้ปฏิรูปกฏหมายที่จำกัดเสรีภาพ รวมถึงระงับการเนรเทศผู้อพยพชาวอุยกูร์ ว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในมุมกว้าง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาพลักษณ์เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะมติที่ออกมามีการพูดถึงเรื่องข้อตกลงทางการค้า FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศในยุโรป ซึ่งส่งผลให้ไทยเผชิญความยากลำบาก ในการทำมาค้าขายกับต่างชาติ เพราะแม้ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มก็อาจจะมองว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่มีอารยะด้านสิทธิมนุษยชน เรื่องความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้น จึงเป็นการบ้านที่รัฐบาลต้องจับตาว่าจะทำอย่างไรในการอธิบายต่อสังคมโลกได้ว่า เราเป็นประเทศที่เคารพด้านสิทธิมนุษยชน และมีความเป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล
.
เมื่อถามว่า จะเปิดช่องให้มีการนำเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขต่อรองทางการค้าในอนาคตใช่หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า แน่นอน เพราะถือเป็นวิธีการที่ประชาคมโลก มาตรฐานในเรื่องสิทธิมนุษยชน หากเราอยู่ในมาตรฐานนั้นก็ไม่มีปัญหา แต่หากเราอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ที่ นานาประเทศไม่ยอมรับ เราก็จะอยู่ในประชาคมโลกได้ยาก ทางสังคมและเศรษฐกิจ
.
เมื่อถามถึง กรณีที่ทางรัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนไปประเทศจีนเพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์นั้น ที่มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นนั้น น.ส.นันทนา กล่าวว่า ในการนำสื่อเข้าไปในสถานที่ที่ต้องการตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดี แต่เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่และประเทศที่เราจะไปมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนของสื่อมวลชน ซึ่งรัฐบาลก็จะพยายามที่จะคัดกรองให้สื่อที่เข้าไปถึงพื้นที่ได้ทำหน้าที่ เพื่อสื่อสารกับประชาชนและประชาคมโลกอย่างชัดเจน
.
ฉะนั้น ความหลากหลายของกลุ่มสื่อก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่สื่อของรัฐ หรือลักษณะของสื่อที่รัฐบาลใกล้ชิด ควรจะจะมีความหลากหลายและเปิดโอกาสให้สื่อเปิดประเด็นและนำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีคำตอบว่าวิธีการคัดเลือกสื่อที่จะพาไปนั้นเป็นอย่างไร
.
ส่วนมองหรือไม่ว่ารัฐบาลเกรงว่าจะมีการนำเสนอ ข่าวตรงข้ามกับที่รัฐบาลต้องการจะสื่อสาร น.ส.นันทนา กล่าวว่า สื่อมวลชนมีจรรยาบรรณ เขาต้องรายงานสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดไม่ใช่แค่บางส่วน และต้องยืนอยู่บนหลักการที่นำเสนอข่าวโดยไม่เลือกข้างและเป็นกลาง หากสื่อไปแค่นำเสนอบางเรื่องบางด้าน ต้องบอกว่าขาดจรรยาบรรณของสื่อ และหากรัฐบาลสนับสนุนให้ทำเช่นนั้น รัฐเองก็ถือว่าทำลายจรรยาบรรณของสื่อด้วย ฉะนั้นจึงควรเปิดโอกาสให้มีการนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านเพื่อให้ความจริงประจักษ์กับประชาชน
.

.
ปิยบุตร ย้อนเกร็ดปวศ. ชี้ 2 ปัจจัยทักษิณ ทำไมไม่เคยถูกปชป. อภิปรายไม่ไว้วางใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5092243
.
ปิยบุตร ย้อนเกร็ดปวศ. ชี้ 2 ปัจจัยทักษิณ ทำไมไม่เคยถูกปชป. อภิปรายไม่ไว้วางใจ 
.
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อเขียน เรื่อง [ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะนายกรัฐมนตรี] ผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า
.
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย
.
คุณทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 5 ปี 7 เดือน 10 วัน เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งที่ดำรงตำแหน่งยาวนานในลำดับต้นๆของประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะนายกรัฐมนตรีเลย
.
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัย 2 ประการ
.
ประการแรก รัฐธรรมนูญ 2540
.
มีเจตนารมณ์ต้องการสร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ จึงกำหนดให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ต้องใช้เสียง ส.ส. 2 ใน 5 ในขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีอื่นๆ ใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 5
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่