ดอกไม้ในสังคมไทยและล้านนาไม่เพียงแต่มีคุณค่าในด้านความงาม หากยังมีนัยทางความเชื่อและพิธีกรรมที่ลึกซึ้ง แต่เดิมสตรีล้านนามักเกล้าผมแล้วเหน็บดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอม เพื่อเป็นการ “บูชาขวัญหัว” อันสอดคล้องกับความเชื่อว่ามนุษย์มี 32 ขวัญ ซึ่งขวัญหัวถือเป็นสิ่งสำคัญ การประดับดอกไม้หอมจึงมิใช่เพียงการเสริมความงามทางกาย แต่ยังสะท้อนการสื่อสารกับมิติความเชื่อทางจิตวิญญาณ โดยเชื่อว่าจะนำความเป็นสิริมงคลและความร่มเย็นมาสู่ผู้นำมาประดับเกล้ามวยผม
ภายหลัง เมื่อค่านิยมและรสนิยมในสังคมเปลี่ยนแปลง การใช้ดอกไม้สดได้ถูกต่อยอดและแปรเปลี่ยนเป็นการประดิษฐ์ “ดอกไม้ประดับมวยผม” ด้วยวัสดุที่มีความคงทนและทรงคุณค่า เช่น ทองเหลือง ทอง เงิน หรือวัสดุโลหะมีค่าอื่น ๆ ผลงานเหล่านี้ได้รับความนิยมในกลุ่มชนชั้นสูง เจ้านาย และคหบดี เนื่องด้วยเป็นการแสดงออกถึงฐานะและรสนิยม นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งเพิ่มเติมด้วยแก้ว พลอย หรืออัญมณี เพื่อเพิ่มคุณค่าทางศิลป์และสุนทรียภาพ
“ดอกไม้ไหว” จึงถือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดังกล่าว โดยนำองค์ความรู้ภูมิปัญญาเชิงช่างมาผสมผสานกับศาสตร์แขนงต่าง ๆ ทั้งการตัด การดัด การจีบ และการดุนโลหะ เพื่อสร้างสรรค์รูปทรงที่มีความอ่อนช้อย พริ้วไหว และเสมือนดอกไม้มีชีวิต การไหวเคลื่อนไหวได้จริงนั้นไม่เพียงสะท้อนความงามทางกายภาพ แต่ยังเชื่อมโยงกับความหมายเชิงนามธรรมที่สื่อถึงการดำรงอยู่ การเคลื่อนไหว และพลังชีวิต
ในมิติหนึ่ง “ดอกไม้ไหว” สามารถมองได้ว่าเป็นตัวอย่างของการนำ ทุนทางวัฒนธรรม มาต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ให้ความสำคัญกับการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์เชิงรูปธรรม แต่ยังเป็นการธำรงรักษาความหมายทางวัฒนธรรมให้ยังคงอยู่ในวิถีชีวิตร่วมสมัย ดังนั้น “ดอกไม้ไหว” จึงมิใช่เพียงเครื่องประดับหรือของตกแต่ง หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน ผ่านการสืบทอดภูมิปัญญาและการตีความใหม่ในเชิงศิลปะและการออกแบบ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คนรุ่นหลังควรตระหนักถึงคุณค่า ทั้งในด้านการอนุรักษ์ รักษา และการต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน
สาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้าน - ดอกไม้ไหว ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากทุนทางวัฒนธรรม