นี่เป็นเรื่องราวของตระกูลผมเองครับที่เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ในวันเปิดร้านครับ ที่ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่
ร้านของอากงผมอยู่ เกือบถึงถนนพระราม4 แล้วนะครับ และแน่นอนครับอยู่ติดถนนใหญ่ทำเลดีเลยทีเดียว เหมาะกับการค้าขาย
ในวันเปิดร้าน มีญาติๆลูกๆหลานๆ มาร่วมกันเปิดร้าน หลายคน และที่ยืนอยู่ด้านหลังใส่แว่น คืออาเหล่าเจ็ก(ภาษาจีนแต่จิ๋ว แปลว่าอาของพ่อ) เหล่าเจ็กคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะเค้าคือเจ้าของยาหอมชื่อดังในสมัยนั้นคือ ตราฤาษีทรงม้า เค้าแซ่เดียวกันกับผมครับแต่ไม่ใช่ญาติกันทางสายเลือด
ภาพด้านล่างนี้ คนที่คุยอยู่กับพระคืออากง(ปู่) ของผมเองครับ และที่อยู่ถัดไปด้านบนนั่งติดหน้าต่างใส่แว่นนั่นคือ คุณพ่อของผมครับ
ตอนนั้นผมยังไม่เกิดครับ แต่เกือบๆละครับ
มีการกินเลี้ยงกัน ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ในภาพบางคนก็ได้จากผมไปแล้ว เช่นยี่โกว(แปลว่าป้าคนที่2) เด็กที่เห็นในภาพไม่ใช่ผมนะครับ
สังเกตข้างนอกร้านสิครับ มีป้ายรถเมล์รุ่นเก่าด้วย
หลายคนคงสงสัยนะครับแล้วที่ว่าค่าเช่าไม่แพงนี่คือเท่าไหร่ น่าเสียดายครับ ผมลองถามป่าป๊า(พ่อ) ดูแล้วเค้าบอกจำไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บเป็นค่าเช่าเค้าเรียกว่าเซ้ง สัญญาน่าจะ 30 ปี ราคาน่าจะอยู่ที่ หลักแสน แต่ไม่น่าถึง 5 แสน เพราะเพลงมนตร์รักลูกทุ่ง 10 หมื่นหรือ 1 แสนบาทในสมัยนั้นก็มากมายทีเดียว
ป่าป๊าเล่าว่า ในสมัยนั้นอากง(ปู่) ได้รวบรวมคนแถวนั้นที่จะสร้างตึกมารวมตัวกันสร้าง เพราะห้องที่จุฬาฯให้นั้นเป็นห้องกึ่งๆไม้มีไม่กี่ชั้น ไม่ได้เป็นตึกแถว 4 ชั้นเหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นคนที่เซ้งห้อง ต้องสร้างต่อเติมเอง แต่ก็รวมตัวกันสร้างพร้อมๆกัน มันก็เลยหน้าตาเหมือนๆกัน

ทุกคนก็ช่วยกันเก็บล้างจานชาม หลังทานเลี้ยงกันเสร็จครับ สมัยนั้นเป็นแบบนี้ต้องช่วยๆกันล้างช่วยกันเก็บ ขยันกันทุกคนครับ
ไม่มีออแกนไนเซอร์ จัดอีเวนต์เหมือนทุกวันนี้
แต่ก็สงสัยอยู่ครับว่านี่มันโต๊ะจีนนี่ ทำไมต้องมาล้างกันเองด้วย 555
และนี่ครับหน้าร้านเต็มๆ ร้านอากง กับ อาม่า ของผม ขายของเหมือนเซเว่นเลยครับ มีทุกอย่าง
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้านี้คือ คุณอาของผม ซึ่งท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว มายืนถ่ายรูปช่วงรับปริญญาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ซึ่งเท่ห์มากถ้าใครได้เรียนคณะนี้และจบที่นี่
รูปถ่ายอาม่า อากง และพวกป้าๆอาๆ ของผม ผมขอเอามาลงไว้ที่นี่เพื่อเก็บรักษาไว้ถือเป็นการอนุรักษ์ภาพหายากไปในตัวนะครับ
ซึ่งพวกท่านก็เสียชีวิตไปเกือบหมดแล้ว สำหรับในภาพตอนนี้ที่มีชีวิตอยู่เหลือแค่ 2 คน คือคุณพ่อของผม และป้าอีก 1 คน
ภาพนี่น่าจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปครับ เพราะคุณพ่อผมยังเด็กอยู่เลย (ปัจจุบันพ่ออายุ 77)
อยากดูภาพเก่ากว่านี้กันมั้ยครับ
นี่ครับ
คุณพ่อของผมคือ เด็กคนกลางที่ยืนอยู่ข้างหน้าครับ

.
และถ้าสงสัยว่าตอนเด็กๆผมหน้าตาเป็นยังไง
ผมคือเด็กคนขวาสุดของภาพด้านล่างนี่ครับ ดูกี่ทีก็น่ารัก ว่ามั้ยครับ 555
ภาพนี้ถ่ายที่ร้านที่ถนนบรรทัดทองนั่นแหละครับ
เรื่องราวที่ถนนบรรทัดทอง สำหรับผมก็ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ
พอตอนนี้ เห็นข่าวว่า ราคาค่าเช่าแพงมาก แล้วก็ทำให้นึกเสียดายว่า สมัยอากงที่เป็นที่ของจุฬาฯเลยต้องเซ้งอยู่กัน ถ้าสมัยนั้นบริเวณนี้เป็นที่ๆซื้อได้ ทางอากงผมและรุ่นลูกก็คงซื้อจนเป็นของตัวเองไปแล้ว
มูลค่ามันจะซักเท่าไหร่นะครับถ้าขายในปัจจุบัน?
ย้อนไป 50 ปีก่อนที่ถนนบรรทัดทองตอนเป็นตึกใหม่ๆราคาค่าเช่าไม่ได้โหดเหมือนทุกวันนี้ มาดูกันครับว่าเป็นยังไง
นี่เป็นเรื่องราวของตระกูลผมเองครับที่เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ในวันเปิดร้านครับ ที่ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่
ร้านของอากงผมอยู่ เกือบถึงถนนพระราม4 แล้วนะครับ และแน่นอนครับอยู่ติดถนนใหญ่ทำเลดีเลยทีเดียว เหมาะกับการค้าขาย
ในวันเปิดร้าน มีญาติๆลูกๆหลานๆ มาร่วมกันเปิดร้าน หลายคน และที่ยืนอยู่ด้านหลังใส่แว่น คืออาเหล่าเจ็ก(ภาษาจีนแต่จิ๋ว แปลว่าอาของพ่อ) เหล่าเจ็กคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะเค้าคือเจ้าของยาหอมชื่อดังในสมัยนั้นคือ ตราฤาษีทรงม้า เค้าแซ่เดียวกันกับผมครับแต่ไม่ใช่ญาติกันทางสายเลือด
ภาพด้านล่างนี้ คนที่คุยอยู่กับพระคืออากง(ปู่) ของผมเองครับ และที่อยู่ถัดไปด้านบนนั่งติดหน้าต่างใส่แว่นนั่นคือ คุณพ่อของผมครับ
ตอนนั้นผมยังไม่เกิดครับ แต่เกือบๆละครับ
มีการกินเลี้ยงกัน ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ในภาพบางคนก็ได้จากผมไปแล้ว เช่นยี่โกว(แปลว่าป้าคนที่2) เด็กที่เห็นในภาพไม่ใช่ผมนะครับ
สังเกตข้างนอกร้านสิครับ มีป้ายรถเมล์รุ่นเก่าด้วย
หลายคนคงสงสัยนะครับแล้วที่ว่าค่าเช่าไม่แพงนี่คือเท่าไหร่ น่าเสียดายครับ ผมลองถามป่าป๊า(พ่อ) ดูแล้วเค้าบอกจำไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บเป็นค่าเช่าเค้าเรียกว่าเซ้ง สัญญาน่าจะ 30 ปี ราคาน่าจะอยู่ที่ หลักแสน แต่ไม่น่าถึง 5 แสน เพราะเพลงมนตร์รักลูกทุ่ง 10 หมื่นหรือ 1 แสนบาทในสมัยนั้นก็มากมายทีเดียว
ป่าป๊าเล่าว่า ในสมัยนั้นอากง(ปู่) ได้รวบรวมคนแถวนั้นที่จะสร้างตึกมารวมตัวกันสร้าง เพราะห้องที่จุฬาฯให้นั้นเป็นห้องกึ่งๆไม้มีไม่กี่ชั้น ไม่ได้เป็นตึกแถว 4 ชั้นเหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นคนที่เซ้งห้อง ต้องสร้างต่อเติมเอง แต่ก็รวมตัวกันสร้างพร้อมๆกัน มันก็เลยหน้าตาเหมือนๆกัน
ทุกคนก็ช่วยกันเก็บล้างจานชาม หลังทานเลี้ยงกันเสร็จครับ สมัยนั้นเป็นแบบนี้ต้องช่วยๆกันล้างช่วยกันเก็บ ขยันกันทุกคนครับ
ไม่มีออแกนไนเซอร์ จัดอีเวนต์เหมือนทุกวันนี้
แต่ก็สงสัยอยู่ครับว่านี่มันโต๊ะจีนนี่ ทำไมต้องมาล้างกันเองด้วย 555
และนี่ครับหน้าร้านเต็มๆ ร้านอากง กับ อาม่า ของผม ขายของเหมือนเซเว่นเลยครับ มีทุกอย่าง
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้านี้คือ คุณอาของผม ซึ่งท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว มายืนถ่ายรูปช่วงรับปริญญาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ซึ่งเท่ห์มากถ้าใครได้เรียนคณะนี้และจบที่นี่
รูปถ่ายอาม่า อากง และพวกป้าๆอาๆ ของผม ผมขอเอามาลงไว้ที่นี่เพื่อเก็บรักษาไว้ถือเป็นการอนุรักษ์ภาพหายากไปในตัวนะครับ
ซึ่งพวกท่านก็เสียชีวิตไปเกือบหมดแล้ว สำหรับในภาพตอนนี้ที่มีชีวิตอยู่เหลือแค่ 2 คน คือคุณพ่อของผม และป้าอีก 1 คน
ภาพนี่น่าจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปครับ เพราะคุณพ่อผมยังเด็กอยู่เลย (ปัจจุบันพ่ออายุ 77)
อยากดูภาพเก่ากว่านี้กันมั้ยครับ
นี่ครับ
คุณพ่อของผมคือ เด็กคนกลางที่ยืนอยู่ข้างหน้าครับ
และถ้าสงสัยว่าตอนเด็กๆผมหน้าตาเป็นยังไง
ผมคือเด็กคนขวาสุดของภาพด้านล่างนี่ครับ ดูกี่ทีก็น่ารัก ว่ามั้ยครับ 555
ภาพนี้ถ่ายที่ร้านที่ถนนบรรทัดทองนั่นแหละครับ
เรื่องราวที่ถนนบรรทัดทอง สำหรับผมก็ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ
พอตอนนี้ เห็นข่าวว่า ราคาค่าเช่าแพงมาก แล้วก็ทำให้นึกเสียดายว่า สมัยอากงที่เป็นที่ของจุฬาฯเลยต้องเซ้งอยู่กัน ถ้าสมัยนั้นบริเวณนี้เป็นที่ๆซื้อได้ ทางอากงผมและรุ่นลูกก็คงซื้อจนเป็นของตัวเองไปแล้ว
มูลค่ามันจะซักเท่าไหร่นะครับถ้าขายในปัจจุบัน?