นวนิยาย รักสุดอันตรายของยัยวิศวะ

บทที่ 1 เดินทางไผฝึกงาน


เสียงนาฬิกาปลุกที่วางไว้อย่างหมิ่นเหม่บนโต๊ะข้างหัวเตียงแผดเสียงดังสนั่น แต่คนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งกลับพลิกตัวไปมา ก่อนจะใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะเหมือนกับว่ารำคาญคนมารบกวน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้เสียงนาฬิกาปลุกหยุดลงได้ มือเรียวสวยยื่นออกมาควานหาต้นตอที่ทำให้การนอนหลับของเจ้าของห้องต้องหยุดชะงัก แต่คว้าเท่าไหร่ก็ไม่พบ จนคนขี้เซ่าต้องดึงผ้าห่มออกจากตัวเอง แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
หญิงสาวหน้าตาดีแต่ตอนนี้ผมยุ่งพันกันไปหมด มือเรียวทั้งสองข้างขยี้ให้ผมยุ่งขึ้นไปอีก ดวงตายังคงปิด ปากอ้ากว้างหาวอย่างไม่ห่วงสวย ก่อนจะหันไปหานาฬิกาที่แผดเสียงดังไปทั่วห้องนอนขนาดเล็ก
"โอ๊ย ใครวะมาตั้งนาฬิกาปลุก"
"เออ ตั้งเองนี่หว่า...แปดโมงแล้ว" เจ้าของห้องกดปิดเสียงนาฬิกาก่อนจะรีบลุกจากเตียงและเดินถือผ้าเช็ดตัวสีขาวเข้าห้องน้ำ
เพียงสิบห้านาทีเท่านั้น หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนสีซีด และสวมเสื้อช๊อปสีน้ำเงิน ตรงอกมีสัญลักษณ์เกียร์ เครื่องหมายว่าเธอนั้นเรียนอยู่คณะวิศวะ
ถิรคุณ มีศิล หรือแต้ม นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวะแหล่งน้ำและพลังงาน ชั้นปีที่ 3 ดวงตากลมโตที่ไร้เครื่องสำอาง คิวโค้งสวยได้รูป จมูกโด่งรับริมฝีปากสวยที่เป็นรูปกระจับน่าจุมพิต เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบแต่งหน้าแต่นั่นยิ่งทำให้ถิรคุณเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์
ทั้งชั้นปีมีนักศึกษาหญิงที่เรียนสาขาวิศวะแหล่งน้ำเพียงห้าคนเท่านั้น และปีนี้เธอกำลังจะได้ฝึกงาน นักศึกษาสาวกำลังหันซ้ายหันขวาอยู่หน้ากระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อเห็นว่าตัวเองแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ถิรคุณยิ้มให้ตัวเองในกระจกเหมือนทุกวันที่เธอทำ
"สู้เขาสิวะไอ้แต้ม...แกเก่งที่สุดในโลก" ถิรคุณพูดกับตัวเองในกระจก
หญิงสาวไม่ลืมที่จะหยิบถุงเท้าที่วางไว้บนเตียงมาสวมใส่ ระหว่างที่กำลังใส่ถุงเท้าข้างซ้าย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ล่าสุด ที่พี่ชายคนโตซื้อให้น้องสาวคนเล็กก็ดังขึ้น
ถิรคุณหันไปมองพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นชื่อบุคคลที่ต้องการคุยกับเธอในตอนนี้
"แม่"
ถิรคุณถอนหายใจยาว ก่อนจะใส่ถุงเท้าจนเสร็จเรียบร้อย และถอนหายใจอีกครั้งก่อนตัดสินใจที่จะรับสาย
"ฮัลโหลค่ะแม่"
(แต้ม...เลือกมาฝึกที่บ้านเราไม่ได้เหรอลูก)
"แม่คะ...เราคุยเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้วนะคะ" ถิรคุณกรอกเสียงลงไปด้วยความอดทน ราวกับเธอกำลังสอนเด็กท่อง ก-ฮ
(แต้ม)
"แต้มจะสายแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ รักแม่ค่ะ" ถิรคุณวางสายมารดาแล้วถอนหาจใจอีกเป็นครั้งที่สาม

เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่ชายสองคน พ่อแม่จึงหวงและเป็นห่วงเธอมากกว่าใคร ตอนมัธยมศึกษาเธอก็เรียนที่โรงเรียนประจำแถมยังเป็นโรงเรียนหญิงล้วนอีก พอจบมัธยมปลาย เธอขอไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่เพราะผู้เป็นมารดาหวงลูกสาวยิ่งกว่าใครจึงไม่ยินยอมให้ลูกสาวคนเดียวห่างไกล ถิรคุณจึงเข้าเรียนวิศวะแหล่งน้ำที่มหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแพงที่สุดอย่าง เมลาดิน มหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมขึ้นชื่อว่าสุดโหด แต่เพราะกลัวลูกสาวหนีไปเรียนต่างประเทศ คุณนายสายหยุดจึงทุ่มสุดตัว ทั้งซื้อคอนโดใกล้มหาลัยให้ลูกสาว ทั้งออกรถหรูให้ขับไปเรียนเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกได้
ถึงแม้จะไม่ได้นับรวมว่าเป็นไฮโซในเมืองหลวง แต่ครอบครัวของเธอถือว่าเป็นมหาเศรษฐีของจังหวัดเลยทีเดียว ทั้งโรงสีขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค อสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ไหนจะที่นาจำนวนมาก เงินทองกินทั้งชาติก็ไม่รู้จะหมดหรือไม่
แต่ด้วยความรักที่ออกจะมากเกินไปของพ่อและแม่ทำให้ลูกสาวคนเล็กอยากออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง หญิงสาวจึงได้ทำเรื่องฝึกงานที่จังหวัดทางตอนล่างของภาคเหนือ เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ แทนที่จะเป็นเขื่อนที่จังหวัดบ้านเกิด ที่มีทั้งพ่อและพี่ชายเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่
ก็ใครจะอยากฝึกงานที่ที่มีลูกน้องของพ่ออยู่ เธอจะได้ทำงานจริง ๆ หรือไม่
ถิรคุณตัดสินใจปรึกษากับพี่ชายทั้งสอง ถึงทั้งสองจะเป็นห่วงน้องสาวมากเพียงไหน แต่การให้น้องสาวได้ลองไปใช้ชีวิตของตัวเองบ้างก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
พี่ชายคนโตเป็นคนคุยกับผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่ชายคนรองทำหน้าที่คุยกับผู้เป็นแม่ ที่ไม่รู้ไปคุยท่าไหน คุณนายสายหยุดถึงร้องไห้ไปสามวันสามคืน จนถิรคุณเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปฝึกงานที่อื่น

ถิรคุณถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูห้อง เพื่อไปรับเอกสารรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย

สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ รถทัวร์จอดเรียงราย ผู้คนเดินผ่านไปมา ทั้งมีสัมภาระมากมายหอบหิ้ว บางนั่งรอบางยืนรอเวลารถทัวร์ออกตากเวลา
ถิรคุณยืนอยู่หน้ารถทัวร์ที่มีป้ายกรุงเทพ-จังหวัดที่เธอไปฝึกงาน หน้าตาของหญิงสาวบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ ภายในบริเวณไร้ผู้คน ต่างจากชานชาลาอื่นที่คนรอขึ้นรถ โดยปกติจะมีคนมารอขึ้นรถเกือบยี่สิบคน แต่นี่มีคนอยู่เหมือนกัน ทว่าไม่ใช่ผู้โดยสาร คนเหล่านี้คือครอบครัวของเธอ ประกอบไปด้วยพ่อแม่ พี่ชายทั้งสอง และบอดี้การ์ดของพ่อ
"พ่อ..." ถิรคุณหันไปหาบิดา
บิดาที่เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดีแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาดมองลูกสาวคนเล็กด้วยสายตาอ่อนโยน
"แต้มไม่ยอมให้พ่อไปส่ง...อยากจะนั่งรถทัวร์ พ่อก็ไม่ขัดใจ"
"ใช่ค่ะ พ่อไม่ขัดใจแต้ม แต่พ่อเหมารถทัวร์ แถมคนขับยังเป็นคนของพ่ออีก" ถิรคุณแทบจะทึ้งหัวตัวเอง
"แต่เป็นรถทัวร์...ตามที่แต้มต้องการ" พี่ชายคนโต ที่ถอดแบบพ่อมาทุกกระเบียดนิ้วเอ่ยขึ้นบ้าง
"พี่โต...ไหนพี่โตบอกจะอยู่ทีมแต้ม" ถิรคุณหันไปต่อว่าพี่ชายคนโต
"อยู่ทีมแต้มนั่นแหละ แต่คุณนายสายหยุดออกปากเอง ไม่อย่างนั้นพี่โตเจอน้ำตาของคุณนายอย่างแน่นอน" เสียงของพี่ชายคนรองเอ่ยเจือไปด้วยเสียงหัวเราะ
"ไอ้ตาร์" ถิรวิทย์ผู้นิ่งขรึมตลอดเวลาถลึงตาใส่น้องชายคนรอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล
ถิรวุฒพี่ชายคนรองของถิรคุณนั่นมีแต่ความสนุกอยู่เต็มไปหมด แถมยังเจ้าชู้สุด ๆ อีกด้วย
ถิรคุณมองพี่ชายทั้งสองจ้องตากันอย่างเอาเรื่องพร้อมกับส่ายหัว นี่แหละที่เขาว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เจอกันทีไรมีแต่เรื่องกัดกัน เอ๊ะ นั่นมันหมาหรือเปล่านะ

นักศึกษาฝึกงานได้แต่ทำใจ ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นแม่ที่กำลังบีบน้ำตาเผื่อว่าลูกสาวคนเล็กจะใจอ่อนเป็น
“แม่คะ แต้มไปแค่เดือนเดียวเอง และแต้มสัญญาแล้วจะรายงานตัวทุกวัน” ถิรคุณเข้าไปกอดมารดา
“แต้มของแม่เป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ” สายหยุดร้องไห้ไปด้วยกอดลูกสาวไปด้วย
ผู้เป็นประมุขของบ้านมองสองแม่ลูกกอดกันก่อนจะมองนาฬิกา นี่เลยเวลาที่รถทัวร์ต้องออกไปแล้วครึ่งชั่วโมง พนักงานที่มารอปล่อยรถได้แต่กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เข้ามาบอกเวลา
“เอาละ ถึงเวลาแล้ว” นทีเอ่ยขึ้น ทำให้สายหยุดและลูกชายอีกสองคนขยับตัวบ้าง
รวมทั้งลูกน้องนับสิบเริ่มขยับตัวเตรียมทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด
“แต้มไปแล้วนะคะ” ถิรคุณบอกลาอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นรถทัวร์ ที่ทั้งรถมีลูกน้องของนทีอีกสองสามคนประจำตามจุดต่าง ๆ
ถิรคุณได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงประจำหมายเลขที่เธอซื้อตั๋วไว้ ถึงจะไม่จำเป็นก็ตาม เพราะไม่มีผู้โดยสารอื่นอีกเลยนอกจากเธอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่