ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงต่อ ส่งผลให้มีการขายออกมากที่สุดในรอบหลายเดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภัยคุกคามภาษีล่าสุดต่อเศรษฐกิจโลก
การซื้อขายมีความผันผวน ภายหลังการปรับอัตราภาษีที่ขัดแย้งกัน ในขณะที่ความคืบหน้าในการหยุดยิงระหว่างยูเครนและรัสเซียทำให้ตลาดหุ้นสูงขึ้นในช่วงสั้นๆ
ดัชนี S&P 500 ลดลงต่ำสุดที่ 5,528.41 จุด ส่งผลให้ลดลง 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,144.15 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมของแคนาดาทั้งหมดเป็น 2 เท่า เป็น 50% ซึ่งจะมีผลภายในไม่กี่ชั่วโมง
ภัยคุกคามด้านภาษีครั้งล่าสุดเพิ่มความไม่สบายใจให้กับนักลงทุนว่านโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจชะลอตัวหรือทำให้เกิดภาวะถดถอย
หุ้นกลับมากระเตื้องขึ้นระยะสั้นๆ หลังจากสหรัฐฯ ตกลงที่จะกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนอีกครั้งหลังการเจรจาในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเคียฟแสดงความพร้อมที่จะยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ สำหรับการหยุดยิง 30 วันในความขัดแย้งกับรัสเซีย
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 478.23 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 41,433.48 จุด
ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) หายไป 42.49 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 5,572.07 จุด
และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ลดลง 32.23 จุด หรือ 0.18% เป็น 17,436.10 จุด
หุ้นสหรัฐ ปรับฐานลงแรง คาดอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ลงอีก 3-5%
บล.อินโนเวสเอกซ์ เผย ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงแรงกังวลเศรษฐกิจถดถอย โดย Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ปี 2568 เหลือ 1.7% จาก 2.4% จากประเด็นสงครามการค้า คาดหุ้นสหรัฐ อาจปรับตัวลงอีก 3-5% ใน 1-2 เดือนข้างหน้า แต่อาจฟื้นตัวเป็นระยะได้
รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส Investment Strategist ฝ่าย Wealth Product & Strategy บล.อินโนเวสเอกซ์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อคืน (10 มี.ค. 68) ปรับตัวลงแรงโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสะท้อนความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐ อาจโตได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หรืออาจถึงขั้นถดถอย (Recession) ในไตรมาส 1/25 นี้ โดยล่าสุด Goldman Sachs ได้หั่นคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ในปี 2025 นี้ลงเหลือ 1.7% จาก 2.4% จากประเด็นสงครามการค้าที่เป็นผลมาจากการขึ้นภาษี
โดย ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประธานาธิบดี Trump ให้สัมภาษณ์ Fox News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีนักข่าวถามในเรื่องความน่าจะเป็นของการเกิด Recession โดย Trump ตอบว่าเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งแตกต่างจากในยุค Trump 1.0 ที่ Trump มักจะให้สัมภาษณ์ในเชิงสนับสนุนตลาดหุ้น สะท้อนความตั้งใจของ Trump ในการปรับเปลี่ยนหลายเรื่องในเชิงโครงสร้าง และอาจไม่ได้จบในระยะเวลาอันใกล้
ทั้งนี้ เราประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐ ยังมี downside ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า (แม้อาจมีการฟื้นตัวช่วงสั้นได้) จากความไม่แน่นอนสูงในเรื่องการดำเนินนโยบายภาษี ประกอบกับการปลดข้าราชการครั้งใหญ่ในสหรัฐ จะส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศเกิดการชะลอตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในเชิง valuation ดัชนี Nasdaq 100 และ S&P500 ซื้อขายด้วย PE 23.8 เท่า และ 20.4 เท่า ตามลำดับ ลงมาค่อนข้างใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 25.1 เท่า และ 20 เท่า ตามลำดับ (Nasdaq 100 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว) ทำให้ downside ในระยะยาวเริ่มจำกัด
แต่ในระยะสั้นอาจมีแรงเหวี่ยงจาก sentiment เชิงลบ และประเด็นสงครามการค้ากด valuation ลงไปต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอีกได้ โดยเราประเมิน downside ตลาดหุ้นสหรัฐ อีกราว 3-5% (เทียบจาก low เมื่อ ก.ย.67) หากไม่ได้มีประเด็นใหม่ที่เข้ามากดดันตลาดรุนแรงอีก
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงต่อ นักลงทุนเทขายครั้งใหญ่ที่สุดรอบหลายเดือน