สมัยก่อนการคลุมถุงชน แต่งงานกัน ฝ่ายชายมีสิทธิ์ได้เลือกผู้หญิงมั้ยครับ หรือไม่มีสิทธิ์ในการเลือกคู่ครองทั้งชายและหญิง

ส่วนตัวผมสังเกตจากตอนที่ทำงานโรงแรมอยู่ภูเก็ต เห็นมีเยอะมากถือพาสปอร์ตฝรั่งเศษ แต่หน้าตาเป็นอาหรับ ผิวแทน บางคนคลุมหัวแบบอิสลาม บางคนผิวดำแบบแอฟริกัน บางคนหน้าเหมือนคนละติน บางคนก็เหมือนคนยิว มีบ้างที

แบบว่า... 😅 สมัยก่อนโน้น การจะเป็นแฟนกันก็ต้องเห็นหน้ากันก่อน(ยกเว้นผู้ที่ถูกคลุมถุงชน) แล้วหากเกิดถูกใจ จึงจะมีการพูดคุย(จีบ)อาจจะทางตรง ต่อหน้ากัน หรือใช้แม่สื่อ พ่อสื่อ หรือส่งจดหมายคุยกัน จนตกลงค

สงสัยค่ะ คนที่ถูกคลุมถุงชน ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน ภายหลังแต่งงานสามารถมีอะไรกันได้เลยหรอค่ะ อยากทราบจากคนที่ประสบการณ์ตรงเลย รุกหรือถูกรุกในเร็ววันเลยรึป่าวค่ะ หรือบางทีดูละครสมัยก่อนย้อนยุค บางเคสเ

บ้างครั้งการคลุมถุงชนอาจไม่แย่จริงก็ได้  ในช่วงหนึ่งคนรุ่นใหม่มองว่า เป้นอะไรที่ขาดสิทธิ์เสรีภาพในการหาคู่ครอง ผู้ใหญ่ไปพูดคุยจัดหาให้โดยที่เราไม่ได้รักชอบกันเลย อันนั้นคือคนที่หาแฟนได้  แต่

สวัสดีค่ะ คือเรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนโดนคลุมถุงชนค่ะ ถูกพ่อแม่จับหมั้น เรียนจบแต่งงาน ตอนแรกเพื่อนก็โวยวายใหญ่เลย มันประท้วงพ่อแม่เลยค่ะ สรุปก็ให้หมั้นกันเหมือนเดิม แต่ให้ศึกษาดูใจกันด้วย ถ้าไม่ชอบจริ

คือการคลุมถุงชน คือการที่ผู้ใหญ่เป็นผู้เลือกคู่ครองโดยดูจาก วัยวุฒิ ฐานะ อะไรต่างๆให้เหมาะสมกับอีกฝ่าย จนเกิดเป็นวาทะกรรม ผู้ใหญ่ดูคนออก แต่สมัยนี้ผุ้หญิงเลือกคู่เอง ก็ยังไม่พ้นวิธีคิดแบบสมัยก่อนอยู่ด

เนื้อเรื่องเป็นแขกที่มาในงานแต่ง กำลังชมคู่บ่าวสาวเชิงบูลลี่ว่า "หน้าตาขี้เหร่ๆ" แล้วประเด็นคือรูปถ่ายของคู่บ่าวสาวนั้น คลุมหัวด้วยถุงกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลทั้งคู่ อยากทราบว่าเป็นโฆษณาอะไรคะ?

ในช่วงก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ผู้หญิงในยุโรปสมัยนั้นเขามีสิทธิในการเลือกคู่ครอง เปลี่ยนคู่ครองกันมากน้อยขนาดไหนคะในสังคมนั้นๆที่เขาอยูู่ เช่น 1 ผู้หญิงสามารถจะหา เลือกคู่ครองได้เองโดยไม่ต้องปรึกษา