10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัว สูงสุด-ต่ำสุด 2567 กทม.รองแชมป์
เปิดข้อมูล 10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวประชากร หรือผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัว (GRP per Capita) สูงที่สุด และต่ำที่สุด ล่าสุด พบกทม. เป็นแค่รองแชมป์ ขณะที่นราธิวาส รั้งท้าย เช็ครายละเอียดได้ที่นี่
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยภาพรวมการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปี 2567 ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น
สะท้อนจากอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 25 ด้วยคะแนน 72.5 คะแนน จากทั้งหมด 67 ประเทศ ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีอันดับที่ 30 ด้วยคะแนน 74.54 คะแนน เป็นผลจากการพัฒนาด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ
แต่การพัฒนาเศรษฐกิจลดลง พิจารณาจากอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่มีการขยายตัวเพียง 2% ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.6% เนื่องจากการลดลงของการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการกระจายรายได้ที่มีสถานการณ์ปรับตัวแย่ลง พิจารณาจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัว (GRP per Capita) ระหว่างภาคที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุด โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ 5.4 เท่า ซึ่งปรับตัวแย่ลงจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 5.1 เท่า
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการกระจายรายได้ พิจารณาจากผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร ในรายงานผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัดแบบปริมาณลูกโซ่ จัดทำโดยสศช. สถานการณ์ พ.ศ. 2567 (ข้อมูล พ.ศ. 2565) พบข้อมูลดังนี้
จังหวัดที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคกลาง ซึ่งเป็นจังหวัดที่สัดส่วนการผลิตสำคัญมาจากสาขาภาคนอกเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม สาขาการขายส่งและการขายปลีกฯ โดยจังหวัดระยองมีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวสูงสุดที่ (ณ ราคาประจำปี) 1,003,497 บาท/ปี
ขณะที่จังหวัดที่มีมูลค่าต่ำสุด 10 อันดับส่วนใหญ่ เป็นจังหวัดที่มีการผลิตหลักในภาคเกษตร ซึ่งมีความไม่แน่นอนทั้งด้านปริมาณและราคาผลผลิต ประกอบกับ การผลิตภาคนอกเกษตรต่าง ๆ โดยเฉพาะการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมยังกระจายตัวมายังพื้นที่เหล่านี้ไม่มากนัก ส่งผลให้ขนาดเศรษฐกิจโดยรวมมีระดับต่ำ โดยจังหวัดนราธิวาสมีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำสุดที่ (ณ ราคาประจำปี) 60,876 บาท/ปี
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวระหว่างจังหวัดที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุด พบว่า มีความแตกต่างกันถึง 16.5 เท่า เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (ข้อมูล พ.ศ. 2564) ที่แตกต่างกัน 14.5 เท่า สะท้อนให้เห็น สถานการณ์การพัฒนาแย่ลง 13.79%
ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวสูงสุด
สำหรับจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร (GRP per capita)
มูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
ระยอง 1,003,497 บาทต่อปี
กรุงเทพมหานคร 634,109 บาทต่อปี
ชลบุรี 598,448 บาทต่อปี
ฉะเชิงเทรา 494,545 บาทต่อปี
พระนครศรีอยุรยา 456,286 บาทต่อปี
ปราจีนบุรี 445,123 บาทต่อปี
สมุทรสาคร 405,187 บาทต่อปี
สระบุรี 342,370 บาทต่อปี
สมุทรปราการ 311,251 บาทต่อปี
นครปฐม 295,404 บาทต่อปี
ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำสุด
สำหรับจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร (GRP per capita)
มูลค่าต่ำสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
นราธิวาส 60,876 บาทต่อปี
แม่ฮ่องสอน 64,665 บาทต่อปี
หนองบัวลำภู 67,363 บาทต่อปี
มุกดาหาร 67,885 บาทต่อปี
ยโสธร 72,523 บาทต่อปี
สกลนคร 77,408 บาทต่อปี
สระแก้ว 78,482 บาทต่อปี
ชัยภูมิ 79,864 บาทต่อปี
ร้อยเอ็ด 80,249 บาทต่อปี
อุบลราชธานี 81,555 บาทต่อปี
https://www.thansettakij.com/economy/621454?fbclid=IwY2xjawI45mNleHRuA2FlbQIxMQABHbxJ-rZQmVq0inzhscqFSlXwqEOvxDVMoZbVWNQb6_DZ1yF5QWeK2t_i5w_aem_JCye1G6y4MxcZzrKyPE1SA
10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัว สูงสุด-ต่ำสุด 2567
เปิดข้อมูล 10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวประชากร หรือผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัว (GRP per Capita) สูงที่สุด และต่ำที่สุด ล่าสุด พบกทม. เป็นแค่รองแชมป์ ขณะที่นราธิวาส รั้งท้าย เช็ครายละเอียดได้ที่นี่
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยภาพรวมการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปี 2567 ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น
สะท้อนจากอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 25 ด้วยคะแนน 72.5 คะแนน จากทั้งหมด 67 ประเทศ ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีอันดับที่ 30 ด้วยคะแนน 74.54 คะแนน เป็นผลจากการพัฒนาด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ
แต่การพัฒนาเศรษฐกิจลดลง พิจารณาจากอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่มีการขยายตัวเพียง 2% ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.6% เนื่องจากการลดลงของการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการกระจายรายได้ที่มีสถานการณ์ปรับตัวแย่ลง พิจารณาจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัว (GRP per Capita) ระหว่างภาคที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุด โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ 5.4 เท่า ซึ่งปรับตัวแย่ลงจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 5.1 เท่า
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการกระจายรายได้ พิจารณาจากผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร ในรายงานผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัดแบบปริมาณลูกโซ่ จัดทำโดยสศช. สถานการณ์ พ.ศ. 2567 (ข้อมูล พ.ศ. 2565) พบข้อมูลดังนี้
จังหวัดที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคกลาง ซึ่งเป็นจังหวัดที่สัดส่วนการผลิตสำคัญมาจากสาขาภาคนอกเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม สาขาการขายส่งและการขายปลีกฯ โดยจังหวัดระยองมีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวสูงสุดที่ (ณ ราคาประจำปี) 1,003,497 บาท/ปี
ขณะที่จังหวัดที่มีมูลค่าต่ำสุด 10 อันดับส่วนใหญ่ เป็นจังหวัดที่มีการผลิตหลักในภาคเกษตร ซึ่งมีความไม่แน่นอนทั้งด้านปริมาณและราคาผลผลิต ประกอบกับ การผลิตภาคนอกเกษตรต่าง ๆ โดยเฉพาะการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมยังกระจายตัวมายังพื้นที่เหล่านี้ไม่มากนัก ส่งผลให้ขนาดเศรษฐกิจโดยรวมมีระดับต่ำ โดยจังหวัดนราธิวาสมีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำสุดที่ (ณ ราคาประจำปี) 60,876 บาท/ปี
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวระหว่างจังหวัดที่มีมูลค่าสูงสุดกับต่ำสุด พบว่า มีความแตกต่างกันถึง 16.5 เท่า เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (ข้อมูล พ.ศ. 2564) ที่แตกต่างกัน 14.5 เท่า สะท้อนให้เห็น สถานการณ์การพัฒนาแย่ลง 13.79%
ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวสูงสุด
สำหรับจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร (GRP per capita)
มูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
ระยอง 1,003,497 บาทต่อปี
กรุงเทพมหานคร 634,109 บาทต่อปี
ชลบุรี 598,448 บาทต่อปี
ฉะเชิงเทรา 494,545 บาทต่อปี
พระนครศรีอยุรยา 456,286 บาทต่อปี
ปราจีนบุรี 445,123 บาทต่อปี
สมุทรสาคร 405,187 บาทต่อปี
สระบุรี 342,370 บาทต่อปี
สมุทรปราการ 311,251 บาทต่อปี
นครปฐม 295,404 บาทต่อปี
ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำสุด
สำหรับจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวของประชากร (GRP per capita)
มูลค่าต่ำสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
นราธิวาส 60,876 บาทต่อปี
แม่ฮ่องสอน 64,665 บาทต่อปี
หนองบัวลำภู 67,363 บาทต่อปี
มุกดาหาร 67,885 บาทต่อปี
ยโสธร 72,523 บาทต่อปี
สกลนคร 77,408 บาทต่อปี
สระแก้ว 78,482 บาทต่อปี
ชัยภูมิ 79,864 บาทต่อปี
ร้อยเอ็ด 80,249 บาทต่อปี
อุบลราชธานี 81,555 บาทต่อปี
https://www.thansettakij.com/economy/621454?fbclid=IwY2xjawI45mNleHRuA2FlbQIxMQABHbxJ-rZQmVq0inzhscqFSlXwqEOvxDVMoZbVWNQb6_DZ1yF5QWeK2t_i5w_aem_JCye1G6y4MxcZzrKyPE1SA