JJNY : “กัณวีร์” ห่วงปล่อยอาชญากรคอลเซ็นเตอร์│ทนายแฉ ผู้กำกับโจ้ โดนผู้คุมทำร้าย│บาทกลับมาแข็ง│ทรัมป์ขู่คว่ำบาตรรัสเซีย

“กัณวีร์” ห่วงไทยปล่อยอาชญากรคอลเซ็นเตอร์ตัวจริงลอยนวล
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_851954/
 
 
“กัณวีร์” ห่วงไทยปล่อยอาชญากรคอลเซ็นเตอร์ตัวจริงลอยนวล ให้ขึ้นเครื่องบินกลับจีนต่างจากชาติอื่นที่ต้องเข้า NRM
 
นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศจีนทันที โดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองเหยื่อ (NRM) ซึ่งแตกต่างจากแนวปฏิบัติกับชาวต่างชาติอื่น ๆ ที่ต้องผ่านกระบวนการนี้ก่อน
 
นายกัณวีร์ ตั้งข้อสังเกตว่า การส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับจีนโดยตรง อาจทำให้ประเทศไทยพลาดโอกาสในการสอบสวนและเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอนาคตพร้อมเสนอว่า ควรมีการสอบสวนผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ในประเทศไทยก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และนำมาใช้ในการออกแบบมาตรการป้องกันและปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ
 
นอกจากนี้ นายกัณวีร์ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการดำเนินการกับผู้ต้องสงสัยจากประเทศอื่น ๆ โดยยกตัวอย่างกรณีชาวเอธิโอเปีย 138 คน ที่ยังคงอยู่ในที่พักพิง ในจังหวัดตากเป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือน เขาเตือนว่าหากกระบวนการยังคงล่าช้า อาจมีความเสี่ยงที่ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้จะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้การควบคุมและจัดการเป็นไปได้ยากขึ้น



ทนายแฉ ผู้กำกับโจ้ โดนผู้คุมทำร้าย ถูกสอบกระด้างกระเดื่องจนท. ญาติติดใจการตาย เยี่ยมเมื่อวานยังปกติ
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9665133

ทนายแฉ ผู้กำกับโจ้ โดนผู้คุมทำร้าย เพิ่งถูกสอบกระด้างกระเดื่องจนท. ญาติติดใจการตาย เข้าเยี่ยมเมื่อวานยังปกติ ยังบอกถ้าได้ออกจากเรือนจำมาแล้ว มีแผนจะไปทำอะไรต่อ
 
จากกรณีการเสียชีวีติของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิตในโรงพักเมืองนครสวรรค์ โดย ผู้กำกับโจ้ ก่อเหตุใช้ผ้าขนหนูผูกคอเสียชีวิตในห้อขัง เรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนที่ผ่านมา ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
สำหรับความคืบหน้า วันที่ 8 มี.ค.68 นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ ผู้กำกับโจ้ ให้ข้อมูลกับว่า วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ญาติเข้าไปเยี่ยม ผู้กำกับโจ้ ที่เรือนจำและทราบว่า ช่วง 15.00 น. ทางเรือนจำเรียกสอบสวนวินัย ผู้กำกับโจ้ หลังจากถูกผู้คุมร้องเรียนว่า กระด้างกระเดื่อง ถือเป็นความผิดทางวินัย
 
นายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า โดยอดีตผู้กำกับโจ้บอกว่า เรื่องที่ถูกร้องเรียนนี้ เชื่อเป็นการร้องแก้เกี้ยว จากกรณีที่ ผู้กำกับโจ้ มอบหมายให้ตนในฐานะทนายความไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น เรื่องการถูกผู้คุมทำร้ายร่างกายในเรือนจำก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยืนยันบาดแผล
 
จนถึงขณะนี้ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ยังไม่เคยเข้าไปสอบสวนคดีดังกล่าวภายในเรือนจำ โดยพยายามที่จะขอเข้าไปแล้ว 2 ครั้ง แต่เรือนจำกลางคลองเปรมไม่อนุญาต แต่เรือนจำได้เรียกญาติไปพูดคุย ซึ่งผมไม่ทราบรายละเอียดต้องถามจากญาติอีกครั้ง”นายวีรศักดิ์เผย
 
นายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์หลังการสอบสวนวินัย ผู้กำกับโจ้ ในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครทราบว่าผลเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าตอนที่ญาติเข้าไปเยี่ยม ผู้กำกับโจ้ ยังมีท่าทางเป็นปกติ ไม่มีสัญญาณว่าจะก่อเหตุดังกล่าว และที่ผ่านมาตนและญาติเข้าไปเยี่ยมและพูดคุย ผู้กำกับโจ้ ก็เห็นว่าสภาพจิตใจปกติ อาจมีอาการนอนไม่หลับบ้าง แต่ยังพูดคุยเรื่องคดีกับตนปกติ แล้วยังพูดคุยกับญาติว่าถ้าได้ออกจากเรือนจำมาแล้ว มีแผนจะไปทำอะไรต่อ ตอนนี้ทราบว่าทางญาติติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิต
 
ขณะที่ญาติของอดีตผู้กำกับโจ้ บอกเพียงว่า ขอรอความชัดเจนจากทางราชทัณฑ์ก่อน แล้วจะให้ข้อมูลอีกครั้ง
 

 
เงินบาท กลับมาแข็งค่า จับตาสัปดาห์หน้า 6 ปัจจัยสำคัญ-เศรษฐกิจจีน
https://www.prachachat.net/finance/news-1769370

เงินบาทแข็งค่ากลับมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะจับตา 6 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ทั้งตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค (เบื้องต้น)เดือนมี.ค. ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซน และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแข็งค่ากลับมา หลังสหรัฐฯ ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อเม็กซิโกและแคนาดา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์(หลังสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน) ก่อนจะพลิกแข็งค่าหลุดแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากตลาดกลับมากังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญหากสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้ายังคงดำเนินต่อไป
 
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติซึ่งอยู่ในฝั่งไหลเข้าสุทธิในช่วงกลางสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
 
เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่าในช่วงท้าย ๆ สัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียในภาพรวม และเงินหยวนที่ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีน ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขยับอ่อนค่ารับข่าวที่สหรัฐฯ ลดความแข็งกร้าวในท่าทีที่มีต่อเม็กซิโกและแคนาดา อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนเนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์
ในวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ก.พ.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,364.1 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 7,593 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อสุทธิพันธบัตรที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี
 
สำหรับสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.25-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค (เบื้องต้น)สำหรับเดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซน และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีนด้วยเช่นกัน
 
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนตลอดสัปดาห์ โดยแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครั้งใหม่ช่วงต้นสัปดาห์ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้ช่วงท้ายสัปดาห์
 
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ โดยหลุดแนว 1,200 จุดไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี (4 ปี 11 เดือน) ที่ 1,173.13 จุด ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้าหลังสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งมีผลในวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจีนก็ได้ประกาศตอบโต้สหรัฐฯ ในเวลาต่อมา
 
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากตลาดคลายความกังวลบางส่วนต่อสงครามการค้าหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ มีท่าทีประนีประนอมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก (ซึ่งต่อมามีการเลื่อนเก็บภาษีบางรายการออกไป 1 เดือน) ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
 
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในเวลาต่อมาก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ก่อนช่วงปิดตลาดปลายสัปดาห์
ในวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,202.03 จุด ลดลง 0.14% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,592.24 ล้านบาท ลดลง 21.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.47% มาปิดที่ระดับ 252.19 จุด
 
ส่วนสัปดาห์ถัดไป (10-14 มี.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,180 และ 1,170 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
 
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ. ของจีน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่