---
### ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมประเทศชาติและผู้ประกอบการต่างชาติ พ.ศ. 2568
#### คำปรารภ
โดยที่การลงทุนจากต่างชาติมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ แต่การจ้างแรงงานต่างชาติในสัดส่วนที่สูงเกินสมควรได้ส่งผลกระทบต่อโอกาสการมีงานทำของแรงงานไทย และอาจนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว สมควรกำหนดมาตรการส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ รวมทั้งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
จึงตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
#### หมวด 1: บททั่วไป
**มาตรา 1** พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ พ.ศ. 2568”
**มาตรา 2** พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
**มาตรา 3** ในพระราชบัญญัตินี้
- “สถานประกอบการต่างยถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือมีผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารที่มิได้มีสัญชาติไทยเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนหรืออำนาจควบคุม
- “แรงงานไทย” หมายถึง บุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
- “แรงงานต่างยถึง บุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทย และได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
- “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย
- “กระทรวง” หมายถึง กระทรวงแรงงาน
- “รัฐมนตรี” หมายถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
**มาตรา 4** ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศ เพื่อให้การปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
#### หมวด 2: คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย
**มาตรา 5** ให้มี “คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย” ประกอบด้วย
(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน
(2) ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธาน
(3) ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านแรงงานและเศรษฐกิจ จำนวน 5 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรี
(5) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นเลขานุการ
**มาตรา 6** คณะกรรมการมีหน้าที่
(1) กำหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ
(2) ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
(3) เสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงหรือมาตรการที่เกี่ยวข้อง
(4) อนุมัติการยกเว้นตามที่ระบุในพระราชบัญญัตินี้
#### หมวด 3: การกำหนดสัดส่วนการจ้างแรงงานไทย
**มาตรา 7** สถานประกอบการต่างชาติที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องจ้างแรงงานไทยในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดในทุกตำแหน่งงาน
**มาตรา 8** ในกรณีที่สถานประกอบการต่างชาติไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรา 7 ได้ ต้องยื่นคำขออนุมัติต่อคณะกรรมการภายใน 60 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ หรือนับแต่วันเริ่มประกอบการ โดยระบุเหตุผลและแผนการพัฒนาทักษะแรงงานไทยเป็นการทดแทน
**มาตรา 9** สถานประกอบการต่างชาติต้องจัดส่งรายงานประจำไตรมาสเกี่ยวกับจำนวนและสัดส่วนลูกจ้างไทยและต่างชาติ รวมถึงเงินเดือนและสวัสดิการที่ให้ ต่อกระทรวงแรงงานภายใน 15 วันหลังสิ้นไตรมาส
#### หมวด 4: การพัฒนาทักษะและการสนับสนุนแรงงานไทย
**มาตรา 10** สถานประกอบการต่างชาติที่มีลูกจ้างเกิน 50 คน ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะหรือพัฒนาฝีมือแรงงานไทยอย่างน้อยร้อยละ 25 ของจำนวนลูกจ้างไทยในแต่ละปี โดยเน้นทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีหรือความต้องการของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
**มาตรา 11** รัฐบาลจะจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาทักษะแรงงานไทย” โดยเก็บเงินสมทบจากสถานประกอบการต่างชาติในอัตราร้อยละ 1 ของกำไรสุทธิประจำปี เพื่อใช้ในการฝึกอบรมและสนับสนุนแรงงานไทย
**มาตรา 12** กระทรวงแรงงานมีอำนาจกำหนดหลักสูตรฝึกอบรม และให้การสนับสนุนด้านงบประมาณหรือเทคโนโลยีแก่สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรา 10 ได้ตามความเหมาะสม
#### หมวด 5: การตรวจสอบและรายงาน
**มาตรา 13** ให้กระทรวงแรงงานมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานตรวจแรงงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และสถานประกอบการต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
**มาตรา 14** คณะกรรมการต้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 90 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ
#### หมวด 6: บทกำหนดโทษ
**มาตรา 15** สถานประกอบการต่างชาติที่ฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือมาตรา 9 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันวันละ 20,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
**มาตรา 16** สถานประกอบการต่างชาติที่ฝ่าฝืนมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท และอาจถูกระงับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนเป็นการชั่วคราว
**มาตรา 17** ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบของสถานประกอบการที่จงใจฝ่าฝืนหรือสนับสนุนการฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือมาตรา 10 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
#### บทเฉพาะกาล
**มาตรา 18** สถานประกอบการต่างชาติที่ดำเนินการอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ ต้องปรับการจ้างงานให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้ภาย
ใน 2 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้
---
นาย ธ. มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
บัญญัติการส่งเสริมประเทศชาติและผู้ประกอบการต่างชาติ พ.ศ. 2568
### ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมประเทศชาติและผู้ประกอบการต่างชาติ พ.ศ. 2568
#### คำปรารภ
โดยที่การลงทุนจากต่างชาติมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ แต่การจ้างแรงงานต่างชาติในสัดส่วนที่สูงเกินสมควรได้ส่งผลกระทบต่อโอกาสการมีงานทำของแรงงานไทย และอาจนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว สมควรกำหนดมาตรการส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ รวมทั้งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
จึงตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
#### หมวด 1: บททั่วไป
**มาตรา 1** พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ พ.ศ. 2568”
**มาตรา 2** พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
**มาตรา 3** ในพระราชบัญญัตินี้
- “สถานประกอบการต่างยถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือมีผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารที่มิได้มีสัญชาติไทยเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนหรืออำนาจควบคุม
- “แรงงานไทย” หมายถึง บุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
- “แรงงานต่างยถึง บุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทย และได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
- “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย
- “กระทรวง” หมายถึง กระทรวงแรงงาน
- “รัฐมนตรี” หมายถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
**มาตรา 4** ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศ เพื่อให้การปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
#### หมวด 2: คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย
**มาตรา 5** ให้มี “คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองโอกาสการจ้างแรงงานไทย” ประกอบด้วย
(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน
(2) ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธาน
(3) ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านแรงงานและเศรษฐกิจ จำนวน 5 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรี
(5) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นเลขานุการ
**มาตรา 6** คณะกรรมการมีหน้าที่
(1) กำหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในสถานประกอบการต่างชาติ
(2) ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
(3) เสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงหรือมาตรการที่เกี่ยวข้อง
(4) อนุมัติการยกเว้นตามที่ระบุในพระราชบัญญัตินี้
#### หมวด 3: การกำหนดสัดส่วนการจ้างแรงงานไทย
**มาตรา 7** สถานประกอบการต่างชาติที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องจ้างแรงงานไทยในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดในทุกตำแหน่งงาน
**มาตรา 8** ในกรณีที่สถานประกอบการต่างชาติไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรา 7 ได้ ต้องยื่นคำขออนุมัติต่อคณะกรรมการภายใน 60 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ หรือนับแต่วันเริ่มประกอบการ โดยระบุเหตุผลและแผนการพัฒนาทักษะแรงงานไทยเป็นการทดแทน
**มาตรา 9** สถานประกอบการต่างชาติต้องจัดส่งรายงานประจำไตรมาสเกี่ยวกับจำนวนและสัดส่วนลูกจ้างไทยและต่างชาติ รวมถึงเงินเดือนและสวัสดิการที่ให้ ต่อกระทรวงแรงงานภายใน 15 วันหลังสิ้นไตรมาส
#### หมวด 4: การพัฒนาทักษะและการสนับสนุนแรงงานไทย
**มาตรา 10** สถานประกอบการต่างชาติที่มีลูกจ้างเกิน 50 คน ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะหรือพัฒนาฝีมือแรงงานไทยอย่างน้อยร้อยละ 25 ของจำนวนลูกจ้างไทยในแต่ละปี โดยเน้นทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีหรือความต้องการของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
**มาตรา 11** รัฐบาลจะจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาทักษะแรงงานไทย” โดยเก็บเงินสมทบจากสถานประกอบการต่างชาติในอัตราร้อยละ 1 ของกำไรสุทธิประจำปี เพื่อใช้ในการฝึกอบรมและสนับสนุนแรงงานไทย
**มาตรา 12** กระทรวงแรงงานมีอำนาจกำหนดหลักสูตรฝึกอบรม และให้การสนับสนุนด้านงบประมาณหรือเทคโนโลยีแก่สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรา 10 ได้ตามความเหมาะสม
#### หมวด 5: การตรวจสอบและรายงาน
**มาตรา 13** ให้กระทรวงแรงงานมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานตรวจแรงงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และสถานประกอบการต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
**มาตรา 14** คณะกรรมการต้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 90 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ
#### หมวด 6: บทกำหนดโทษ
**มาตรา 15** สถานประกอบการต่างชาติที่ฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือมาตรา 9 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันวันละ 20,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
**มาตรา 16** สถานประกอบการต่างชาติที่ฝ่าฝืนมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท และอาจถูกระงับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนเป็นการชั่วคราว
**มาตรา 17** ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบของสถานประกอบการที่จงใจฝ่าฝืนหรือสนับสนุนการฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือมาตรา 10 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
#### บทเฉพาะกาล
**มาตรา 18** สถานประกอบการต่างชาติที่ดำเนินการอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ ต้องปรับการจ้างงานให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้ภาย
ใน 2 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้
---
นาย ธ. มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก