JJNY : จี้เปิดภาพคุมอุยกูร์│กกต.ส่งหนังสือถึงดีเอสไอ│ก.พ.ราคาวัสดุก่อสร้างขยับ│อียูกางแผนเสริมการป้องกันยุโรป-ช่วยยูเครน

อังคณา จี้รัฐเปิดภาพ CCTV คุมอุยกูร์กลับจีน ป้องกันผิดกม.อุ้มหาย ดีกว่าทุ่มงบพาสื่อไปดู
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077073
 
 
อังคณา จี้รัฐเปิดภาพ CCTV ระหว่างคุมชาวอุยกูร์กลับจีน ป้องกันทำผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย-อนุสัญญา ICPPED ดีกว่าทุ่มงบพาสื่อบินไปสังเกตการณ์
  
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวทางแฟนเพจ Angkhana Neelapaijit ถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนว่า 

กรณี #ผู้ลี้ภัยอุยกูร์ รัฐมนตรีภูมิธรรม บอก “คนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ มีผม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และไม่ได้ทำผิดอะไรเลย” ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไรอยากบอกว่า แทนที่รัฐบาลจะด้อยค่าและตอบโต้นักสิทธิ อยากเห็นรัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น
 
1.หากผู้ลี้ภัยอุยกูร์สมัครใจเดินทางกลับจีนจริง ทำไปพวกเขาจึงประท้วงด้วยการอดอาหาร (Hunger Strike) ในห้องกัก
 
2.แทนที่จะพาสื่อไปจีนให้สิ้นเปลืองงบประมาณ #รัฐควรเปิดเผยภาพ CCTV ใน สตม. สวนพลู และ #การบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องระหว่างการควบคุมตัวชาวอุยกูร์จากห้องกักจนถึงไปขึ้นเครื่องบิน โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 การใช้พันธนาการ รวมถึงกระบวนการทั้งหมดในช่วงการปฏิบัติการ มิเช่นนั้นจะถือว่ารัฐจงใจปกปิดชะตากรรมและทำให้บุคคลนั้นไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เข้าข่ายการกระทำผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตราที่ 7 ของ พ.ร.บ. (นิยามการควบคุมเป็นตามนิยามในมาตรา 3) และอนุสัญญา ICPPED
 
3.รัฐบาลต้องตระหนักว่า #หลักการห้ามผลักดันบุคคลสู่อันตราย (Non-Refoulement) ผูกพันกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ เนื่องจากมีสถานะเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary International Law) หลักการห้ามผลักดันกลับ ใช้กับคนที่หากถูกส่งกลับไปยังประเทศต้นทางอาจได้รับอันตรายโดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลนั้นจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่

https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0nVvssMQ964N9oN6AtALpLLkkg4JJHhv2FvP8B9bCQiqkSjdrGh2ggmEx6WCcFRorl
 


กกต. ส่งหนังสือข้อกฎหมายคดีฮั้วเลือกสว. ถึงดีเอสไอแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077315
 
กกต. ส่งหนังสือข้อกฎหมายคดีฮั้วเลือกสว. ถึงดีเอสไอแล้ว
 
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้มีหนังสือชี้แจงตอบกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในประเด็นข้อกฎหมาย 2 คำถามซึ่งเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีการฮั้วเลือกสว.และได้ให้สำนักงานกกต. โดย นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ยกร่างหนังสือดังกล่าว โดยไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)ด้วยนั้น
 
มีรายงานว่า นายแสวง ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่นำหนังสือชี้แจงดังกล่าวส่งยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม กกต.มีการประชุมลับ พิจารณาหนังสือสอบถามประเด็นข้อกฎหมาย 2 คำถามดังกล่าวตามที่เลขาธิการกกต.เสนอต่อที่ประชุม โดย กกต. ได้ให้แนวทางคำตอบตามคำถามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้มีความชัดเจนและครบถ้วนมากที่สุด และให้สำนักงานกกต.ไปดำเนินการยกร่างหนังสือ พร้อมส่งหนังสือให้ดีเอสไอ ได้ก่อนวันประชุม ซึ่งการไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม กกต.มองว่า สำนักงาน กกต. ได้แนวทางคำตอบที่ชัดเจนตามคำถามของดีเอสไอแล้ว การส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถามอาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ครบถ้วนถูกต้อง



ก.พ.ราคาวัสดุก่อสร้างขยับ ยางมะตอย ดันดันชนีพุ่ง 7.2%
https://www.matichon.co.th/economy/news_5077095

ก.พ.ราคาวัสดุก่อสร้างขยับ ยางมะตอย ดันดันชนีพุ่ง 7.2%
 
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เท่ากับ 112.1 เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.67 (YoY) สูงขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน โดยมีปัจจัยจากต้นทุนค่าขนส่งและราคาวัตถุดิบสูงขึ้นในหลายหมวดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.9 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ไม้พื้น ไม้แบบ แผ่นไม้อัด และวงกบประตู หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากสินค้าเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก บ่อพักคอนกรีตสำเร็จรูป และคอนกรีตผสมเสร็จ จากปัจจัยราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาทำให้ต้นทุนค่าขนส่งของสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ปรับราคาสูงขึ้น หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 1.3 จากสินค้าสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 7.2 จากสินค้ายางมะตอย โดยสินค้าสำคัญของทั้งสองหมวดสูงขึ้นจากต้นทุนปิโตรเลียมที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปรับราคาสูงขึ้น รวมทั้งมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านคมนาคมของภาครัฐ และการซ่อมแซมถนนหลังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ก่อนหน้านี้
 
นายพูนพงษ์กล่าวว่า หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 2.2 จากสายส่งกำลังไฟฟ้า NYY สายไฟฟ้า VCT ถังดักไขมัน และถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ทองแดง เม็ดพลาสติก) ที่ปรับราคาตามตลาดโลก รวมทั้งมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น สำหรับหมวดสินค้าสำคัญ ที่ดัชนีราคาลดลง ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 3.2 จากการลดลงของสินค้าเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย และลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง จากราคาเหล็กในตลาดโลกและในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยืดเยื้อ แม้ว่าจีนจะออกมาตรการเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วก็ตาม
ขณะที่หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 1.5 จากการลดลงของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงจากราคาถ่านหินปรับลดลงโดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดทดแทนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินลดลง ประกอบกับมีการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์สูงมาก นอกจากนี้ ขณะที่ผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ภาคเอกชนชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ เนื่องจากมีสต็อกอสังหาริมทรัพย์คงค้างสูง จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน สาเหตุจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีราคาหมวดกระเบื้อง ลดลงร้อยละ 1.3 ลดลงจากสินค้ากระเบื้องเคลือบบุผนัง กระเบื้องเคลือบปูพื้น เป็นต้น และหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 2.0 จากสินค้าโถส้วมชักโครก กระจกเงา และราวจับสแตนเลส
 
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมี.ค. 68 ยังมีทิศทางขยายตัว อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกต่าง ๆ เช่น 1.การปรับลดของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยให้การลงทุน ภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน และกำลังซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัว 2.นโยบายทางเศรษฐกิจและมาตรการภาษีที่เข้มงวดของสหรัฐอเมริกาที่จะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ทองแดง ซึ่งมีความผันผวนสูงและมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น และ 3. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้าและค่าขนส่ง ซึ่งจะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่