UN-NGO รุมประณามไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฟาดทำเองทั้งที่นั่งเก้าอี้ HRC
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5069899
UN-NGO รุมประณามไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฟาดทำเองทั้งที่นั่งเก้าอี้ HRC
นาย
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ให้ความเห็นหลังไทยออกมายอมรับว่าได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกคุมขังนานกว่า 11 ปีว่า การส่งตัวกลับดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
เติร์กกล่าวว่า ผู้ขอลี้ภัยถูกควบคุมตัวในสภาพที่ย่ำแย่ในประเทศไทย โดย 5 รายเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว และอีก 8 คนเชื่อว่ายังคงถูกควบคุมตัวอยู่
สถานการณ์อันเลวร้ายของผู้ถูกควบคุมตัวทำให้รัฐบาลต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น จับตามองอย่างใกล้ชิด ในระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นาย
มาร์โก รูบิโอ กล่าวว่าเขาจะกดดันให้ไทยไม่ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ซาราห์ บรูคส์ ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ประจำประเทศจีน กล่าวว่า การส่งตัวชายเหล่านี้กลับประเทศจีนโดยบังคับ หรือไม่ว่าชาวอุยกูร์คนใดก็ตาม จะทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงสถานะของคนเหล่านี้
“
พวกเขาต้องเผชิญความยากลำบากมามากแล้ว พวกเขาหลบหนีการปราบปรามในจีน แต่กลับพบว่าตัวเองถูกควบคุมตัวโดยพลการในประเทศไทยนานกว่าทศวรรษ ความจริงที่ว่าตอนนี้พวกเขาอาจถูกบังคับส่งตัวกลับประเทศที่ชาวอุยกูร์และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ชาวฮั่นในซินเจียงต้องเผชิญกับการทรมานและการปฏิบัติที่เลวร้าย การกักขังโดยพลการ และการบังคับให้สูญหาย ถือเป็นความโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ” บรูคส์กล่าว
บรูคส์ย้ำว่า รัฐบาลไทยควรปกป้องคนเหล่านี้ แต่กลับทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรงโดยเจตนา การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยเพิกเฉยต่อคำร้องขอของผู้เชี่ยวชาญจากองค์การนิรโทษกรรมสากลและจาก UN ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่ละเมิดหลักการไม่ส่งกลับซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและในประเทศ และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC)
ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและจีนเปิดเผยที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้ และหากพวกเขายังคงถูกควบคุมตัวอยู่ ก็ต้องให้แน่ใจว่าสิทธิของพวกเขาได้รับการเคารพอย่างเต็มที่ รวมถึงสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานหรือได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายในรูปแบบอื่นๆ เพราะหลายคนมีสุขภาพทรุดโทรมมากหลังจากถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานหลายปี พวกเขาต้องเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมและเพียงพอ
“
เราเรียกร้องให้ยุติความทุกข์ยากของพวกเขา และขอให้เจ้าหน้าที่เคารพสิทธิในการเดินทางอย่างเสรีของพวกเขา เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเขาควรได้รับอนุญาตให้กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัย”
บรูคส์กล่าว
เอเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียของ Human Rights Watch กลาวว่า ไทยเพิกเฉยต่อกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างชัดเจน จากการบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนเพื่อเผชิญกับการถูกข่มเหง ภายหลังจากการถูกควบคุมตัวอย่างทารุณนาน 11 ปีในห้องขังของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย ชาวอุยกูร์เหล่านี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างร้ายแรงจากการถูกทรมาณ บังคับสูญหาย และถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานโดยรัฐบาลจีน
เพียร์สันกล่าวอีกว่ารัฐบาลที่เกี่ยวข้องควรที่จะกดดันรัฐบาลจีนเพื่ออนุญาตให้ชาวอุยกูร์ที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับไปจีนได้พบกับครอบครัว ผู้สังเกตการณ์อิสระ ตลอดจนกลไกของ UN ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ประวัติของการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ที่เลวร้ายของจีนและการกดดันทางการไทยให้ควบคุมตัวชายเหล่านี้เป็นสาเหตุที่น่ากังวลอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ของพวกเขา
ด้านชาวอุยกูร์ในต่างประเทศต่างแสดงความเสียใจและประณามการตัดสินใจของรัฐบาลไทย โดย
ทาฮีร์ อิมิน นักเคลื่อนไหวชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสหรัฐซึ่งเคยถูกคุมขังในจีนกล่าวว่า “
ผมเสียใจ กังวล และหวาดกลัวอย่างยิ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อไป พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่ไม่อาจจินตนาการได้ การทรมาน ความตาย และรับประกันได้ว่าจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลานาน”
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า จีนใช้พลังอำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อปิดปากนักวิจารณ์ในต่างประเทศและกดดันรัฐบาลให้ส่งพลเมืองที่หลบหนีการกดขี่กลับประเทศ ชาวอุยกูร์น่าจะถูกส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งพวกเขาจะถูกทางการควบคุมตัวอย่างเข้มงวด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ควบคุมตัวชาวอุยกูร์และกลุ่มคนอื่นๆ มากถึงหนึ่งล้านคนในค่ายกักกันและเรือนจำ เพิ่มมาตรการคุมกำเนิดสำหรับสตรีชาวมุสลิม และส่งเด็กชาวมุสลิมไปโรงเรียนประจำ
ชาวอุยกูร์ซึ่งถูกควบคุมตัวในกรุงเทพฯมานานกว่าทศวรรษ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนมากกว่า 300 คนที่หลบหนีออกจากจีนในปี 2557 โดยหวังจะใช้ประเทศไทยเป็นจุดผ่านแดนเพื่อไปยังตุรกี ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวอุยกูร์จำนวนมาก เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ถูกควบคุมตัวบางส่วนซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ได้อดอาหารประท้วงเนื่องจากเกรงว่าจะถูกส่งตัวกลับจีน
การตัดสินใจเนรเทศชาวอุยกูร์อย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นการส่งสัญญานเตือนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอิทธิพลทางการทูตของจีนในภูมิภาคอย่างชัดเจน สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังเดินหน้าส่งตัวพลเมืองจีนกลับจากศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในเมียนมา โดยพาข้ามชายแดนมายังประเทศไทยและส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินกลับจีน ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่านี่เป็นการใช้มาตรการกดดันตามนโยบายด้านความมั่นคงของจีนในประเทศไทยโดยตรง
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ศาสตราจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รูปแบบล่าสุดของไทยที่เอาใจรัฐบาลจีนโดยไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะทำให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐ เมื่อวอชิงตันแสดงท่าทีก้าวร้าวมาก และมันยังไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีในโลกมุสลิม และที่เลวร้ายที่สุดก็คือชาวอุยกูร์จะต้องทนทุกข์ทรมาน
ด้านนาย
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของไทยอย่างรุนแรงที่สุด และว่าประเทศไทยอาจละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติและอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายตัวไปโดยถูกบังคับ
อย่างไรก็ดีภายในสหรัฐเอง รัฐบาล
ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพลเมืองบางส่วนเกี่ยวกับการเนรเทศผู้อพยพ รวมถึงการส่งบางคนไปยังเรือนจำในอ่าวกวนตานาโมที่ดูแลโดยสหรัฐ และยังถูกส่งไปกักขังยังปานามาอีกด้วย
กัณวีร์ ซัดรบ.บิดเบือน ยัน มีมากกว่า 3 ชาติ ขอรับอุยกูร์แต่ไทยไม่ให้ ไล่ไปลาออก UNHRC
https://www.matichon.co.th/politics/news_5069939
กัณวีร์ ซัดรบ.บิดเบือน ชี้ มีมากกว่า 3 ชาติ ขอรับอุยกูร์แต่ไทยไม่ให้ ไล่ไปลาออก UNHRC
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์
กัณวีร์ สืบแสง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“หยุดโกหกและหลอกลวงคนทั้งโลกกับการออกมาแก้ตัวแถลงชี้แจงกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ขออนุญาตลากไส้ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้
(อยากอ่านสรุปเร็วข้างล่างนี้ ถ้าอยากเอารายละเอียดเชิญด้านล่าง)
1. เรื่องหลักการการส่งกลับที่เป็นไปตามสากล – สากลกี่โมง เริ่มด้วยนิยามผู้ลี้ภัยและการกลับประเทศต้นทาง
2. เรื่องการสมัครใจกลับ – สมัครใจกี่โมง ผมอยู่ในเหตุการณ์ที่สงขลาเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ไม่มีใครอยากกลับ
3. เรื่องไม่มีประเทศที่ 3 ติดต่อรับ – เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ตุรกีส่งเครื่องบินมาเตรียมรอ สุดท้ายตุกติกไม่ส่ง หลายๆประเทศก็รอรับ ก็ไม่ส่งไป
เอารายละเอียด+อรรถรส ด้านนี้ครับ
1. ที่บอกว่าเป็นไปตามขั้นตอนหลักสากล รู้จักหลักสากลที่ว่านี้จริงแค่ไหน ?? หลักการไม่ส่งกลับ (non-refouelment) มันต้องเริ่มจากนิยามผู้ลี้ภัย คือผู้ที่มีความหวาดกลัวอย่างประจักษ์ต่อการถูกประหัตประหาร ไม่สามารถอยู่และไม่อยากอยู่ที่ประเทศต้นกำเนิด ด้วยเหตุผลการกดขี่ด้วยเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ความเห็นทางการเมือง หรือ การเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคมที่ถูกตามล่า
ผู้ลี้ภัยจึงไม่มีความประสงค์จะกลับไปประเทศตันกำเนิด ดังนั้น จารีตประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศ คือสิ่งที่ทุกประเทศเคารพและปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องพึงปฏิบัติตามโดยไม่ต้องลงนามแต่อย่างใด ดังนั้นเราจะไม่สามารถบังคับหรือผลักดันให้คนกลับไปตายได้ !!
2. แถมโกหกอีกว่าสมัครใจกลับ !! ใครสมัครใจกลับ ?? ผมอยู่กับพวกเค้าตั้งแต่วันแรกที่ถูกพบในป่าที่รัตภูมิ จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2557 ผมยังจำได้ดีว่าผมต้องซื้อผ้าเช็ดตัวมาให้ชาวอุยกูร์ผู้ชายทุกคนที่ถูกกักอยู่ในหลายห้องกักของ สตม. เพื่อให้พวกเค้าคลุมหัว แล้วนอนคว่ำหน้า เมื่อกงสุลของจีนอยากเข้าพบพวกเค้า !!
แต่กฎของ ตม.ไทยคือหากผู้ต้องกักไม่อยากพบใคร ก็สามารถปฏิเสธการเข้าพบได้ แต่!!! กงสุลจีนไม่สนเดินทะลึ่งเข้าไปในห้องกักหลายครั้ง ผมเลยตัดสินใจซื้อผ้าเช็ดตัวให้ทุกคนเพื่อปิดหน้าปิดตาเมื่อมีคนทะลึ่งเข้ามา
จนกระทั่งหากใครตามข่าวก็จะทราบว่าเมื่อเดือนที่แล้ว มกราคม 2568 ผู้ต้องกักอุยกูร์ทุกคนที่สวนพลูแจ้งว่าถูก จนท. สตม. มาสอบถามถึงความสมัครใจในการกลับจีนและเอาเอกสารบางอย่างมาให้ทุกคนเซน และจับถ่ายรูปทุกคน ผลก็คือมีการอดข้าวประท้วงกันประมาณครึ่งเดือน เพราะกังวลและเกรงกลัวว่าจะถูกผลักดันกลับจีน จนภาคประชาสังคมต้องเข้าไปพูดคุยด้วยว่าจะไม่มีการผลักดันกลับ ทุกคนจึงกลับมากินอาหาร
มันจะเปลี่ยนใจกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ตลกจัด !!
ไม่เรียนรู้เรื่อง 109 คนที่ถูกผลักดันกลับจีนเมื่อปี 2558 ถามจริงรู้หรือไม่ชะตากรรมพวกเค้าเป็นยังไง ?? เคยขอติดตามไปดูชีวิตเค้าหลังการถูกผลักดันกลับหรือไม่ ไม่ใช่แค่ให้เลขา สมช.ไปดูแล้วยิ้มแย้มบอกว่าการันตีความปลอดภัยแล้วเดินทางกลับมา รูปที่เห็นวันนี้เลขา สมช.ยืนยิ้มไปดูคนถูกผลักดันกลับมันสะอิดสะเอียนเหมือนเคยเห็นมาเมื่อปี 2558 ไม่ผิดเพี้ยน
กล้าถามจีนมั้ยว่า 109 คน อยู่ที่ไหน ?? แล้วยังมีหน้ามาการันตีความปลอดภัย
นักการเมืองและรัฐบาลให้ข้าราชการอย่าง สมช. กต. และ สตม. มานั่งโกหกฝ่ายนิติบัญญัติว่าไม่มีนโยบายใดๆ ในการผลักดันกลับ สมช. ที่มาเข้าประชุม กมธ.กฎหมายฯ แจ้งที่ประชุมว่า “กลุ่มคนเหล่านี้อพยพออกมาจากประเทศต้นทางและไม่ขอกลับไปยังประเทศต้นทาง…” และไม่มีการเตรียมการใดๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการส่งกลับ
แต่จับโป๊ะว่ามีการเตรียมการมาเป็นแรมเดือนอย่างระมัดระวังอย่างครอบคลุม แถมบอกว่าอย่าจินตนาการกันไป
ท่านนั่นแหละที่จินตนาการ จินตนาการว่าเค้าอยากกลับเอง ทั้งๆ ที่เค้าเดินทางข้ามน้ำข้ามแดนมาเป็นหลักพันๆ กิโลเพื่อหนีความตาย แล้วยังบอกว่าเค้าอยากกลับบ้าน จินตนาการว่าผมจินตนาการใส่ร้ายและมาพูดเรื่องการส่งกลับผู้ลี้ภัยอุยกูร์ ขอบอกครับผมไม่จินตนาการ ผมมาจากข้อมูลและหลักฐาน ไม่ใช่คนอย่างพวกท่าน !!
3. หยุดโกหกบิดเบือนว่าตั้งแต่พบชาวอุยกูร์ในไทยเป็นเวลามากกว่า 10 ปี ไม่มีประเทศไหนมาขอรับไปตั้งถิ่นฐานใหม่เลย หยุด !! ผมนี่แหละที่เป็นคนประสานกับรัฐบาลตุรกีเมื่อปี 2557 ผ่าน สอท.ตุรกีประจำประเทศไทยในการขอตั้งถิ่นฐานใหม่ในตุรกี และเค้าอำนวยความสะดวกว่าจะส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ 2 ลำ จากแองคาร่าเมืองหลวงตุรกีมาไทยภายใน 24 ชม. หากแต่คำสัญญาในช่วง รบ.ยิ่งลักษณ์เปลี่ยนใจไม่ให้ส่งไปตุรกีตอนนั้น เค้าเลยติดชะงักอยู่ห้องกัก สตม.จนถูก รบ.แพรทองธารผลักดันกลับจีนในปี 2568
JJNY : UN-NGO รุมประณามไทย│กัณวีร์ซัดบิดเบือน ไล่ไปลาออก UNHRC│คลิปนาทีไอซ์เดือด ขอข้อมูลสปส.│นานาชาติเห็นพ้องแผนปกป้อง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5069899
UN-NGO รุมประณามไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฟาดทำเองทั้งที่นั่งเก้าอี้ HRC
นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ให้ความเห็นหลังไทยออกมายอมรับว่าได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกคุมขังนานกว่า 11 ปีว่า การส่งตัวกลับดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
เติร์กกล่าวว่า ผู้ขอลี้ภัยถูกควบคุมตัวในสภาพที่ย่ำแย่ในประเทศไทย โดย 5 รายเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว และอีก 8 คนเชื่อว่ายังคงถูกควบคุมตัวอยู่
สถานการณ์อันเลวร้ายของผู้ถูกควบคุมตัวทำให้รัฐบาลต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น จับตามองอย่างใกล้ชิด ในระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายมาร์โก รูบิโอ กล่าวว่าเขาจะกดดันให้ไทยไม่ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ซาราห์ บรูคส์ ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ประจำประเทศจีน กล่าวว่า การส่งตัวชายเหล่านี้กลับประเทศจีนโดยบังคับ หรือไม่ว่าชาวอุยกูร์คนใดก็ตาม จะทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงสถานะของคนเหล่านี้
“พวกเขาต้องเผชิญความยากลำบากมามากแล้ว พวกเขาหลบหนีการปราบปรามในจีน แต่กลับพบว่าตัวเองถูกควบคุมตัวโดยพลการในประเทศไทยนานกว่าทศวรรษ ความจริงที่ว่าตอนนี้พวกเขาอาจถูกบังคับส่งตัวกลับประเทศที่ชาวอุยกูร์และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ชาวฮั่นในซินเจียงต้องเผชิญกับการทรมานและการปฏิบัติที่เลวร้าย การกักขังโดยพลการ และการบังคับให้สูญหาย ถือเป็นความโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ” บรูคส์กล่าว
บรูคส์ย้ำว่า รัฐบาลไทยควรปกป้องคนเหล่านี้ แต่กลับทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรงโดยเจตนา การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยเพิกเฉยต่อคำร้องขอของผู้เชี่ยวชาญจากองค์การนิรโทษกรรมสากลและจาก UN ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่ละเมิดหลักการไม่ส่งกลับซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและในประเทศ และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC)
ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและจีนเปิดเผยที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้ และหากพวกเขายังคงถูกควบคุมตัวอยู่ ก็ต้องให้แน่ใจว่าสิทธิของพวกเขาได้รับการเคารพอย่างเต็มที่ รวมถึงสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานหรือได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายในรูปแบบอื่นๆ เพราะหลายคนมีสุขภาพทรุดโทรมมากหลังจากถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานหลายปี พวกเขาต้องเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมและเพียงพอ
“เราเรียกร้องให้ยุติความทุกข์ยากของพวกเขา และขอให้เจ้าหน้าที่เคารพสิทธิในการเดินทางอย่างเสรีของพวกเขา เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเขาควรได้รับอนุญาตให้กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัย” บรูคส์กล่าว
เอเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียของ Human Rights Watch กลาวว่า ไทยเพิกเฉยต่อกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างชัดเจน จากการบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนเพื่อเผชิญกับการถูกข่มเหง ภายหลังจากการถูกควบคุมตัวอย่างทารุณนาน 11 ปีในห้องขังของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย ชาวอุยกูร์เหล่านี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างร้ายแรงจากการถูกทรมาณ บังคับสูญหาย และถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานโดยรัฐบาลจีน
เพียร์สันกล่าวอีกว่ารัฐบาลที่เกี่ยวข้องควรที่จะกดดันรัฐบาลจีนเพื่ออนุญาตให้ชาวอุยกูร์ที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับไปจีนได้พบกับครอบครัว ผู้สังเกตการณ์อิสระ ตลอดจนกลไกของ UN ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ประวัติของการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ที่เลวร้ายของจีนและการกดดันทางการไทยให้ควบคุมตัวชายเหล่านี้เป็นสาเหตุที่น่ากังวลอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ของพวกเขา
ด้านชาวอุยกูร์ในต่างประเทศต่างแสดงความเสียใจและประณามการตัดสินใจของรัฐบาลไทย โดยทาฮีร์ อิมิน นักเคลื่อนไหวชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสหรัฐซึ่งเคยถูกคุมขังในจีนกล่าวว่า “ผมเสียใจ กังวล และหวาดกลัวอย่างยิ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อไป พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่ไม่อาจจินตนาการได้ การทรมาน ความตาย และรับประกันได้ว่าจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลานาน”
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า จีนใช้พลังอำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อปิดปากนักวิจารณ์ในต่างประเทศและกดดันรัฐบาลให้ส่งพลเมืองที่หลบหนีการกดขี่กลับประเทศ ชาวอุยกูร์น่าจะถูกส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งพวกเขาจะถูกทางการควบคุมตัวอย่างเข้มงวด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ควบคุมตัวชาวอุยกูร์และกลุ่มคนอื่นๆ มากถึงหนึ่งล้านคนในค่ายกักกันและเรือนจำ เพิ่มมาตรการคุมกำเนิดสำหรับสตรีชาวมุสลิม และส่งเด็กชาวมุสลิมไปโรงเรียนประจำ
ชาวอุยกูร์ซึ่งถูกควบคุมตัวในกรุงเทพฯมานานกว่าทศวรรษ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนมากกว่า 300 คนที่หลบหนีออกจากจีนในปี 2557 โดยหวังจะใช้ประเทศไทยเป็นจุดผ่านแดนเพื่อไปยังตุรกี ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวอุยกูร์จำนวนมาก เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ถูกควบคุมตัวบางส่วนซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ได้อดอาหารประท้วงเนื่องจากเกรงว่าจะถูกส่งตัวกลับจีน
การตัดสินใจเนรเทศชาวอุยกูร์อย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นการส่งสัญญานเตือนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอิทธิพลทางการทูตของจีนในภูมิภาคอย่างชัดเจน สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังเดินหน้าส่งตัวพลเมืองจีนกลับจากศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในเมียนมา โดยพาข้ามชายแดนมายังประเทศไทยและส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินกลับจีน ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่านี่เป็นการใช้มาตรการกดดันตามนโยบายด้านความมั่นคงของจีนในประเทศไทยโดยตรง
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ศาสตราจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รูปแบบล่าสุดของไทยที่เอาใจรัฐบาลจีนโดยไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะทำให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐ เมื่อวอชิงตันแสดงท่าทีก้าวร้าวมาก และมันยังไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีในโลกมุสลิม และที่เลวร้ายที่สุดก็คือชาวอุยกูร์จะต้องทนทุกข์ทรมาน
ด้านนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของไทยอย่างรุนแรงที่สุด และว่าประเทศไทยอาจละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติและอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายตัวไปโดยถูกบังคับ
อย่างไรก็ดีภายในสหรัฐเอง รัฐบาลทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพลเมืองบางส่วนเกี่ยวกับการเนรเทศผู้อพยพ รวมถึงการส่งบางคนไปยังเรือนจำในอ่าวกวนตานาโมที่ดูแลโดยสหรัฐ และยังถูกส่งไปกักขังยังปานามาอีกด้วย
กัณวีร์ ซัดรบ.บิดเบือน ยัน มีมากกว่า 3 ชาติ ขอรับอุยกูร์แต่ไทยไม่ให้ ไล่ไปลาออก UNHRC
https://www.matichon.co.th/politics/news_5069939
กัณวีร์ ซัดรบ.บิดเบือน ชี้ มีมากกว่า 3 ชาติ ขอรับอุยกูร์แต่ไทยไม่ให้ ไล่ไปลาออก UNHRC
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ กัณวีร์ สืบแสง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“หยุดโกหกและหลอกลวงคนทั้งโลกกับการออกมาแก้ตัวแถลงชี้แจงกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ขออนุญาตลากไส้ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้
(อยากอ่านสรุปเร็วข้างล่างนี้ ถ้าอยากเอารายละเอียดเชิญด้านล่าง)
1. เรื่องหลักการการส่งกลับที่เป็นไปตามสากล – สากลกี่โมง เริ่มด้วยนิยามผู้ลี้ภัยและการกลับประเทศต้นทาง
2. เรื่องการสมัครใจกลับ – สมัครใจกี่โมง ผมอยู่ในเหตุการณ์ที่สงขลาเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ไม่มีใครอยากกลับ
3. เรื่องไม่มีประเทศที่ 3 ติดต่อรับ – เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ตุรกีส่งเครื่องบินมาเตรียมรอ สุดท้ายตุกติกไม่ส่ง หลายๆประเทศก็รอรับ ก็ไม่ส่งไป
เอารายละเอียด+อรรถรส ด้านนี้ครับ
1. ที่บอกว่าเป็นไปตามขั้นตอนหลักสากล รู้จักหลักสากลที่ว่านี้จริงแค่ไหน ?? หลักการไม่ส่งกลับ (non-refouelment) มันต้องเริ่มจากนิยามผู้ลี้ภัย คือผู้ที่มีความหวาดกลัวอย่างประจักษ์ต่อการถูกประหัตประหาร ไม่สามารถอยู่และไม่อยากอยู่ที่ประเทศต้นกำเนิด ด้วยเหตุผลการกดขี่ด้วยเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ความเห็นทางการเมือง หรือ การเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคมที่ถูกตามล่า
ผู้ลี้ภัยจึงไม่มีความประสงค์จะกลับไปประเทศตันกำเนิด ดังนั้น จารีตประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศ คือสิ่งที่ทุกประเทศเคารพและปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องพึงปฏิบัติตามโดยไม่ต้องลงนามแต่อย่างใด ดังนั้นเราจะไม่สามารถบังคับหรือผลักดันให้คนกลับไปตายได้ !!
2. แถมโกหกอีกว่าสมัครใจกลับ !! ใครสมัครใจกลับ ?? ผมอยู่กับพวกเค้าตั้งแต่วันแรกที่ถูกพบในป่าที่รัตภูมิ จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2557 ผมยังจำได้ดีว่าผมต้องซื้อผ้าเช็ดตัวมาให้ชาวอุยกูร์ผู้ชายทุกคนที่ถูกกักอยู่ในหลายห้องกักของ สตม. เพื่อให้พวกเค้าคลุมหัว แล้วนอนคว่ำหน้า เมื่อกงสุลของจีนอยากเข้าพบพวกเค้า !!
แต่กฎของ ตม.ไทยคือหากผู้ต้องกักไม่อยากพบใคร ก็สามารถปฏิเสธการเข้าพบได้ แต่!!! กงสุลจีนไม่สนเดินทะลึ่งเข้าไปในห้องกักหลายครั้ง ผมเลยตัดสินใจซื้อผ้าเช็ดตัวให้ทุกคนเพื่อปิดหน้าปิดตาเมื่อมีคนทะลึ่งเข้ามา
จนกระทั่งหากใครตามข่าวก็จะทราบว่าเมื่อเดือนที่แล้ว มกราคม 2568 ผู้ต้องกักอุยกูร์ทุกคนที่สวนพลูแจ้งว่าถูก จนท. สตม. มาสอบถามถึงความสมัครใจในการกลับจีนและเอาเอกสารบางอย่างมาให้ทุกคนเซน และจับถ่ายรูปทุกคน ผลก็คือมีการอดข้าวประท้วงกันประมาณครึ่งเดือน เพราะกังวลและเกรงกลัวว่าจะถูกผลักดันกลับจีน จนภาคประชาสังคมต้องเข้าไปพูดคุยด้วยว่าจะไม่มีการผลักดันกลับ ทุกคนจึงกลับมากินอาหาร
มันจะเปลี่ยนใจกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ตลกจัด !!
ไม่เรียนรู้เรื่อง 109 คนที่ถูกผลักดันกลับจีนเมื่อปี 2558 ถามจริงรู้หรือไม่ชะตากรรมพวกเค้าเป็นยังไง ?? เคยขอติดตามไปดูชีวิตเค้าหลังการถูกผลักดันกลับหรือไม่ ไม่ใช่แค่ให้เลขา สมช.ไปดูแล้วยิ้มแย้มบอกว่าการันตีความปลอดภัยแล้วเดินทางกลับมา รูปที่เห็นวันนี้เลขา สมช.ยืนยิ้มไปดูคนถูกผลักดันกลับมันสะอิดสะเอียนเหมือนเคยเห็นมาเมื่อปี 2558 ไม่ผิดเพี้ยน
กล้าถามจีนมั้ยว่า 109 คน อยู่ที่ไหน ?? แล้วยังมีหน้ามาการันตีความปลอดภัย
นักการเมืองและรัฐบาลให้ข้าราชการอย่าง สมช. กต. และ สตม. มานั่งโกหกฝ่ายนิติบัญญัติว่าไม่มีนโยบายใดๆ ในการผลักดันกลับ สมช. ที่มาเข้าประชุม กมธ.กฎหมายฯ แจ้งที่ประชุมว่า “กลุ่มคนเหล่านี้อพยพออกมาจากประเทศต้นทางและไม่ขอกลับไปยังประเทศต้นทาง…” และไม่มีการเตรียมการใดๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการส่งกลับ
แต่จับโป๊ะว่ามีการเตรียมการมาเป็นแรมเดือนอย่างระมัดระวังอย่างครอบคลุม แถมบอกว่าอย่าจินตนาการกันไป
ท่านนั่นแหละที่จินตนาการ จินตนาการว่าเค้าอยากกลับเอง ทั้งๆ ที่เค้าเดินทางข้ามน้ำข้ามแดนมาเป็นหลักพันๆ กิโลเพื่อหนีความตาย แล้วยังบอกว่าเค้าอยากกลับบ้าน จินตนาการว่าผมจินตนาการใส่ร้ายและมาพูดเรื่องการส่งกลับผู้ลี้ภัยอุยกูร์ ขอบอกครับผมไม่จินตนาการ ผมมาจากข้อมูลและหลักฐาน ไม่ใช่คนอย่างพวกท่าน !!
3. หยุดโกหกบิดเบือนว่าตั้งแต่พบชาวอุยกูร์ในไทยเป็นเวลามากกว่า 10 ปี ไม่มีประเทศไหนมาขอรับไปตั้งถิ่นฐานใหม่เลย หยุด !! ผมนี่แหละที่เป็นคนประสานกับรัฐบาลตุรกีเมื่อปี 2557 ผ่าน สอท.ตุรกีประจำประเทศไทยในการขอตั้งถิ่นฐานใหม่ในตุรกี และเค้าอำนวยความสะดวกว่าจะส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ 2 ลำ จากแองคาร่าเมืองหลวงตุรกีมาไทยภายใน 24 ชม. หากแต่คำสัญญาในช่วง รบ.ยิ่งลักษณ์เปลี่ยนใจไม่ให้ส่งไปตุรกีตอนนั้น เค้าเลยติดชะงักอยู่ห้องกัก สตม.จนถูก รบ.แพรทองธารผลักดันกลับจีนในปี 2568