
- โดยรวมสนุก รวดเร็ว สื่อตรงตามชื่อเรื่องได้อย่างกระชับ ทั้งที่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นละครเวทีที่นำบทละครของคุณวิทยากร เชียงกูล มาดัดแปลงเป็นละครเวทีขนาดสั้นที่มีความยาวเพียงแค่ 30 นาที จัดแสดงให้ชมด้วยความสุนทรีย์เริงรมย์จนเผลอตกใจกับตนเองว่า อ้าวเฮ้ย ! จบแล้วเหรอ ? ทั้งที่ตัวเพิ่งจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ไปแหมบ ๆ หลังจากดูจบจะเกิดคำถามตีคู่ขึ้นในหัวสำหรับคนที่ชอบนั่งเสพยาว ๆ และ อีกมุมนึงก็ช่วยร่นเวลาให้กระชับสำหรับคนที่ขี้เกียจดูอะไรนาน ๆ เช่นกัน แม้ก่อนดูไม่ได้ทราบมักจี่ใด ๆ เลยสักอย่างแต่แค่ดูจากชื่อเรื่องที่จ่าหัวก็ดีหรือ Costume ที่น้อง ๆ นักแสดงแข่งกันแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อจะไปประกวดเวทีนางงามจักรยานหรือยังไง ? ก็พอเดาเนื้อได้ไม่ยาก

- ระหว่างดูไปประติด Story ในฉากหน้าเป็นงานเลี้ยงสุขสันต์ที่มีเหล่า Elite มากหน้าหลายนามยืนเม้ามอยหอยสังข์แล้วจิบน้ำปานะในมือหาคนโน้นทีคนนั้นที สังเกตุว่าถึงจะมี Props นำมาประดับเพียงแค่ภาพวาดกับชุดเครื่องโต๊ะที่วางด้วยแก้วกับน้ำปานะแต่ทุกชิ้นนอกจากใช้งานคุ้มค่าตัวแล้วยังเป็นส่วนประกอบสำคัญช่วยไป Support ไม่ว่าจะในส่วนการแสดงของน้อง ๆ แต่ละคนต่างช่างสรรหาคำมาปะทะวาทีอย่างไม่มีใครยอมใครจนคิดภาพแล้วขำตามจนเอามือกุมขมับด้วยความเจ็บหัวโดยเฉพาะการได้อวดภูมิให้เพื่อนรู้ว่ากูเป็นใคร ? พร้อมบรรยายความรู้ที่กูดำรงมาก่อนจะตามด้วยการขิงเพื่อนให้เกิดประเด็นเรียกมวยทางผีปากและกระตุ้นหาบาทาหลังจากนี้ให้มีรสชาติครบเครื่องขึ้น แม้จะขำในความเป็นตลกร้ายแต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นคุณสมบัติที่อยู่ในเส้นสันดานของคนเป็นทุนเดิมและเป็นเรื่องปกติในสังคมแห่งการเอาหน้า แก่งแย่งชิงเด่น ยิ่งคนมีอีโก้มากก็ยิ่งผยองในสถานะมากขึ้น มันเลยมีวาทะที่ว่า เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ยอม ไง

- กระทั่งดนตรีประกอบที่คลอเบ้าข้างเวที ก็เป็นตัว Support ให้บรรยากาศเป็นใจรีดเค้นพลังที่ซ่อนเร้นของนักแสดงออกมาเมื่อไฟ Spotlight ส่อง แม้เสียงจะดังจนกลบเสียงพูดนักแสดงไปหน่อยแต่โดยรวมยังได้ยินอยู่แล้วเหมือนรู้ความในใจว่าคงจะไปรบกวนคนดูล่ะมั้งจึงค่อย ๆ เงียบเสียงลงแล้วดันมาถูกจังหวะเอาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ จิตรกรหนุ่มเดินฝ่าดง Elite ไปอยู่กลางเวทีพร้อมกับสั่งให้ทุกคนหยุดแหกปากก่อนจะเฉลยปมที่อัดอั้นมาแต่แรกว่าตนเองเป็นใคร ? เหมือนกับว่าฉันคือประธานบริษัทยังไงยังงั้นจนคนที่เหลือต่างยืนอึ้งกันทั้งหมดรวมถึงคนดูอย่างผมที่นั่งดูแล้วคิดในใจว่า ห๊ะ เอาอย่างนี้เลยเหรอ ? ( ดีไม่ฉีกเสื้อโชว์แล้วร้อง อ๊า ไปด้วยไม่งั้นจะกลายร่างเป็นพรี่ซุปแน่ ๆ ) พอตัวละครเฉลยตัวให้โลกตะลึงปุ๊ปหลังจากนั้นตัวเรื่องก็เข้าสู่สิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะมา way นี้อย่างรวดไวจนกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของการเปิดท้ายขายของของน้องนักแสดงทุกคนที่มีการลดแลกแจกแถมกระหน่ำจนผมขำไปเอามือกุมขมับด้วยความเจ็บหัวไปอีกรอบก่อนจะเปิดไฟแยกย้ายกลับบ้าน

- ผมยกย่องในความอุสาหะทุ่มเททุกสิ่งของคณะอาจารย์ทีมงานทุกท่านที่ตั้งใจจัดแสดงละครเวทีเรื่องสั้นนี้มาให้ชมกัน ถึงมีเวลาจำกัด หรือ มีจุดสังเกตุบ้างนิดนึง แต่ในภาพรวมทำได้ดี สื่อใจความของสารตามชื่อเรื่องได้ตรงปก รวมถึงเปิดโลกให้คนดูทั่วไปอย่างเราได้สัมผัสและแสดงความคิดเห็นในผลงานที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักศึกษาได้แสดงศักยภาพทางด้านฝีมือและพัฒนาผลงานครั้งต่อไปให้ได้รับชมกันอีก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.142 The Party (2568) By คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
- โดยรวมสนุก รวดเร็ว สื่อตรงตามชื่อเรื่องได้อย่างกระชับ ทั้งที่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นละครเวทีที่นำบทละครของคุณวิทยากร เชียงกูล มาดัดแปลงเป็นละครเวทีขนาดสั้นที่มีความยาวเพียงแค่ 30 นาที จัดแสดงให้ชมด้วยความสุนทรีย์เริงรมย์จนเผลอตกใจกับตนเองว่า อ้าวเฮ้ย ! จบแล้วเหรอ ? ทั้งที่ตัวเพิ่งจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ไปแหมบ ๆ หลังจากดูจบจะเกิดคำถามตีคู่ขึ้นในหัวสำหรับคนที่ชอบนั่งเสพยาว ๆ และ อีกมุมนึงก็ช่วยร่นเวลาให้กระชับสำหรับคนที่ขี้เกียจดูอะไรนาน ๆ เช่นกัน แม้ก่อนดูไม่ได้ทราบมักจี่ใด ๆ เลยสักอย่างแต่แค่ดูจากชื่อเรื่องที่จ่าหัวก็ดีหรือ Costume ที่น้อง ๆ นักแสดงแข่งกันแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อจะไปประกวดเวทีนางงามจักรยานหรือยังไง ? ก็พอเดาเนื้อได้ไม่ยาก
- ระหว่างดูไปประติด Story ในฉากหน้าเป็นงานเลี้ยงสุขสันต์ที่มีเหล่า Elite มากหน้าหลายนามยืนเม้ามอยหอยสังข์แล้วจิบน้ำปานะในมือหาคนโน้นทีคนนั้นที สังเกตุว่าถึงจะมี Props นำมาประดับเพียงแค่ภาพวาดกับชุดเครื่องโต๊ะที่วางด้วยแก้วกับน้ำปานะแต่ทุกชิ้นนอกจากใช้งานคุ้มค่าตัวแล้วยังเป็นส่วนประกอบสำคัญช่วยไป Support ไม่ว่าจะในส่วนการแสดงของน้อง ๆ แต่ละคนต่างช่างสรรหาคำมาปะทะวาทีอย่างไม่มีใครยอมใครจนคิดภาพแล้วขำตามจนเอามือกุมขมับด้วยความเจ็บหัวโดยเฉพาะการได้อวดภูมิให้เพื่อนรู้ว่ากูเป็นใคร ? พร้อมบรรยายความรู้ที่กูดำรงมาก่อนจะตามด้วยการขิงเพื่อนให้เกิดประเด็นเรียกมวยทางผีปากและกระตุ้นหาบาทาหลังจากนี้ให้มีรสชาติครบเครื่องขึ้น แม้จะขำในความเป็นตลกร้ายแต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นคุณสมบัติที่อยู่ในเส้นสันดานของคนเป็นทุนเดิมและเป็นเรื่องปกติในสังคมแห่งการเอาหน้า แก่งแย่งชิงเด่น ยิ่งคนมีอีโก้มากก็ยิ่งผยองในสถานะมากขึ้น มันเลยมีวาทะที่ว่า เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ยอม ไง
- กระทั่งดนตรีประกอบที่คลอเบ้าข้างเวที ก็เป็นตัว Support ให้บรรยากาศเป็นใจรีดเค้นพลังที่ซ่อนเร้นของนักแสดงออกมาเมื่อไฟ Spotlight ส่อง แม้เสียงจะดังจนกลบเสียงพูดนักแสดงไปหน่อยแต่โดยรวมยังได้ยินอยู่แล้วเหมือนรู้ความในใจว่าคงจะไปรบกวนคนดูล่ะมั้งจึงค่อย ๆ เงียบเสียงลงแล้วดันมาถูกจังหวะเอาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ จิตรกรหนุ่มเดินฝ่าดง Elite ไปอยู่กลางเวทีพร้อมกับสั่งให้ทุกคนหยุดแหกปากก่อนจะเฉลยปมที่อัดอั้นมาแต่แรกว่าตนเองเป็นใคร ? เหมือนกับว่าฉันคือประธานบริษัทยังไงยังงั้นจนคนที่เหลือต่างยืนอึ้งกันทั้งหมดรวมถึงคนดูอย่างผมที่นั่งดูแล้วคิดในใจว่า ห๊ะ เอาอย่างนี้เลยเหรอ ? ( ดีไม่ฉีกเสื้อโชว์แล้วร้อง อ๊า ไปด้วยไม่งั้นจะกลายร่างเป็นพรี่ซุปแน่ ๆ ) พอตัวละครเฉลยตัวให้โลกตะลึงปุ๊ปหลังจากนั้นตัวเรื่องก็เข้าสู่สิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะมา way นี้อย่างรวดไวจนกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของการเปิดท้ายขายของของน้องนักแสดงทุกคนที่มีการลดแลกแจกแถมกระหน่ำจนผมขำไปเอามือกุมขมับด้วยความเจ็บหัวไปอีกรอบก่อนจะเปิดไฟแยกย้ายกลับบ้าน
- ผมยกย่องในความอุสาหะทุ่มเททุกสิ่งของคณะอาจารย์ทีมงานทุกท่านที่ตั้งใจจัดแสดงละครเวทีเรื่องสั้นนี้มาให้ชมกัน ถึงมีเวลาจำกัด หรือ มีจุดสังเกตุบ้างนิดนึง แต่ในภาพรวมทำได้ดี สื่อใจความของสารตามชื่อเรื่องได้ตรงปก รวมถึงเปิดโลกให้คนดูทั่วไปอย่างเราได้สัมผัสและแสดงความคิดเห็นในผลงานที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักศึกษาได้แสดงศักยภาพทางด้านฝีมือและพัฒนาผลงานครั้งต่อไปให้ได้รับชมกันอีก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้