สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ในวิชาคณิตศาสตร์ แต่จริงๆ แล้ว การเรียนคณิตศาสตร์ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปใช้มันในชีวิตประจำวันตรงๆ เลยทุกอย่าง แต่คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีระเบียบ เช่น การแก้ปัญหาที่ยากๆ หรือการคิดอย่างมีขั้นตอน การหาค่า x, y, z เป็นการฝึกให้เราเรียนรู้การคิดแบบเชิงระบบ การทำความเข้าใจปัญหาที่ซับซ้อน และการหาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทักษะที่นำไปใช้ได้ในหลายๆ ด้านในชีวิตประจำวัน เช่น การตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่ต้องการการวิเคราะห์ หรือการบริหารจัดการเวลาและทรัพยากร
อีกอย่างคือ คณิตศาสตร์ยังเป็นพื้นฐานของวิชาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น ที่อาจจะต้องใช้สมการหรือคำนวณต่างๆ ที่คล้ายกับที่เราฝึกในบทเรียนคณิตศาสตร์
อีกอย่างคือ คณิตศาสตร์ยังเป็นพื้นฐานของวิชาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น ที่อาจจะต้องใช้สมการหรือคำนวณต่างๆ ที่คล้ายกับที่เราฝึกในบทเรียนคณิตศาสตร์
ความคิดเห็นที่ 11
...สมัยมัธยม ผมเคยเป็นเด็กเรียนดี ระดับได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปตอบปัญหาแข่งวิชาคณิตศาสตร์,ฟิสิกส์,เคมี และเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนระดับต้นๆของคณะ
...แต่หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย และทำงานได้ซักพัก ผมเคยลองย้อนกลับไปทำข้อสอบเข้ามหาลัย ในปีที่ผมสอบได้
...ปรากฎว่า ผมทำไม่ได้เลยซักข้อ !! ไม่ว่าจะเป็นวิชา คณิตศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์ (วิชาที่เคยเซียน)
...ถ้าไม่เชื่อ ลองกลับไปหาข้อสอบทำดูเลยครับ (ใน Net มีข้อสอบเข้ามหาลัย ครบทุกปี+เฉลย ย้อนลงไปถึงปี 2528) เพราะสำหรับผม มันทำไม่ได้ซักข้อจริงๆ (ยังสงสัยอยู่ ว่าตอนนั้นเราทำได้ยังไง)
...วิชาเดียวที่วันนี้ ยังทำได้แบบมั่นใจ ว่าถูกทุกข้อ 100% มีแค่วิชาภาษาอังกฤษ (โคตรหมูเลยสำหรับตอนนี้)
...เพราะในการทำงาน สุดท้ายมันไม่ได้ใช้อะไรที่เรียนมาแบบนั้นเลย ทั้งวิชาคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และพอไม่ได้ใช้ ไม่กี่ปีก็ลืมหมด โดยเฉพาะพวกรายละเอียดยิบย่อย พวกสูตรและการคำนวณยากๆ-การพลิกแพลงหลายชั้น หลังจากเรียนจบทำงานแล้วก็ไม่หลงอยู่ในหัวเลยซักนิด
...ปัจจุบันก็จำได้แค่หลักการพื้นฐานคร่าวๆ ซึ่งจะว่าไป ถ้าเอาเด็กไปนั่งดูสารคดี Discovery หรือ Clip Youtube ที่ดีๆ ซัก 2-3 วัน เด็กมันก็ทำความเข้าใจหลักพื้นฐานพวกนั้น ได้เหมือนกัน
...น่าแปลกใจ ว่า วิชาความรู้ที่ไม่ได้ใช้สอบเลยและไม่เคยสนใจหรือให้ความสำคัญเลย เช่น ภาษาไทย, สุขศึกษา, สังคม-ประวัติศาสตร์ กลับเป็นสิ่งที่ ผมดันจำได้แม่นและยังได้ใช้อยู่ในทุกวันนี้
...เข้าใจว่า วิชาสายวิทย์-ยากๆ ที่เรียนมา สุดท้ายจุดประสงค์หลัก มันก็เรียนไปเพื่อเอาไว้สอบเข้ามหาลัยเท่านั้น สอบเสร็จแล้วก็จบกันไป ?? (สำหรับในสายงานที่ไม่ได้ใช้) หรือลองไปถามเด็กที่เรียนพิเศษดูครับ ว่า ที่เรียนนี่เพราะอยากรู้ หรือเพราะอยากทำข้อสอบได้
...อ้าว..แล้วมันมีส่วนในการช่วยพัฒนาความคิด สร้างให้เป็นตัวเราในทุกวันนี้หรือเปล่า ? ทุกวันนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ ว่ามันมีอะไรผิดพลาดในระบบการศึกษาของไทยหรือเปล่า ?
...เพราะการเจาะลึกในรายละเอียดในวิชาของสายวิทย์ที่มันยากมากๆ-พลิกแพลง-พิสดาร โดยเฉพาะเรียนเพื่อเอาไปทำข้อสอบ ใช้เวลาเรียน 6 ปี (ยังไม่นับพวกเรียนพิเศษหลังโรงเรียนเลิกอีก) แต่กลับไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตเลย และสุดท้ายก็ลืมหมด
...บางทีก็รู้สึก มันเสียเวลาและเปล่าประโยชน์ !! (Waste of Education's Time)
...หรือบางศาสตร์ ที่น่าจะได้สอนในโรงเรียนให้มากกว่านี้ เช่น หลักการตลาด-การโฆษณา-การสื่อสาร, วิธีบริหารเงิน-หลักเศรษศาสตร์-การบริหารเวลา ฯลฯ ซึ่งความรู้พวกนี้ สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้ทุกอาชีพ-ทุกการทำงาน (นี่ถ้าผมรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็กๆ ชีวิตปัจจุบันมันคงดีกว่านี้แน่ๆ)
...หรือแม้แต่ วิทยาศาสตร์ประยุกต์พวก DIY ช่างพื้นฐาน, การดูแลบ้าน-ระบบไฟฟ้า-ประปา, การซ่อม-ดูแลรถ, การเกษตร ฯลฯ (วิทยาศาสตร์ที่เอาไปใช้ได้จริง) ถ้าเอามาเน้นสอนในระดับมัธยมให้มากกว่านี้ จะดีกว่ามั้ย เพราะอย่างน้อยในชีวิตจริง ก็ได้ใช้แน่ๆ
...แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายมันจะไปจบที่ "แล้วคุณจะวัดผล-คัดเอาเด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง" ? (หรือที่เรียกแบบภาษาชาวบ้าน ว่า จะคัดคนโง่ออกยังไง ?)
...มันก็ต้องเป็นพวกสูตร-การคำนวณ-สมการต่างๆ-การท่องจำชื่อยากๆ ฯลฯ (ความรู้ที่ซักพักเราก็จะลืม-ทิ้งหมด) นั่นแหละครับ
...แต่หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย และทำงานได้ซักพัก ผมเคยลองย้อนกลับไปทำข้อสอบเข้ามหาลัย ในปีที่ผมสอบได้
...ปรากฎว่า ผมทำไม่ได้เลยซักข้อ !! ไม่ว่าจะเป็นวิชา คณิตศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์ (วิชาที่เคยเซียน)
...ถ้าไม่เชื่อ ลองกลับไปหาข้อสอบทำดูเลยครับ (ใน Net มีข้อสอบเข้ามหาลัย ครบทุกปี+เฉลย ย้อนลงไปถึงปี 2528) เพราะสำหรับผม มันทำไม่ได้ซักข้อจริงๆ (ยังสงสัยอยู่ ว่าตอนนั้นเราทำได้ยังไง)
...วิชาเดียวที่วันนี้ ยังทำได้แบบมั่นใจ ว่าถูกทุกข้อ 100% มีแค่วิชาภาษาอังกฤษ (โคตรหมูเลยสำหรับตอนนี้)
...เพราะในการทำงาน สุดท้ายมันไม่ได้ใช้อะไรที่เรียนมาแบบนั้นเลย ทั้งวิชาคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และพอไม่ได้ใช้ ไม่กี่ปีก็ลืมหมด โดยเฉพาะพวกรายละเอียดยิบย่อย พวกสูตรและการคำนวณยากๆ-การพลิกแพลงหลายชั้น หลังจากเรียนจบทำงานแล้วก็ไม่หลงอยู่ในหัวเลยซักนิด
...ปัจจุบันก็จำได้แค่หลักการพื้นฐานคร่าวๆ ซึ่งจะว่าไป ถ้าเอาเด็กไปนั่งดูสารคดี Discovery หรือ Clip Youtube ที่ดีๆ ซัก 2-3 วัน เด็กมันก็ทำความเข้าใจหลักพื้นฐานพวกนั้น ได้เหมือนกัน
...น่าแปลกใจ ว่า วิชาความรู้ที่ไม่ได้ใช้สอบเลยและไม่เคยสนใจหรือให้ความสำคัญเลย เช่น ภาษาไทย, สุขศึกษา, สังคม-ประวัติศาสตร์ กลับเป็นสิ่งที่ ผมดันจำได้แม่นและยังได้ใช้อยู่ในทุกวันนี้
...เข้าใจว่า วิชาสายวิทย์-ยากๆ ที่เรียนมา สุดท้ายจุดประสงค์หลัก มันก็เรียนไปเพื่อเอาไว้สอบเข้ามหาลัยเท่านั้น สอบเสร็จแล้วก็จบกันไป ?? (สำหรับในสายงานที่ไม่ได้ใช้) หรือลองไปถามเด็กที่เรียนพิเศษดูครับ ว่า ที่เรียนนี่เพราะอยากรู้ หรือเพราะอยากทำข้อสอบได้
...อ้าว..แล้วมันมีส่วนในการช่วยพัฒนาความคิด สร้างให้เป็นตัวเราในทุกวันนี้หรือเปล่า ? ทุกวันนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ ว่ามันมีอะไรผิดพลาดในระบบการศึกษาของไทยหรือเปล่า ?
...เพราะการเจาะลึกในรายละเอียดในวิชาของสายวิทย์ที่มันยากมากๆ-พลิกแพลง-พิสดาร โดยเฉพาะเรียนเพื่อเอาไปทำข้อสอบ ใช้เวลาเรียน 6 ปี (ยังไม่นับพวกเรียนพิเศษหลังโรงเรียนเลิกอีก) แต่กลับไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตเลย และสุดท้ายก็ลืมหมด
...บางทีก็รู้สึก มันเสียเวลาและเปล่าประโยชน์ !! (Waste of Education's Time)
...หรือบางศาสตร์ ที่น่าจะได้สอนในโรงเรียนให้มากกว่านี้ เช่น หลักการตลาด-การโฆษณา-การสื่อสาร, วิธีบริหารเงิน-หลักเศรษศาสตร์-การบริหารเวลา ฯลฯ ซึ่งความรู้พวกนี้ สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้ทุกอาชีพ-ทุกการทำงาน (นี่ถ้าผมรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็กๆ ชีวิตปัจจุบันมันคงดีกว่านี้แน่ๆ)
...หรือแม้แต่ วิทยาศาสตร์ประยุกต์พวก DIY ช่างพื้นฐาน, การดูแลบ้าน-ระบบไฟฟ้า-ประปา, การซ่อม-ดูแลรถ, การเกษตร ฯลฯ (วิทยาศาสตร์ที่เอาไปใช้ได้จริง) ถ้าเอามาเน้นสอนในระดับมัธยมให้มากกว่านี้ จะดีกว่ามั้ย เพราะอย่างน้อยในชีวิตจริง ก็ได้ใช้แน่ๆ
...แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายมันจะไปจบที่ "แล้วคุณจะวัดผล-คัดเอาเด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง" ? (หรือที่เรียกแบบภาษาชาวบ้าน ว่า จะคัดคนโง่ออกยังไง ?)
...มันก็ต้องเป็นพวกสูตร-การคำนวณ-สมการต่างๆ-การท่องจำชื่อยากๆ ฯลฯ (ความรู้ที่ซักพักเราก็จะลืม-ทิ้งหมด) นั่นแหละครับ
ความคิดเห็นที่ 2
ใช่ครับท่านพวกคณิตศาสตร์ในหัวข้อสมการการแก้สมการ X Y Z นั้นเราไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน แต่นักเรียนที่เรียนสายวิทย์จะต้องมีมาตรฐานให้นักเรียนสามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ในระดับนี้ครับ มันคือมาตรฐานในการ "สร้างคนที่มีความรู้" ครับท่าน
ถ้าหากคณิตศาสตร์สอนแค่บวกลบคูณหาร , อัตราส่วน , บัญญัติไตรยางแค่นี้จบ มันจะสร้างคนที่มีความรู้เพื่อไปใช้งานในวิศวกรรมหรือศาสตร์สาขาอื่นๆไม่ได้เลย
เจ้าของกระทู้สมัคร account ใหม่เอี่ยมตั้งกระทู้เดียวและไม่เคยตอบกระทู้ ..... ก็น่าจะเหมือนกับที่ผ่านๆมาล่ะครับคงจะเป็นเด็กที่ทำโจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้แล้วเกิดความหงุดหงิดข้องใจ 😸😁
ถ้าหากคณิตศาสตร์สอนแค่บวกลบคูณหาร , อัตราส่วน , บัญญัติไตรยางแค่นี้จบ มันจะสร้างคนที่มีความรู้เพื่อไปใช้งานในวิศวกรรมหรือศาสตร์สาขาอื่นๆไม่ได้เลย
เจ้าของกระทู้สมัคร account ใหม่เอี่ยมตั้งกระทู้เดียวและไม่เคยตอบกระทู้ ..... ก็น่าจะเหมือนกับที่ผ่านๆมาล่ะครับคงจะเป็นเด็กที่ทำโจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้แล้วเกิดความหงุดหงิดข้องใจ 😸😁
ความคิดเห็นที่ 4
วิชาคณิตศาสตร์มีประวัติศาสตร์มายาวนานและสืบทอดความรู้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
คณิตศาสตร์ถือเป็นหัวข้อในการคัดกรองบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
และแม้กระทั่งในการการทำงานในองค์กร
นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่น Kunizo Yoneyama กล่าวว่า
"คณิตศาสตร์สามารถถูกลืมเลือนได้ภายในสองปีหลังจากออกจากโรงเรียน
มีเพียงจิตวิญญาณทางคณิตศาสตร์ การคิดเชิงคณิตศาสตร์ วิธีการวิจัย และความมุ่งมั่นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจเท่านั้น
ที่สามารถมีผลได้ทุกเมื่อทุกที่และเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาตลอดชีวิต"
คณิตศาสตร์ถือเป็นหัวข้อในการคัดกรองบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
และแม้กระทั่งในการการทำงานในองค์กร
นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่น Kunizo Yoneyama กล่าวว่า
"คณิตศาสตร์สามารถถูกลืมเลือนได้ภายในสองปีหลังจากออกจากโรงเรียน
มีเพียงจิตวิญญาณทางคณิตศาสตร์ การคิดเชิงคณิตศาสตร์ วิธีการวิจัย และความมุ่งมั่นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจเท่านั้น
ที่สามารถมีผลได้ทุกเมื่อทุกที่และเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาตลอดชีวิต"
แสดงความคิดเห็น
คือเราสงสัยมาก ว่าทำไม วิชาคณิตศาสตร์เราต้องมานั่งหาx,y,z ทั้งที่ในชีวิตประจำวันจริงๆเราไม่ได้เอามาใช่