ผมจะเขียนให้อ่านง่ายนะครับ ถ้าใครไม่อยากอ่านเยอะ ผมสรุปไว้ล่างสุดแล้วครับ
ผมขอแนะนำตัวเริ่มต้นนะครับ ผมจบไทยแล้วไปทำงานที่สิงคโปร์มา 1 ปี ทำหน้าที่ขายโปรเจต บริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เก็บเงินได้ในระดับนึงเลยอยากกลับไทยมาใช้ชีวิตแบบไทยๆ เพราะที่สิงคโปร์การทำงานเครียดมาก เเข่งขันกับเวลาสุดๆ ค่อนข้างกดดันร่างกาย เลยอยากกลับไทย รวมถึงอยากใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นด้วยเพราะเกิดมายอมรับว่าบ้านจน เลยทำงานตั้งแต่อายุ 15 ทำไปเรียนไปจนจบ (ผมยังอายุ 25)
ก่อนเข้าทำงาน
ผมได้สมัครบริษัทนึง เขาขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาการเสริมหลายอย่าง โปรตีน ครีมบำรุง ต่างๆนาๆ ผมเห็นแล้วค่อนข้างสนใจเพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่เติมโตไว การเเข่งขันสูง ตำเเหน่ง Content Creative
ตกลงกันที่เงินเดือน 18,000 บาท ทำงาน วันจันทร์ - เสาร์
เข้างาน 08.30 เลิก 17.30
จริงๆแล้วผมยื่นไปหลายที่ครับและติดหลายที่เพราะประวัติการทำงานน่าสนใจ แต่ผมเลือกที่นี่เพราะตอนสัมภาษณ์เขาออกตัวว่าเป็นบริษัทยุคใหม่ ไม่สนระยะทาง สนแค่ผลสำเร็จของงานที่คุณทำได้ และใกล้คอนโดในกรุงเทพฯผมด้วย
เข้าทำงาน ทดลองงานได้รับ 17,000 หักประกันสังคมตั้งแต่เดือนแรก 750
ได้เงินเดือนละ 16,250 ผมไม่ต้องจ่ายค่าที่พัก ก็สบายๆ
เข้าทำงานช่วงแรก
ค่อนข้างไม่เป็นแบบแผน ไม่มีรายละเอียดงานให้ทำก่อนเข้าทำงาน JobDescription ไม่มีให้ แต่บอกบทบาทให้เข้าใจว่าดู Content ของแบรนด์ แต่ไม่ใช่เเบรนด์ที่ศึกษาไว้ เป็นแบรนด์อาหารเสริม ไม่ได้อยู่ในแบรนด์หลักที่ได้ลงประกาศรับสมัครไว้ ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อย 3 แบรนด์ ผมก็ไม่มีปัญหาเพราะส่วนตัวทีความยืดหยุ่นในงานสูง เคยชินกับระบบการทำงานที่สิงคโปร์ และสังคมทำงานเป็นรุ่นราวคราเดียวกัน เข้ากันได้ไว มีแต่อะไรก็แฮปปี้ไปหมด
งานวันเเรก
คือการปัดฝุ่นเพจของเเบรนด์ที่ค้างคาไว้ไม่ได้ทำต่อกว่าเกือบปี เปลี่ยนชื่อ แก้เพจ แบรนด์ทั้ง 2 แบรนด์ เพจเยอะมากๆรวมกันกว่า 50 เพจ ทราบมาทีหลังว่าที่ต้องสร้างเพจเยอะๆเพราะการสื่อสารสินค้ามีการสื่อไปทาง 18+ ทำให้ต้องสำรองเพจไว้ยิง Ads ซึ่งได้เครื่องประจำตัวเป็น MiniMac บอกตรงๆว่าผมไม่ถนัดอย่างแรง5555 แต่ก็ยินดีเรียนรู้ แต่การทำงานผม Drop ลงพอสมควร
มีการประชุมด่วน ได้รับงานให้ทำวิดีโอสั้น 10 ตัว ต้องเสร็จภายในวันนี้ สั่งงานตอน 5 โมงตรง ไม่งั้นไม่อนุญาติให้กลับบ้าน วันเเรกก็เอาเลยหรอเนี่ย แต่ผู้จัดการบอกว่ามันเป็นงานด่วนที่เบื้องบนสั่งมา ผมก็ทำได้แบบไม่ลำบาก แต่เกินเวลาทำงานไปเยอะ สรุปวันเเรกเลิกงาน 1 ทุ่มครึ่ง
วันที่สอง
ได้รับงานเพิ่มให้ทำ Content วิดีโอสั้น 3 คลิปต่อวันแบรนด์ไหนก็ได้ ลง Tiktok ทำภาพลงเพจ วันละ 1 ภาพต่อเเบรนด์ โดยต้องบรีฟงานส่งให้ Graphic ล่วงหน้าด้วย เริ่มรู้สึกได้ถึงงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ผู้จัดการไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่สื่อสารให้รู้ว่าแบรนด์นี้ยังดำเนินกิจการอยู่
สัปดาห์ที่ 2
มีการประชุมของเบื้องบน มีคำสั่งให้แต่ละฝ่ายผลิตวิดีโอสั้นขึ้นมา ผมได้งานมา 15 วิดีโอ แต่ครั้งนี้ผมต่อรองเหลือ 10 เพราะคำสั่งมาตอนบ่าย 3 ซึ่งใกล้เลิกงานแล้ว เช่นเคยถ้าไม่เสร็จไม่อนุญาติให้กลับ และผมก็เลิกงานเลทอยู่ดี รวมถึงได้ Line OA มาดูแลเพิ่มด้วย
สัปดาห์ที่ 3
ผู้จัดการได้เรียกมาพูดคุยเรื่องของการเพิ่มปริมาณวิดีโอ อยากได้มากขึ้น ซึ่งจุดนี้เข้าใจได้ เนื่องจากที่ผ่านมาผมใช้เวลาไปกับการเขียนบรีฟ เพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น แต่ปริมาณน้อยลง ปรับเปลี่ยนเป็นไม่ต้องส่งบรีฟ ทำวิดีโอได้เลย แต่ยังต้องบรีฟงานกราฟฟิก ลงโพสต์เหมือนเดิม
จบเดือนแรก
การทำงานเริ่มเป็น Routine ผมวางแผนงานตัวเองได้ จัดการงานเองได้ นับว่าดีมากๆ ถ้างานเราเสร็จ เราจะทำอะไรก็ได้ ผมแบ่งงานเป็น ช่วงเช้าบรีฟงานกราฟฟิกล่วงหน้า และลงโพสต์ ส่วนช่วงบ่ายเป็นการออกไปถ่ายวิดีโอสั้น 3 ตัวเพื่อนำมาตั้งเวลาโพสต์ในตอนเย็นก่อนเลิกงาน
เดือนนี้ผู้จัดการได้เเจ้งว่าให้มาช่วยงาน Ads Tiktok ด้วย เนื่องจากขาดคนทำส่วนนี้ โดยให้ Mcbook มา 1 ตัวให้ใช้ในการทำงาน สามารถเอาไปใช้งานส่วนตัวได้ ซึ่งผมแจ้งว่ามี Laptop ไหมครับ ผมถนัด Window มากว่า แต่ทราบภายหลังว่าทั้งบริษัทใช้ Apple เป็นหลักซึ่งผมก็ยินดีเรียนรู้ไม่ขัดอะไร
การดูแล Ads แบรนด์หลัก ทำเป็นเวลา ขึ้น Ads จากทีม Content Creator และเปิดหลังเลิกงาน ปิดตอนเที่ยงคืน วันเเรกขึ้น Ads ไปร้อยกว่าตัว เพราะงานไม่มีคนมาทำแต่หลังจากนั้นก็ขึ้นวันละ 5-7 ตัวตามที่ทีม Content จะส่งมา
เริ่มเห็นอะไรเเล้วหรือยังครับ ใช่ครับนอกเวลาทำงาน แต่ผมรับไว้เพราะผมทำได้ เริ่มมีปัญหาเพราะผมนอนดึกเกินไป แต่ต้องตื่นเช้ามาทำงาน ในขณะที่คนดูแล Ads คนเก่าเข้างาน 10 โมงได้ แต่เลิกงานปกติ
เดือนที่ 2 งาน
Ads เริ่มทำผมมีปัญหา การนอนผมเพี้ยน ผมจึงคุยกับผู้จัดการหาทางแก้ไข จึงเสนอว่า กฎบริษัทคือทำงานครบชั่วโมงต่อวัน ผมสามารถมา 10 โมงได้ แต่ต้องนับเวลาไปอีก 9 ชั่วโมง ถึงจะเป็นเวลาออกของผม แต่ผมไม่ยินดีจะเลิกดึก ผมมาทำงานสายน้อยมาก (สายเดือนละไม่เกิน 5 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 5 นาที) เพราะผมมีงานเสริมคืออยู่อู่ซ่อมรถของญาติตอนเย็น เลยตกลงให้ ผมถามว่าแค่เปิดปิดใช่ไหมครับ ตามเวลา ทางผู้จัดการก็บอกว่าได้ จะทำยังไงก็ได้ขอแค่เป็นไปตามที่ตกลง ผมเลยเขียนโปรแกรม Auto ใช้ไฟล์จาก OpenSoure ให้มาเปิดปิดให้ผมตามเวลา ซึ่งแก้ปัญหาให้ผมได้ขาด ตัวโปรแกรม ผมก็คอยแก้ไขในช่วงเวลางานให้มันทำงานตามปกติ รวมถึงขอเพิ่มคุณภาพวิดีโอให้เน้นการขายมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เทคนิกการถ่ายทำมากขึ้น แต่ขอ 3 วิดีโอต่อวันเหมือนเดิม
เดือนที่ 2 สัปดาห์ที่ 2
Ads ที่ผมดูแลเริ่มขาดทุน ผู้จัดการจึงเรียกคุยเรื่องการดูแล สอบถามการทำงาน ผมได้แจ้งตามปกติว่าเปิดปิดเป็นเวลา ผู้จัดการจึงมอบหมายเพิ่มว่า ให้ดู Ads ด้วยว่าตัวไหนเริ่มใช้ต้นทุนสูง ให้ยุดการนำเสนอ Ads ตัวนั้น งานเริ่มเยอะขึ้น ผมเลยต้องหยุดใช้โปรแกรม Auto แล้วกลับมากดมือ กลับมามีปัญหาตามเคย เริ่มหนักขึ้นมาพอสมควร แต่ก็ทำต่อไปเพราะอะไรตอนนี้ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้5555 แต่รู้ว่าตัวเองทดงานพอสมควร พอบวกกับงานปกติที่ทำก็จะมีตามนี้ครับ
ดราฟงานภาพ 3 แบรนด์ แบรนด์ละ 7 บรีฟ ต่อสัปดาห์ (รวมวันหยุด เพราะต้องลงล่วงหน้า)
วิดีโอสั้น 3 วิดีโอต่อวัน รวมเป็น 18 วิดีโอต่อสัปดาห์
ขึ้น Ads วันละ 5 ตัว
ไม่รูว่าเงินเยอะหรือน้อย แต่รู้สึกได้ว่าเริ่มตึงๆมือ
ก่อนจบเดือนที่ 2
ผู้จัดการได้รับมอบหมายงานเพิ่มเติมคือให้คิด Promotion ของสินค้าตามเทศกาล เช่น 10.10 ฮาโลวีน ลอยกระทง 11.11 ทำให้ดราฟงานล่วงหน้า 3 วันก่อนวันลง ไม่ทันแน่ๆ เพราะกราฟฟิกต้องรับงานจากแบรนด์หลัก ทั้งงานลงเพจ งานลง Shopee Lazada Tiktokshop และมีหลายสินค้ามากๆ ทำให้แบรนด์ย่อยของผมไม่มีที่แทรกเลย ทำให้ต้องส่งงานล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ รวมถึง Promotion ยอมรับว่าไม่ถนัด จึงได้บอกไปตามตรง แต่ก็ได้รับคำตอบว่าให้ลองดูก่อน โดยนำโปรโมชั่นเก่าที่เคยทำมาใช้ ระหว่างกราฟงานโปรโมชั่น ต้องทำงาน Routine ปกติไปด้วย ค่อนข้างหนัก
เดือนที่ 3 ปะทะวาจาครั้งแรก
ได้มีการขอบันทึกการขึ้น Ads ของผม ทำให้ผู้จัดการ เพื่อจะนำไปรายงานเบื้องบน เพราะโดนตำหนิมาว่าไม่มีรายงาน โดยให้ผมออกแบบตารางเองทั้งหมด ผมไม่ได้รับปากแต่พูดว่าสามารถทำได้แต่ใช้เวลา ผู้จัดการจึงขอภายในวันนี้ ซึ่งผมบอกว่าไม่ทัน ผู้จัดการจึงบอกว่าลองทำดูก่อน
แต่ตอนเย็นก่อนเลิกงาน ผมกำลังเตรียมตัวกลับ และวันนั้นเองมีไปกินเลี้ยงตอนค่ำกับพนักงานที่บริษัท ผู้จัดการได้ขอตารางที่เสร็จแล้ว ผมบอกว่ายังไม่เสร็จเพราะพึ่งได้เริ่มทำวันนี้ ผู้จัดการก็ขึ้นเสียงมาว่า "แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ พี่ต้องใช้พรุ่งนี้เช้า" ผมเลยขึ้นกลับไปว่า "ผมไม่ทันพี่ ผมไม่ทันจริงๆ ถ้าพี่จะเอาผมไปทำให้ต่อที่บ้านก็ได้" แล้วผมก็หันไปแจ้งกับเพื่อนร่วมงานที่จะไปกินเลี้ยงว่า ผมไม่ไปงานเลี้ยงแล้วนะครับต่อหน้าผู้จัดการ ยอมรับว่ารู้สึกผิดมากๆ แต่ก็กลับมาทำงานจนเสร็จทัน แล้วไปงานเลี้ยงตามหลัง ผู้จัดการก็ไปด้วย แต่ผมก็คุยกันปกติ ผมโกรธยากหายไว ทักทายผู้จัดการก่อนด้วย (มีคนมากระซิบว่าผู้จัดการเขาก็รู้สึกต่อผมเลยไม่กล้าทัก)
เดือนที่ 4
เบื้องบนเรียกทั้งเเผนกไปประชุม ปรับความเข้าใจกัน รวมถึงมี Teambuilding เข้ามาด้วย (คำอธิบาย Teambuilding คือกลุ่มที่จะเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ของคนในองค์กร) เริ่มมีการตั้งเป้าหมายของงานตัวเองกัน เขียน Job Description ของตัวเอง เพื่อมาแบ่งปันกัน ค่อนข้างสงสัยว่ายุคนี้ต้องเขียน JD ด้วยตัวเองหรือเปล่า เพราะปกติจะมีมาให้ ผมเลยมึนงง เขียนไม่ถูก เพราะค่อนข้างเยอะ
เมิ่อถึงจุดต้องแบ่งปันกัน ผู้บริหารใหญ่มองว่าเราตั้งเป้าหมายเล็กไป และเปลี่ยนเป้าหมายทุกคนให้ทำเงินให้ได้คนละ 1 ล้าน ซึ่งดูเกินตัวพอสมควร แต่เข้าใจแนวคิดที่ว่า เป้าหมายใหญ่ ไม่ต้องไปให้ถึงก็ได้ แค่เราทำได้ดีกว่าเดิมก็พอ
หลังจากตั้งเป้าหมายให้ใหม่ ก็เรียกติดตามงานทุกวันตอนเช้า ย้ำว่าทุกวัน ว่าแต่ละคนทำอะไรไปบ้างในวันที่ผ่านมาแล้ววันนี้จะทำอะไร ทำให้เวลาทำงานน้อยลง เลิกงานช้าทุกวัน จากที่ปกติงานประจำวันก็เลิกช้าอยู่แล้ว ผมได้รับงานเพิ่มให้หา Influencer 30 คนต่อวันมาเพื่อผลิตวิดีโอให้แบรนด์ เปลี่ยนงานโพสต์เป็นวิดีโอทั้งหมด แต่ก็ลงภาพควบคู่ไปด้วยตามปกติ
สรุป
งาน
- ประชุมตอนเช้า รายงานว่าเมื่อวานทำอะไรไปบ้าง และวันนี้จะทำอะไรกับงาน ความคืบหน้าเป็นยังไง
- บรีฟงานส่งกราฟฟิกตอนเช้า 3 งานต่อวัน (ส่งสุดสัปดาห์)
- ลงโพสต์ทุกเพจ 50 เพจ (นำวิดีโอสั้นมาลงได้บ้าง) ต่อวัน
- ผลิตวิดีโอสั้น 3 วิดีโอ งานคุณภาพ ต่อวัน
- ดูแล Ads ขึ้น Ads ควบคุมยอดต้นทุน เปิดปิด Ads ตามเวลา ต่อวัน
- LineOA BoastCast 3 ครั้งต่อเดือน
ทำงาน จันทร์ - เสาร์ 8.30 เลิกงาน 17.30
ปัญหา
ผมเริ่มกลับช้ากว่าเดิมบ่อยขึ้น งานรายวันผมทำไม่ทัน เวลาผ่อนคลายผมเเทบไม่มี
รู้สึกได้ว่าเวลาแต่ละวันผมน้อยเกินไป รู้สึกเวลาผ่านไปไวมากๆ
เวลาที่มีให้ครอบครัวน้อยลง (ผมหยุดงานที่อู่ไปตั้งแต่เดือนสิ้นเดือนที่ 2 เพราะอู่รับเด็กมาเพิ่มแล้ว ผมเข้าไปช่วยครั้งคราว)
วันนั้นผมเหนื่อยมาก ผมตัดสินใจคุยกับบริษัทที่ผมทำงานด้วยที่สิงคโปร์ว่า จะเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะขอทำงานกับบริษัทลูกที่ประเทศไทย ซึ่งความโชคดีของผมก็บังเกิด ทำให้บริษัทเก่ารับข้อเสนอให้ผมไปทำงานกับบริษัทลูกที่ประเทศไทย ไกลจากคอนโดผมนิดนึง 7 กิโล โดยให้เริ่มงานเลยวันจันทร์ที่จะถึง ซึ่งผมได้ติดต่อกลับมาคือวันพุธ
ผมได้ทบทวนว่า ผมยังไม่เซ็นสัญญา สามารถออกได้ทันที ผมจึงเเจ้งผู้จัดการวันศุกร์ วันเสาร์ผมเคลียร์งาน พร้อมส่งมอบงานต่อ เเก้ไขเมลให้ เพื่อเอาทุกอย่างที่เกี่ยวกับผมออกให้หมด
งานใหม่ทำงาน 8 โมง เลิก 5 โมง
ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ เข้า Office 3 วัน ที่เหลือตามใจ แต่น้องหมาที่บริษัทน่ารักเลยเข้าทุกวัน555
เนื้องาน
ผลิตภาพหรือวิดีโอก็ได้ 2-3 เซ็ตต่อสัปดาห์
ดูแลการตลาดหลังบ้าน ไปพบลูกค้า สอบถามปัญหาแล้ว Feedback กลับ
เงินเดือน x2.5 จากที่เก่า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าพยายามผิดที่บางทีก็เหนื่อยเกินไป
ต้องคุณความขยันจากที่ทำงานเก่า ทำให้บริษัทเก่าเห็นผลงานผม
(ที่ทำงานใหม่าทำเกี่ยวกับ Packaging)
ผมไม่มีความคุ้นเคยกับการทำงานในไทยรูปแบบบริษัท ใครที่เคยผ่านงานมา หรือมีประสบการณ์อะไรมาอยากให้ช่วยแนะนำผมว่างานในประเทศไทยเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ
ผมตั้งใจเขียนเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กระจ่าง แต่ขอปิดชื่อบริษัทเพื่อชื่อเสียงของแบรนด์ครับ ไม่มีเจตนาโจมตีแบรนด์แต่อย่างใด
การทำงานบริษัทยุคใหม่ที่ไทยเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ?
ผมขอแนะนำตัวเริ่มต้นนะครับ ผมจบไทยแล้วไปทำงานที่สิงคโปร์มา 1 ปี ทำหน้าที่ขายโปรเจต บริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เก็บเงินได้ในระดับนึงเลยอยากกลับไทยมาใช้ชีวิตแบบไทยๆ เพราะที่สิงคโปร์การทำงานเครียดมาก เเข่งขันกับเวลาสุดๆ ค่อนข้างกดดันร่างกาย เลยอยากกลับไทย รวมถึงอยากใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นด้วยเพราะเกิดมายอมรับว่าบ้านจน เลยทำงานตั้งแต่อายุ 15 ทำไปเรียนไปจนจบ (ผมยังอายุ 25)
ก่อนเข้าทำงาน
ผมได้สมัครบริษัทนึง เขาขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาการเสริมหลายอย่าง โปรตีน ครีมบำรุง ต่างๆนาๆ ผมเห็นแล้วค่อนข้างสนใจเพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่เติมโตไว การเเข่งขันสูง ตำเเหน่ง Content Creative
ตกลงกันที่เงินเดือน 18,000 บาท ทำงาน วันจันทร์ - เสาร์
เข้างาน 08.30 เลิก 17.30
จริงๆแล้วผมยื่นไปหลายที่ครับและติดหลายที่เพราะประวัติการทำงานน่าสนใจ แต่ผมเลือกที่นี่เพราะตอนสัมภาษณ์เขาออกตัวว่าเป็นบริษัทยุคใหม่ ไม่สนระยะทาง สนแค่ผลสำเร็จของงานที่คุณทำได้ และใกล้คอนโดในกรุงเทพฯผมด้วย
เข้าทำงาน ทดลองงานได้รับ 17,000 หักประกันสังคมตั้งแต่เดือนแรก 750
ได้เงินเดือนละ 16,250 ผมไม่ต้องจ่ายค่าที่พัก ก็สบายๆ
เข้าทำงานช่วงแรก
ค่อนข้างไม่เป็นแบบแผน ไม่มีรายละเอียดงานให้ทำก่อนเข้าทำงาน JobDescription ไม่มีให้ แต่บอกบทบาทให้เข้าใจว่าดู Content ของแบรนด์ แต่ไม่ใช่เเบรนด์ที่ศึกษาไว้ เป็นแบรนด์อาหารเสริม ไม่ได้อยู่ในแบรนด์หลักที่ได้ลงประกาศรับสมัครไว้ ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อย 3 แบรนด์ ผมก็ไม่มีปัญหาเพราะส่วนตัวทีความยืดหยุ่นในงานสูง เคยชินกับระบบการทำงานที่สิงคโปร์ และสังคมทำงานเป็นรุ่นราวคราเดียวกัน เข้ากันได้ไว มีแต่อะไรก็แฮปปี้ไปหมด
งานวันเเรก
คือการปัดฝุ่นเพจของเเบรนด์ที่ค้างคาไว้ไม่ได้ทำต่อกว่าเกือบปี เปลี่ยนชื่อ แก้เพจ แบรนด์ทั้ง 2 แบรนด์ เพจเยอะมากๆรวมกันกว่า 50 เพจ ทราบมาทีหลังว่าที่ต้องสร้างเพจเยอะๆเพราะการสื่อสารสินค้ามีการสื่อไปทาง 18+ ทำให้ต้องสำรองเพจไว้ยิง Ads ซึ่งได้เครื่องประจำตัวเป็น MiniMac บอกตรงๆว่าผมไม่ถนัดอย่างแรง5555 แต่ก็ยินดีเรียนรู้ แต่การทำงานผม Drop ลงพอสมควร
มีการประชุมด่วน ได้รับงานให้ทำวิดีโอสั้น 10 ตัว ต้องเสร็จภายในวันนี้ สั่งงานตอน 5 โมงตรง ไม่งั้นไม่อนุญาติให้กลับบ้าน วันเเรกก็เอาเลยหรอเนี่ย แต่ผู้จัดการบอกว่ามันเป็นงานด่วนที่เบื้องบนสั่งมา ผมก็ทำได้แบบไม่ลำบาก แต่เกินเวลาทำงานไปเยอะ สรุปวันเเรกเลิกงาน 1 ทุ่มครึ่ง
วันที่สอง
ได้รับงานเพิ่มให้ทำ Content วิดีโอสั้น 3 คลิปต่อวันแบรนด์ไหนก็ได้ ลง Tiktok ทำภาพลงเพจ วันละ 1 ภาพต่อเเบรนด์ โดยต้องบรีฟงานส่งให้ Graphic ล่วงหน้าด้วย เริ่มรู้สึกได้ถึงงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ผู้จัดการไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่สื่อสารให้รู้ว่าแบรนด์นี้ยังดำเนินกิจการอยู่
สัปดาห์ที่ 2
มีการประชุมของเบื้องบน มีคำสั่งให้แต่ละฝ่ายผลิตวิดีโอสั้นขึ้นมา ผมได้งานมา 15 วิดีโอ แต่ครั้งนี้ผมต่อรองเหลือ 10 เพราะคำสั่งมาตอนบ่าย 3 ซึ่งใกล้เลิกงานแล้ว เช่นเคยถ้าไม่เสร็จไม่อนุญาติให้กลับ และผมก็เลิกงานเลทอยู่ดี รวมถึงได้ Line OA มาดูแลเพิ่มด้วย
สัปดาห์ที่ 3
ผู้จัดการได้เรียกมาพูดคุยเรื่องของการเพิ่มปริมาณวิดีโอ อยากได้มากขึ้น ซึ่งจุดนี้เข้าใจได้ เนื่องจากที่ผ่านมาผมใช้เวลาไปกับการเขียนบรีฟ เพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น แต่ปริมาณน้อยลง ปรับเปลี่ยนเป็นไม่ต้องส่งบรีฟ ทำวิดีโอได้เลย แต่ยังต้องบรีฟงานกราฟฟิก ลงโพสต์เหมือนเดิม
จบเดือนแรก
การทำงานเริ่มเป็น Routine ผมวางแผนงานตัวเองได้ จัดการงานเองได้ นับว่าดีมากๆ ถ้างานเราเสร็จ เราจะทำอะไรก็ได้ ผมแบ่งงานเป็น ช่วงเช้าบรีฟงานกราฟฟิกล่วงหน้า และลงโพสต์ ส่วนช่วงบ่ายเป็นการออกไปถ่ายวิดีโอสั้น 3 ตัวเพื่อนำมาตั้งเวลาโพสต์ในตอนเย็นก่อนเลิกงาน
เดือนนี้ผู้จัดการได้เเจ้งว่าให้มาช่วยงาน Ads Tiktok ด้วย เนื่องจากขาดคนทำส่วนนี้ โดยให้ Mcbook มา 1 ตัวให้ใช้ในการทำงาน สามารถเอาไปใช้งานส่วนตัวได้ ซึ่งผมแจ้งว่ามี Laptop ไหมครับ ผมถนัด Window มากว่า แต่ทราบภายหลังว่าทั้งบริษัทใช้ Apple เป็นหลักซึ่งผมก็ยินดีเรียนรู้ไม่ขัดอะไร
การดูแล Ads แบรนด์หลัก ทำเป็นเวลา ขึ้น Ads จากทีม Content Creator และเปิดหลังเลิกงาน ปิดตอนเที่ยงคืน วันเเรกขึ้น Ads ไปร้อยกว่าตัว เพราะงานไม่มีคนมาทำแต่หลังจากนั้นก็ขึ้นวันละ 5-7 ตัวตามที่ทีม Content จะส่งมา
เริ่มเห็นอะไรเเล้วหรือยังครับ ใช่ครับนอกเวลาทำงาน แต่ผมรับไว้เพราะผมทำได้ เริ่มมีปัญหาเพราะผมนอนดึกเกินไป แต่ต้องตื่นเช้ามาทำงาน ในขณะที่คนดูแล Ads คนเก่าเข้างาน 10 โมงได้ แต่เลิกงานปกติ
เดือนที่ 2 งาน
Ads เริ่มทำผมมีปัญหา การนอนผมเพี้ยน ผมจึงคุยกับผู้จัดการหาทางแก้ไข จึงเสนอว่า กฎบริษัทคือทำงานครบชั่วโมงต่อวัน ผมสามารถมา 10 โมงได้ แต่ต้องนับเวลาไปอีก 9 ชั่วโมง ถึงจะเป็นเวลาออกของผม แต่ผมไม่ยินดีจะเลิกดึก ผมมาทำงานสายน้อยมาก (สายเดือนละไม่เกิน 5 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 5 นาที) เพราะผมมีงานเสริมคืออยู่อู่ซ่อมรถของญาติตอนเย็น เลยตกลงให้ ผมถามว่าแค่เปิดปิดใช่ไหมครับ ตามเวลา ทางผู้จัดการก็บอกว่าได้ จะทำยังไงก็ได้ขอแค่เป็นไปตามที่ตกลง ผมเลยเขียนโปรแกรม Auto ใช้ไฟล์จาก OpenSoure ให้มาเปิดปิดให้ผมตามเวลา ซึ่งแก้ปัญหาให้ผมได้ขาด ตัวโปรแกรม ผมก็คอยแก้ไขในช่วงเวลางานให้มันทำงานตามปกติ รวมถึงขอเพิ่มคุณภาพวิดีโอให้เน้นการขายมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เทคนิกการถ่ายทำมากขึ้น แต่ขอ 3 วิดีโอต่อวันเหมือนเดิม
เดือนที่ 2 สัปดาห์ที่ 2
Ads ที่ผมดูแลเริ่มขาดทุน ผู้จัดการจึงเรียกคุยเรื่องการดูแล สอบถามการทำงาน ผมได้แจ้งตามปกติว่าเปิดปิดเป็นเวลา ผู้จัดการจึงมอบหมายเพิ่มว่า ให้ดู Ads ด้วยว่าตัวไหนเริ่มใช้ต้นทุนสูง ให้ยุดการนำเสนอ Ads ตัวนั้น งานเริ่มเยอะขึ้น ผมเลยต้องหยุดใช้โปรแกรม Auto แล้วกลับมากดมือ กลับมามีปัญหาตามเคย เริ่มหนักขึ้นมาพอสมควร แต่ก็ทำต่อไปเพราะอะไรตอนนี้ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้5555 แต่รู้ว่าตัวเองทดงานพอสมควร พอบวกกับงานปกติที่ทำก็จะมีตามนี้ครับ
ดราฟงานภาพ 3 แบรนด์ แบรนด์ละ 7 บรีฟ ต่อสัปดาห์ (รวมวันหยุด เพราะต้องลงล่วงหน้า)
วิดีโอสั้น 3 วิดีโอต่อวัน รวมเป็น 18 วิดีโอต่อสัปดาห์
ขึ้น Ads วันละ 5 ตัว
ไม่รูว่าเงินเยอะหรือน้อย แต่รู้สึกได้ว่าเริ่มตึงๆมือ
ก่อนจบเดือนที่ 2
ผู้จัดการได้รับมอบหมายงานเพิ่มเติมคือให้คิด Promotion ของสินค้าตามเทศกาล เช่น 10.10 ฮาโลวีน ลอยกระทง 11.11 ทำให้ดราฟงานล่วงหน้า 3 วันก่อนวันลง ไม่ทันแน่ๆ เพราะกราฟฟิกต้องรับงานจากแบรนด์หลัก ทั้งงานลงเพจ งานลง Shopee Lazada Tiktokshop และมีหลายสินค้ามากๆ ทำให้แบรนด์ย่อยของผมไม่มีที่แทรกเลย ทำให้ต้องส่งงานล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ รวมถึง Promotion ยอมรับว่าไม่ถนัด จึงได้บอกไปตามตรง แต่ก็ได้รับคำตอบว่าให้ลองดูก่อน โดยนำโปรโมชั่นเก่าที่เคยทำมาใช้ ระหว่างกราฟงานโปรโมชั่น ต้องทำงาน Routine ปกติไปด้วย ค่อนข้างหนัก
เดือนที่ 3 ปะทะวาจาครั้งแรก
ได้มีการขอบันทึกการขึ้น Ads ของผม ทำให้ผู้จัดการ เพื่อจะนำไปรายงานเบื้องบน เพราะโดนตำหนิมาว่าไม่มีรายงาน โดยให้ผมออกแบบตารางเองทั้งหมด ผมไม่ได้รับปากแต่พูดว่าสามารถทำได้แต่ใช้เวลา ผู้จัดการจึงขอภายในวันนี้ ซึ่งผมบอกว่าไม่ทัน ผู้จัดการจึงบอกว่าลองทำดูก่อน
แต่ตอนเย็นก่อนเลิกงาน ผมกำลังเตรียมตัวกลับ และวันนั้นเองมีไปกินเลี้ยงตอนค่ำกับพนักงานที่บริษัท ผู้จัดการได้ขอตารางที่เสร็จแล้ว ผมบอกว่ายังไม่เสร็จเพราะพึ่งได้เริ่มทำวันนี้ ผู้จัดการก็ขึ้นเสียงมาว่า "แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ พี่ต้องใช้พรุ่งนี้เช้า" ผมเลยขึ้นกลับไปว่า "ผมไม่ทันพี่ ผมไม่ทันจริงๆ ถ้าพี่จะเอาผมไปทำให้ต่อที่บ้านก็ได้" แล้วผมก็หันไปแจ้งกับเพื่อนร่วมงานที่จะไปกินเลี้ยงว่า ผมไม่ไปงานเลี้ยงแล้วนะครับต่อหน้าผู้จัดการ ยอมรับว่ารู้สึกผิดมากๆ แต่ก็กลับมาทำงานจนเสร็จทัน แล้วไปงานเลี้ยงตามหลัง ผู้จัดการก็ไปด้วย แต่ผมก็คุยกันปกติ ผมโกรธยากหายไว ทักทายผู้จัดการก่อนด้วย (มีคนมากระซิบว่าผู้จัดการเขาก็รู้สึกต่อผมเลยไม่กล้าทัก)
เดือนที่ 4
เบื้องบนเรียกทั้งเเผนกไปประชุม ปรับความเข้าใจกัน รวมถึงมี Teambuilding เข้ามาด้วย (คำอธิบาย Teambuilding คือกลุ่มที่จะเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ของคนในองค์กร) เริ่มมีการตั้งเป้าหมายของงานตัวเองกัน เขียน Job Description ของตัวเอง เพื่อมาแบ่งปันกัน ค่อนข้างสงสัยว่ายุคนี้ต้องเขียน JD ด้วยตัวเองหรือเปล่า เพราะปกติจะมีมาให้ ผมเลยมึนงง เขียนไม่ถูก เพราะค่อนข้างเยอะ
เมิ่อถึงจุดต้องแบ่งปันกัน ผู้บริหารใหญ่มองว่าเราตั้งเป้าหมายเล็กไป และเปลี่ยนเป้าหมายทุกคนให้ทำเงินให้ได้คนละ 1 ล้าน ซึ่งดูเกินตัวพอสมควร แต่เข้าใจแนวคิดที่ว่า เป้าหมายใหญ่ ไม่ต้องไปให้ถึงก็ได้ แค่เราทำได้ดีกว่าเดิมก็พอ
หลังจากตั้งเป้าหมายให้ใหม่ ก็เรียกติดตามงานทุกวันตอนเช้า ย้ำว่าทุกวัน ว่าแต่ละคนทำอะไรไปบ้างในวันที่ผ่านมาแล้ววันนี้จะทำอะไร ทำให้เวลาทำงานน้อยลง เลิกงานช้าทุกวัน จากที่ปกติงานประจำวันก็เลิกช้าอยู่แล้ว ผมได้รับงานเพิ่มให้หา Influencer 30 คนต่อวันมาเพื่อผลิตวิดีโอให้แบรนด์ เปลี่ยนงานโพสต์เป็นวิดีโอทั้งหมด แต่ก็ลงภาพควบคู่ไปด้วยตามปกติ
สรุป
งาน
- ประชุมตอนเช้า รายงานว่าเมื่อวานทำอะไรไปบ้าง และวันนี้จะทำอะไรกับงาน ความคืบหน้าเป็นยังไง
- บรีฟงานส่งกราฟฟิกตอนเช้า 3 งานต่อวัน (ส่งสุดสัปดาห์)
- ลงโพสต์ทุกเพจ 50 เพจ (นำวิดีโอสั้นมาลงได้บ้าง) ต่อวัน
- ผลิตวิดีโอสั้น 3 วิดีโอ งานคุณภาพ ต่อวัน
- ดูแล Ads ขึ้น Ads ควบคุมยอดต้นทุน เปิดปิด Ads ตามเวลา ต่อวัน
- LineOA BoastCast 3 ครั้งต่อเดือน
ทำงาน จันทร์ - เสาร์ 8.30 เลิกงาน 17.30
ปัญหา
ผมเริ่มกลับช้ากว่าเดิมบ่อยขึ้น งานรายวันผมทำไม่ทัน เวลาผ่อนคลายผมเเทบไม่มี
รู้สึกได้ว่าเวลาแต่ละวันผมน้อยเกินไป รู้สึกเวลาผ่านไปไวมากๆ
เวลาที่มีให้ครอบครัวน้อยลง (ผมหยุดงานที่อู่ไปตั้งแต่เดือนสิ้นเดือนที่ 2 เพราะอู่รับเด็กมาเพิ่มแล้ว ผมเข้าไปช่วยครั้งคราว)
วันนั้นผมเหนื่อยมาก ผมตัดสินใจคุยกับบริษัทที่ผมทำงานด้วยที่สิงคโปร์ว่า จะเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะขอทำงานกับบริษัทลูกที่ประเทศไทย ซึ่งความโชคดีของผมก็บังเกิด ทำให้บริษัทเก่ารับข้อเสนอให้ผมไปทำงานกับบริษัทลูกที่ประเทศไทย ไกลจากคอนโดผมนิดนึง 7 กิโล โดยให้เริ่มงานเลยวันจันทร์ที่จะถึง ซึ่งผมได้ติดต่อกลับมาคือวันพุธ
ผมได้ทบทวนว่า ผมยังไม่เซ็นสัญญา สามารถออกได้ทันที ผมจึงเเจ้งผู้จัดการวันศุกร์ วันเสาร์ผมเคลียร์งาน พร้อมส่งมอบงานต่อ เเก้ไขเมลให้ เพื่อเอาทุกอย่างที่เกี่ยวกับผมออกให้หมด
งานใหม่ทำงาน 8 โมง เลิก 5 โมง
ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ เข้า Office 3 วัน ที่เหลือตามใจ แต่น้องหมาที่บริษัทน่ารักเลยเข้าทุกวัน555
เนื้องาน
ผลิตภาพหรือวิดีโอก็ได้ 2-3 เซ็ตต่อสัปดาห์
ดูแลการตลาดหลังบ้าน ไปพบลูกค้า สอบถามปัญหาแล้ว Feedback กลับ
เงินเดือน x2.5 จากที่เก่า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าพยายามผิดที่บางทีก็เหนื่อยเกินไป
ต้องคุณความขยันจากที่ทำงานเก่า ทำให้บริษัทเก่าเห็นผลงานผม
(ที่ทำงานใหม่าทำเกี่ยวกับ Packaging)
ผมไม่มีความคุ้นเคยกับการทำงานในไทยรูปแบบบริษัท ใครที่เคยผ่านงานมา หรือมีประสบการณ์อะไรมาอยากให้ช่วยแนะนำผมว่างานในประเทศไทยเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ
ผมตั้งใจเขียนเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กระจ่าง แต่ขอปิดชื่อบริษัทเพื่อชื่อเสียงของแบรนด์ครับ ไม่มีเจตนาโจมตีแบรนด์แต่อย่างใด