คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 43
เห็นกระทู้แล้วอยากมาตอบ ขอตอบเท่าที่ตอบได้ เรื่องครอบครัวขอไม่ยุ่ง
การย้ายออกมาอยู่คนเดียว ข้อดีที่เห็นชัดคือ เป็นการฝึกบริหารชีวิตตนเอง 100% (มีบางส่วนที่ไม่ 100% เพราะเวลาเงินหมดก็โทรไปขอที่บ้าน)
การเลือกที่อยู่ตามทฤษฎี ค่าที่อยู่ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ถึงจะทำให้การเงินคล่องตัว
สมัยเราเงินเดือน 30,000 เราอยู่หอพักรวมน้ำไฟ 9000 บาท ห่างจากออฟฟิศประมาณ 4 สถานีรถไฟ แน่นอนว่าได้รับเสียงตามสายจากผู้หวังดีมากมายเรื่องค่าที่อยู่แพงเกินไป (แม้จะเข้าทฤษฎี 30% ก็ตาม) ค่าใช้จ่ายโดยรวมของเรา ณ ขณะนั้น รวมเป็น 19,000 บาท (รวมค่าที่อยู่) ทำให้เรามีเงินเหลืออีก 11,000 บาท พอหักประกันสังคม เราเลยมีเงินเก็บประมาณ 10,000 บาท
ขึ้นอยู่กับชีวิตตนเองให้ความสำคัญกับอะไรก่อนหลัง ลองเรียงดู ถ้าค่าที่อยู่อาจจะสูง แล้วเราประหยัดส่วนไหนมั้ย ที่พอประหยัดแล้ว ชีวิตไม่อัตคัดขัดสนจนเกินไป ถ้าการที่ค่าที่อยู่แพงแล้วส่งผลกระทบกับชีวิตส่วนอื่น ก็ลดสเปคราคาลงมา โดยอาจจะหาห้องรูปแบบเดิมแต่อยู่ในย่านที่ไกลออกไปหน่อยเป็นต้น
อยากใส่ความเห็นส่วนตัว ไม่ค่อยแนะนำให้ที่พักอยู่ใกล้ออฟฟิศแบบระยะเดินถึงได้นะ มันจะไม่รู้สึกว่าเราเลิกงานแล้ว ทั้งที่เลิกงานแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมรอบออฟฟิศกับที่พักไม่ต่างกันเลย แต่บางคนก็ชอบอะไรแบบนี้ เช่นคนที่รักงานรักออฟฟิศมากๆแบบถวายหัว ส่วนเราขออยู่ไม่ไกลออฟฟิศมาก แต่ไม่ขอมีสภาพแวดล้อมตึกรามบ้านช่องที่เดียวกับแถวออฟฟิศเด็ดขาด 55555
ส่วนเรื่องเงินเดือน 30,000 สำหรับจบใหม่ ถ้าสมัครในบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ (วงเล็บขนาดใหญ่) เด็กจบใหม่ก็ได้ขั้นต่ำ 30,000 และมากกว่านั้นแล้วแต่ตำแหน่ง
กรณีเป็นงานใช้ภาษาที่ 3 บริษัทขนาดกลางต่างชาติก็ให้เรทนี้นะ ปกติเลย
บางคนไม่ได้อยู่ในวงโคจรบริษัทแนวนี้อาจจะนึกภาพไม่ออก อาจจะคิดว่าเด็กรุ่นใหม่โกหกเงินเดือน แค่อยากจะมาสนับสนุนว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง และเด็กจบใหม่ที่เงินเดือน 100,000+ มันก็มีจริงค่ะ ลองอ่านรีวิวพวก Top 3 management consulting firm หรือ Global laws firm ดูนะ
การย้ายออกมาอยู่คนเดียว ข้อดีที่เห็นชัดคือ เป็นการฝึกบริหารชีวิตตนเอง 100% (มีบางส่วนที่ไม่ 100% เพราะเวลาเงินหมดก็โทรไปขอที่บ้าน)
การเลือกที่อยู่ตามทฤษฎี ค่าที่อยู่ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ถึงจะทำให้การเงินคล่องตัว
สมัยเราเงินเดือน 30,000 เราอยู่หอพักรวมน้ำไฟ 9000 บาท ห่างจากออฟฟิศประมาณ 4 สถานีรถไฟ แน่นอนว่าได้รับเสียงตามสายจากผู้หวังดีมากมายเรื่องค่าที่อยู่แพงเกินไป (แม้จะเข้าทฤษฎี 30% ก็ตาม) ค่าใช้จ่ายโดยรวมของเรา ณ ขณะนั้น รวมเป็น 19,000 บาท (รวมค่าที่อยู่) ทำให้เรามีเงินเหลืออีก 11,000 บาท พอหักประกันสังคม เราเลยมีเงินเก็บประมาณ 10,000 บาท
ขึ้นอยู่กับชีวิตตนเองให้ความสำคัญกับอะไรก่อนหลัง ลองเรียงดู ถ้าค่าที่อยู่อาจจะสูง แล้วเราประหยัดส่วนไหนมั้ย ที่พอประหยัดแล้ว ชีวิตไม่อัตคัดขัดสนจนเกินไป ถ้าการที่ค่าที่อยู่แพงแล้วส่งผลกระทบกับชีวิตส่วนอื่น ก็ลดสเปคราคาลงมา โดยอาจจะหาห้องรูปแบบเดิมแต่อยู่ในย่านที่ไกลออกไปหน่อยเป็นต้น
อยากใส่ความเห็นส่วนตัว ไม่ค่อยแนะนำให้ที่พักอยู่ใกล้ออฟฟิศแบบระยะเดินถึงได้นะ มันจะไม่รู้สึกว่าเราเลิกงานแล้ว ทั้งที่เลิกงานแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมรอบออฟฟิศกับที่พักไม่ต่างกันเลย แต่บางคนก็ชอบอะไรแบบนี้ เช่นคนที่รักงานรักออฟฟิศมากๆแบบถวายหัว ส่วนเราขออยู่ไม่ไกลออฟฟิศมาก แต่ไม่ขอมีสภาพแวดล้อมตึกรามบ้านช่องที่เดียวกับแถวออฟฟิศเด็ดขาด 55555
ส่วนเรื่องเงินเดือน 30,000 สำหรับจบใหม่ ถ้าสมัครในบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ (วงเล็บขนาดใหญ่) เด็กจบใหม่ก็ได้ขั้นต่ำ 30,000 และมากกว่านั้นแล้วแต่ตำแหน่ง
กรณีเป็นงานใช้ภาษาที่ 3 บริษัทขนาดกลางต่างชาติก็ให้เรทนี้นะ ปกติเลย
บางคนไม่ได้อยู่ในวงโคจรบริษัทแนวนี้อาจจะนึกภาพไม่ออก อาจจะคิดว่าเด็กรุ่นใหม่โกหกเงินเดือน แค่อยากจะมาสนับสนุนว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง และเด็กจบใหม่ที่เงินเดือน 100,000+ มันก็มีจริงค่ะ ลองอ่านรีวิวพวก Top 3 management consulting firm หรือ Global laws firm ดูนะ
แสดงความคิดเห็น
เด็กจบใหม่ เงินเดือน 3 หมื่น ควรย้ายออกมาอยู่คนเดียวไหม
ปัจจุบันเป็นเด็กจบใหม่ เงินเดือน 3 หมื่น อยู่กับครอบครัวค่ะ
แต่เราไม่มีห้องส่วนตัว+พ่อแม่มีหนี้สิน ซึ่งเราคิดว่าเขาน่าจะอยากให้เราช่วยใช้หนี้ให้
ทุกวันนี้ค่าน้ำค่าไฟเราจ่าย พี่น้องคนอื่นในบ้านไม่มีใครออกช่วยเลย เหมือนภาระทุกอย่างต้องตกเป็นของเราโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้กำล้งมองหาอพาร์ตเม้นอยู่ค่ะ แต่ห้องที่ก็ราคาประมาณ 8500 แอบเสียดายเงินค่ะ อยากมีเงินเก็บ แต่ถ้าทนอยู่บ้านก็มีแต่เสียสุขภาพจิต เสียเงินไม่ทางใดก็ทางนึง
ใจนึงก็อยากทนอยู่ที่บ้านต่อ เก็บเงินแล้วก็ใช้หนี้ช่วยพ่อแม่ค่ะ
แต่ใจนึงก็ไม่อยากทนแล้ว อยากตัดขาดให้หมดเลย