JJNY : จี้รับมือ 5 ด้านนโยบายทรัมป์│สภาเตรียมถามวิกฤตเด็กเกิดต่ำ│เตือนอากาศไม่ดีลมอ่อนทำฝุ่นหนา│เกาหลีเหนืออาจตายถึง1000

ปธ.หอค้าฯจี้รบ.รับมือ 5 ด้านนโยบายทรัมป์2.0 เร่งจัดทีมเจรจากับมะกันเร่งด่วนก่อนเดตไลน์ 1เม.ย.
https://www.matichon.co.th/economy/news_5012638
 
 
ปธ.หอค้าฯจี้รบ.รับมือ 5 ด้านนโยบายทรัมป์2.0 เร่งจัดทีมเจรจากับมะกันเร่งด่วนก่อนเดตไลน์ 1เม.ย.
 
เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการกลับมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร 10 ฉบับในวันแรกของการทำงาน ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก นโยบายเหล่านี้สะท้อนถึงแนวคิดที่เน้นการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ และการดำเนินนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในเวทีโลก แม้ว่าคำสั่งหลายฉบับจะเน้นไปที่ผลประโยชน์ภายในประเทศสหรัฐ แต่ผลกระทบในทางตรงและทางอ้อมต่อประเทศไทยก็ไม่อาจมองข้ามได้
 
คำสั่งบางฉบับ เช่น การถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และการพูดถึงการยึดคลองปานามา ส่วนนี้น่าจะเป็นท่าทีในการใช้เพื่อเจรจาต่อรองกับจีน และกรีนแลนด์ อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในเชิงอ้อม การลดบทบาทของ WHO อาจทำให้ความสามารถในการจัดการโรคระบาดระดับโลกลดลง ซึ่งไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาความร่วมมือระหว่างประเทศ อาจต้องเพิ่มศักยภาพภายในเพื่อรับมือกับวิกฤตสุขภาพในอนาคต
 
นอกจากนี้ การควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐ เช่น คลองปานามา อาจส่งผลต่อเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไทยอาจเผชิญต้นทุนการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่วนการถอนตัวจากข้อตกลงปารีส อาจทำให้ไทยต้องเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรการลดคาร์บอน นอกจากนี้ การขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% อาจสร้างโอกาสให้สินค้าไทย เช่น อาหารและสินค้าเกษตร ขยายส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการลงนามในคำสั่งขึ้นภาษีสินค้าจากจีน แต่ประธานาธิบดีทรัมส์ แต่ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าเขายังมีแนวคิดในการขึ้นภาษีกับจีน ซึ่งส่วนนี้ต้องจับตามองเนื่องจาก ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมส์ และได้เชิญให้เดินทางเยือน จีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเชื่อว่าประเด็นต่างๆเหล่านี้รวมไปถึงการต่อรองที่เกี่ยวข้องกับการค้า น่าจะมีความชัดเจนหลังจากที่ได้มีการพบกัน
 
นายสนั่น กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมส์ ได้ลงนามคำสั่งกว่า 200 ฉบับ ซึ่งหอการค้าเห็นว่ามีหนึ่งในคำสั่งที่ต้องจับตามองคือ America First Trade Policy โดยในรายละเอียดแบ่งเป็น 5 เรื่องสำคัญที่ประธานาธิบดีให้ความสำคัญและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการติดตาม ได้แก่

1. การลดการพึ่งพาประเทศอื่น ๆ 
2. การจัดการกับการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งส่วนนี้ได้มีการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้แทนการค้า ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการตรวจสอบว่าประเทศใดมีการบิดเบือนค่าเงินเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความได้เปรียบกับสหรัฐ 
3. การทบทวนมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับจีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา และภาษี 
4. มาตรการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และข้อสุดท้าย 
5. ขอให้มีการ ดำเนินการในข้อต่างๆให้แล้วเสร็จ พร้อมรายงานและ ให้ข้อเสนอแนะว่าควรดำเนินการอย่างไร 

ภายในวันที่ 1 เมษายน นี้ หากพิจารณาจาก คำสั่งดังกล่าว ประเด็นข้อที่ 2 คือการค้าไม่เป็นธรรมอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องเตรียมรับมือ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐอเมริกาค่อนข้างสูง และในภูมิภาคอาเซียน ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับ2 รองเพียงเวียดนาม
 
” หอการค้าจึงเห็นว่ารัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องเร่งจัดทีมเจรจากับสหรัฐอเมริกาอย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากหลายมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการค้าน่าจะมีความชัดเจนภายหลังวันที่ 1 เมษายนนี้ ” นายสนั่น กล่าว



สภาเตรียมกระทู้ถามวิกฤตเด็กเกิดต่ำ-นโยบายรัฐเอื้อต่อการมีบุตร
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_831663/
 
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณากระทู้ถามรัฐบาลถึงเรื่องวิกฤตเด็กเกิดต่ำ และนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการมีลูก

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (23 พ.ค.68) หลังเปิดให้ สส. นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เข้าหารือตามข้อบังคับการประชุมแล้ว จากนั้นเป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดและวาระกนะทู้ถามทั่วไป เช่น เรื่องวิกฤตเด็กเกิดต่ำและนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการมีลูก , เรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย และเรื่องความชัดเจนเรื่องโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ รวมถึงวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 1 เรื่อง คือ เรื่องสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย

นอกจากนี้ มีวาระพิจารณาเรื่องที่ค้างพิจารณา รวม 63 เรื่อง เช่น เรื่องขอให้คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนพิจารณาศึกษาเปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษไม่ร้ายแรงเปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย และเรื่องขอให้คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบอย่างยั่งยืน


 
สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุ เตือน อากาศไม่ดีลมอ่อนทำฝุ่นหนา อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5012683
 
สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุ เตือน อากาศไม่ดีลมอ่อนทำฝุ่นหนา อิทธิพลทะเลจีนใต้กำลังอ่อน อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย แล้วจะหนาวขึ้นอีก ช่วง 26-28 ม.ค. 
 
เมื่อวันที่ 23 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่งบริเวณยอดดอย ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็น และระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้ง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
 
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย
 
อนึ่ง ในวันที่ 26-28 ม.ค.68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
 
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้ : การระบายของอากาศไม่ดีและลมอ่อน ทำให้การสะสมของฝุ่นอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมากถึงมาก
ออกประกาศ 23 มกราคม 2568

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ
 
อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 4-13 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
 
ภาคกลาง
 
อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก
 
อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
 
อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบางของภาค
โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
 
เมฆเป็นส่วนมาก โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่