.
.
หนูเดกูอาศัยในอุโมงค์ที่สลับซับซ้อน
อยู่ร่วมกับหนูตัวอื่นอีก 10 ตัว
© imageBROKER.com GmbH & Co. KG
/ Alamy Stock Photo
.
.
.
Why You Should Consider
A Degu As Your Next Pet
.
.
.
.
หนูเดกูทำความสะอาดตัวเอง
สื่อสารระหว่างกันด้วยปัสสาวะ(ฉี่)
และสลัดหางของตัวเองทิ้งได้
เพื่อล่อหลอก/หลบหนีจากนักล่า
หนูเดกูหรือหนูชิลี
ชื่อ: หนูเดกู
Octodon degus
ถิ่นอาศัย : ตอนกลางของประเทศชิลี
กินอะไร : หญ้า เมล็ดพืช เปลือกไม้
และบางครั้งก็กินอุนจิ(อึ)ของตัวเอง
เหตุใดจึงยอดเยี่ยม :
หนูเดกูมีความยาวประมาณ 10 ถึง 12 นิ้ว
(25 ถึง 31 เซนติเมตร) และมีขนสีน้ำตาล
คล้ายหนูแฮมสเตอร์
Hamsters ขนาดใหญ่
ที่มีหางยาวกว่าหนูทั่วไป
.
.
.
Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์แคราะกับสังคม Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์สีทองออกลูกได้ปีละ 5 ครอก
Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์บางชนิดจะอมอาหาร
ไว้ที่กระพุงแก้มได้ราว 20% ของน้ำหนักตัว
Getty Images
.
.
หนูเดกูตัวกลมเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดใน
Chilean Matorral
ของประเทศชิลี ในอเมริกาใต้
อาศัยอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ซับซ้อนร่วมกับหนูเดกูอีก 10 ตัว
และในสังคมของหนูเดกู
ฉึ่มีความสำคัญสูงสุด
สัตว์ที่เข้าสังคมได้ดีเหล่านี้
ใช้ฉึ่ในหลายๆ วิธีที่น่าสนใจ
รวมถึงการอาบน้ำ เพื่อความสะอาด
หนูเดกูจะกลิ้งไปกลิ้งมาในทราย
ที่เปียกด้วยฉึ่ของตัวเอง
และใช้ฉี่เพื่อทำเครื่องหมาย
เส้นทางและอาณาเขตร่วมกัน
.
ฉี่ของเดกูจะสะท้อนแสง
อัลตราไวโอเลต (UV)
ซึ่งหนูเดกูทั่วไปจะมองเห็นได้
ทำให้ระบุจุดที่มีหนูเดกูหนาแน่น
และอาณาเขตร่วมกันได้
รวมถึงหนูเดกูตัวอื่น ๆ ที่มีฉี่ติดขน
ฉี่สดจะสะท้อนแสง UV ได้ดีกว่าฉี่เก่า
จากการศึกษาในปี
2003 พบว่า
หนูเดกูสามารถใช้การมองเห็นด้วยแสง UV
เพื่อแยกแยะรอยฉี่สดและฉี่เก่าได้
ซึ่งจะช่วยให้มันระบุได้ว่าหนูตัวอื่น ๆ
อยู่ที่ไหนและมีกิจกรรมทางสังคมที่ไหน
.
.

.
.
.
.
หนูเดกูไม่เหมือนกับหนูขนาดเล็กชนิดอื่น ๆ
เช่น หนูแฮมสเตอร์ และ ชินชิลล่า
Hamsters และ
Chinchillas
ซึ่งออกหากินเวลากลางคืน
แต่หนูเดกูจะกระตือรือร้นในตอนกลางวัน
แล้วจะนอนหลับในตอนกลางคืน
.
.
.
.

.
.
พวกมันยังมีกลวิธีหลบหนีที่ชาญฉลาด
เพื่อหลบหนีจากนักล่า หากถูกจับได้
หนูเดกูทั่วไปจะสลัดหางออกอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเป็นกลวิธีที่เรียกว่า
การลอกขน
ซึ่งจะทำให้นักล่าเสียสมาธิ สนใจที่หาง
แล้วเปิดโอกาสให้หนูเดกูหลบหนีได้
อย่างไรก็ตาม หางจะไม่งอกกลับมาอีก
ดังนั้นนี่จึงเป็นเพียงกลวิธีครั้งเดียวเท่านั้น
หนูเดกูทั่วไปเป็นสัตว์ที่เข้ากับสังคมได้ดี
จึงสื่อสารด้วยกันได้หลายวิธี
และเปล่งเสียงได้มากถึง
15 เสียง
พวกมันจะเคี้ยวฟันเมื่อรู้สึกหงุดหงิด
ร้องเสียงแหลมเมื่อรู้สึกกลัว
ส่งเสียงร้องแหลม
หรือเห่าเมื่อรู้สึกตื่นเต้น
แม่หนูเดกูยัง
ส่งเสียงร้องเฉพาะของแม่
เมื่อกำลังให้นมลูก ซึ่งเชื่อกันว่า
จะช่วยกระตุ้น/เสริมแรงในการให้อาหาร
.
เรียบเรียง/ที่มา
Common Degu
.
.
.
.
.

.
.
ในชิลีไม่มีวัฒนธรรมการกินหนูแฮมเตอร์
แต่ประเทศในแถบเทือกเขาแอนดีส
มีการบริโภค Cuy หนูตะเภา/หนูกินนี่พิก
สัตว์ฟันแทะที่แตกต่างจากหนูแฮมเตอร์
หนูตะเภา หรือ Cuy นี้
เป็นอาหารดั้งเดิมของชนพื้นเมือง
ในแถบเทือกเขาแอนดีส
มีการเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารมา
ตั้งแต่สมัยอาณาจักรอินคา
มีขนาดใหญ่กว่าหนูแฮมเตอร์ทั่วไป
เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ
ในพื้นที่สูงของเทือกเขาแอนดีส
ส่วนหนูแฮมเตอร์บ้านในชิลี
เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ
ส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
หนูเดกู (Degu) แตกต่างจาก
Cuy (หนูตะเภา/หนูกินนี่พิก) อย่างสิ้นเชิง
หนูเดกู
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Octodon degus
มีถิ่นกำเนิดในชิลี
มีขนาดตัวประมาณ 25-31 ซม. (รวมหาง)
น้ำหนักประมาณ 170-300 กรัม
มักเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
ส่วน Cuy (หนูตะเภา)
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Cavia porcellus
มีถิ่นกำเนิดในเทือกเขาแอนดีส
มีขนาดตัวใหญ่กว่า ประมาณ 20-40 ซม.
น้ำหนักประมาณ 500-1,500 กรัม
นิยมเลี้ยงเป็นอาหารในแถบเทือกเขาแอนดีส
แม้ว่าทั้งสองชนิดจะเป็นสัตว์ฟันแทะเหมือนกัน
แต่เป็นคนละสายพันธุ์/ใช้ประโยชน์ต่างกัน
.
.
หนูตะเภา หรือที่เรียกในภาษาสเปนว่า cuy
(มาจากภาษา Quechua คำว่า quwi)
มีประวัติความเป็นมาคือ
1. การเริ่มเลี้ยงและวัฒนธรรมดั้งเดิม:
เริ่มมีการเลี้ยงตั้งแต่ 5000 ปีก่อนคริสตกาล
ในแถบเทือกเขาแอนดีส (ปัจจุบันคือ บริเวณ
ตอนใต้ของโคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู
และโบลิเวีย อาณานิคมเดิมของสเปน)
ชาว Moche ในเปรูโบราณนับถือสัตว์ชนิดนี้
และมักวาดภาพหนูตะเภาในงานศิลปะ
ชาวอินคาใช้หนูตะเภาในพิธีบูชายัญ
เพื่อบูชาเทพเจ้า ประกอบพิธีศพ
การทำนายทายทักอนาคต
มีการคัดเลือกพันธุ์ตั้งแต่ปี 1200
จนถึงการรุกรานของสเปนในปี 1532
2. การแพร่กระจายสู่ยุโรป
ในต้นยุค 1500 พ่อค้าชาวสเปน ดัตช์
และอังกฤษนำหนูตะเภาไปยุโรป
กลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม
ในหมู่ชนชั้นสูงและราชวงศ์
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1
.
.

.
.
ในปี 1547
บันทึกที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับหนูตะเภา
ในปี 1580
ภาพวาดที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป คือ
เด็กสาวในชุดสมัยเอลิซาเบธอุ้มถือหนูตะเภา
3. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ในปี 1554
ได้รับการบรรยายครั้งแรกในโลกตะวันตก
โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวสวิส
Conrad Gessner
ในปี 1777
ได้รับชื่อวิทยาศาสตร์
แบบทวินาม (binomial name)
โดย
Johann Christian Polycarp Erxleben
บุตรของ Dorothea Christiane Erxleben
สตรีคนแรกที่สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ปัจจุบัน หนูตะเภายังคงเป็นแหล่งอาหารสำคัญ
ในแถบเทือกเขาแอนดีส โดยหลายครัวเรือน
ในพื้นที่สูงยังคงเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้อยู่
.
.
.

.
.
.
.

.
.
.
.
.
Degus มีลายขนเฉพาะตัว
.
.
.
ลูกหนูเดกูอายุ 3 วัน
.
.

.
Degus ซุกตัวซ้อนกันเพื่อให้อบอุ่น
ที่ Artis Zoo ใน Netherlands
.
.
.
แม่กำลังทำให้ลูกอบอุ่น
.
.
.
ใช้อุ้งเท้าหน้าจับอาหาร
.
.

.
โดยทั่วไป หนูเดกูมีความฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
และมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ดี
ตัวนี้มีหางที่สั้นกว่าปกติมาก
น่าจะเกิดจากการบาดเจ็บ/ถูกกัดหาง
.
.
.
ผิดธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงหนูเดกูไว้ในกรง
พวกมันต้องการพื้นที่มากพอสมควร
เพื่อแสดงพฤติกรรมปกติให้ได้เต็มแรง
.
.

.
หนูเดกูในกรง
.
.
.
หนูเดกูนอกกรงสองตัว
.
.
.
หนูเดกู 2 ตัว
.
.
.
หนูเดกูในตะกร้า
.
.

.
หนูเดกูในกรงไม้ 3 ตัว
.
.
.
สีขนหนูเดกูที่พบเห็นได้ทั่วไป
.
.
เดกู หนูแฮมสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ควบคุมสังคมด้วยฉี่
.
หนูเดกูอาศัยในอุโมงค์ที่สลับซับซ้อน
อยู่ร่วมกับหนูตัวอื่นอีก 10 ตัว
© imageBROKER.com GmbH & Co. KG
/ Alamy Stock Photo
.
.
.
Why You Should Consider
A Degu As Your Next Pet
.
.
.
.
หนูเดกูทำความสะอาดตัวเอง
สื่อสารระหว่างกันด้วยปัสสาวะ(ฉี่)
และสลัดหางของตัวเองทิ้งได้
เพื่อล่อหลอก/หลบหนีจากนักล่า
หนูเดกูหรือหนูชิลี
ชื่อ: หนูเดกู Octodon degus
ถิ่นอาศัย : ตอนกลางของประเทศชิลี
กินอะไร : หญ้า เมล็ดพืช เปลือกไม้
และบางครั้งก็กินอุนจิ(อึ)ของตัวเอง
เหตุใดจึงยอดเยี่ยม :
หนูเดกูมีความยาวประมาณ 10 ถึง 12 นิ้ว
(25 ถึง 31 เซนติเมตร) และมีขนสีน้ำตาล
คล้ายหนูแฮมสเตอร์ Hamsters ขนาดใหญ่
ที่มีหางยาวกว่าหนูทั่วไป
.
.
Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์แคราะกับสังคม Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์สีทองออกลูกได้ปีละ 5 ครอก
Getty Images
.
.
.
แฮมเตอร์บางชนิดจะอมอาหาร
ไว้ที่กระพุงแก้มได้ราว 20% ของน้ำหนักตัว
Getty Images
.
.
หนูเดกูตัวกลมเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดใน
Chilean Matorral
ของประเทศชิลี ในอเมริกาใต้
อาศัยอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ซับซ้อนร่วมกับหนูเดกูอีก 10 ตัว
และในสังคมของหนูเดกู
ฉึ่มีความสำคัญสูงสุด
สัตว์ที่เข้าสังคมได้ดีเหล่านี้
ใช้ฉึ่ในหลายๆ วิธีที่น่าสนใจ
รวมถึงการอาบน้ำ เพื่อความสะอาด
หนูเดกูจะกลิ้งไปกลิ้งมาในทราย
ที่เปียกด้วยฉึ่ของตัวเอง
และใช้ฉี่เพื่อทำเครื่องหมาย
เส้นทางและอาณาเขตร่วมกัน
.
.
Degu
.
.
ฉี่ของเดกูจะสะท้อนแสง
อัลตราไวโอเลต (UV)
ซึ่งหนูเดกูทั่วไปจะมองเห็นได้
ทำให้ระบุจุดที่มีหนูเดกูหนาแน่น
และอาณาเขตร่วมกันได้
รวมถึงหนูเดกูตัวอื่น ๆ ที่มีฉี่ติดขน
ฉี่สดจะสะท้อนแสง UV ได้ดีกว่าฉี่เก่า
จากการศึกษาในปี 2003 พบว่า
หนูเดกูสามารถใช้การมองเห็นด้วยแสง UV
เพื่อแยกแยะรอยฉี่สดและฉี่เก่าได้
ซึ่งจะช่วยให้มันระบุได้ว่าหนูตัวอื่น ๆ
อยู่ที่ไหนและมีกิจกรรมทางสังคมที่ไหน
.
.
.
.
.
หนูเดกูไม่เหมือนกับหนูขนาดเล็กชนิดอื่น ๆ
เช่น หนูแฮมสเตอร์ และ ชินชิลล่า
Hamsters และ Chinchillas
ซึ่งออกหากินเวลากลางคืน
แต่หนูเดกูจะกระตือรือร้นในตอนกลางวัน
แล้วจะนอนหลับในตอนกลางคืน
.
.
.
.
.
พวกมันยังมีกลวิธีหลบหนีที่ชาญฉลาด
เพื่อหลบหนีจากนักล่า หากถูกจับได้
หนูเดกูทั่วไปจะสลัดหางออกอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเป็นกลวิธีที่เรียกว่า การลอกขน
ซึ่งจะทำให้นักล่าเสียสมาธิ สนใจที่หาง
แล้วเปิดโอกาสให้หนูเดกูหลบหนีได้
อย่างไรก็ตาม หางจะไม่งอกกลับมาอีก
ดังนั้นนี่จึงเป็นเพียงกลวิธีครั้งเดียวเท่านั้น
หนูเดกูทั่วไปเป็นสัตว์ที่เข้ากับสังคมได้ดี
จึงสื่อสารด้วยกันได้หลายวิธี
และเปล่งเสียงได้มากถึง 15 เสียง
พวกมันจะเคี้ยวฟันเมื่อรู้สึกหงุดหงิด
ร้องเสียงแหลมเมื่อรู้สึกกลัว
ส่งเสียงร้องแหลม
หรือเห่าเมื่อรู้สึกตื่นเต้น
แม่หนูเดกูยัง ส่งเสียงร้องเฉพาะของแม่
เมื่อกำลังให้นมลูก ซึ่งเชื่อกันว่า
จะช่วยกระตุ้น/เสริมแรงในการให้อาหาร
.
เรียบเรียง/ที่มา
Common Degu
.
.
.
.
.
ในชิลีไม่มีวัฒนธรรมการกินหนูแฮมเตอร์
แต่ประเทศในแถบเทือกเขาแอนดีส
มีการบริโภค Cuy หนูตะเภา/หนูกินนี่พิก
สัตว์ฟันแทะที่แตกต่างจากหนูแฮมเตอร์
หนูตะเภา หรือ Cuy นี้
เป็นอาหารดั้งเดิมของชนพื้นเมือง
ในแถบเทือกเขาแอนดีส
มีการเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารมา
ตั้งแต่สมัยอาณาจักรอินคา
มีขนาดใหญ่กว่าหนูแฮมเตอร์ทั่วไป
เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ
ในพื้นที่สูงของเทือกเขาแอนดีส
ส่วนหนูแฮมเตอร์บ้านในชิลี
เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ
ส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
หนูเดกู (Degu) แตกต่างจาก
Cuy (หนูตะเภา/หนูกินนี่พิก) อย่างสิ้นเชิง
หนูเดกู
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Octodon degus
มีถิ่นกำเนิดในชิลี
มีขนาดตัวประมาณ 25-31 ซม. (รวมหาง)
น้ำหนักประมาณ 170-300 กรัม
มักเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
ส่วน Cuy (หนูตะเภา)
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cavia porcellus
มีถิ่นกำเนิดในเทือกเขาแอนดีส
มีขนาดตัวใหญ่กว่า ประมาณ 20-40 ซม.
น้ำหนักประมาณ 500-1,500 กรัม
นิยมเลี้ยงเป็นอาหารในแถบเทือกเขาแอนดีส
แม้ว่าทั้งสองชนิดจะเป็นสัตว์ฟันแทะเหมือนกัน
แต่เป็นคนละสายพันธุ์/ใช้ประโยชน์ต่างกัน
.
.
หนูตะเภา หรือที่เรียกในภาษาสเปนว่า cuy
(มาจากภาษา Quechua คำว่า quwi)
มีประวัติความเป็นมาคือ
1. การเริ่มเลี้ยงและวัฒนธรรมดั้งเดิม:
เริ่มมีการเลี้ยงตั้งแต่ 5000 ปีก่อนคริสตกาล
ในแถบเทือกเขาแอนดีส (ปัจจุบันคือ บริเวณ
ตอนใต้ของโคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู
และโบลิเวีย อาณานิคมเดิมของสเปน)
ชาว Moche ในเปรูโบราณนับถือสัตว์ชนิดนี้
และมักวาดภาพหนูตะเภาในงานศิลปะ
ชาวอินคาใช้หนูตะเภาในพิธีบูชายัญ
เพื่อบูชาเทพเจ้า ประกอบพิธีศพ
การทำนายทายทักอนาคต
มีการคัดเลือกพันธุ์ตั้งแต่ปี 1200
จนถึงการรุกรานของสเปนในปี 1532
2. การแพร่กระจายสู่ยุโรป
ในต้นยุค 1500 พ่อค้าชาวสเปน ดัตช์
และอังกฤษนำหนูตะเภาไปยุโรป
กลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม
ในหมู่ชนชั้นสูงและราชวงศ์
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1
.
.
ในปี 1547
บันทึกที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับหนูตะเภา
ในปี 1580
ภาพวาดที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป คือ
เด็กสาวในชุดสมัยเอลิซาเบธอุ้มถือหนูตะเภา
3. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ในปี 1554
ได้รับการบรรยายครั้งแรกในโลกตะวันตก
โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวสวิส
Conrad Gessner
ในปี 1777
ได้รับชื่อวิทยาศาสตร์
แบบทวินาม (binomial name)
โดย Johann Christian Polycarp Erxleben
บุตรของ Dorothea Christiane Erxleben
สตรีคนแรกที่สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ปัจจุบัน หนูตะเภายังคงเป็นแหล่งอาหารสำคัญ
ในแถบเทือกเขาแอนดีส โดยหลายครัวเรือน
ในพื้นที่สูงยังคงเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้อยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Degus มีลายขนเฉพาะตัว
.
.
.
ลูกหนูเดกูอายุ 3 วัน
.
.
.
Degus ซุกตัวซ้อนกันเพื่อให้อบอุ่น
ที่ Artis Zoo ใน Netherlands
.
.
.
แม่กำลังทำให้ลูกอบอุ่น
.
.
.
ใช้อุ้งเท้าหน้าจับอาหาร
.
.
.
โดยทั่วไป หนูเดกูมีความฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
และมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ดี
ตัวนี้มีหางที่สั้นกว่าปกติมาก
น่าจะเกิดจากการบาดเจ็บ/ถูกกัดหาง
.
.
.
ผิดธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงหนูเดกูไว้ในกรง
พวกมันต้องการพื้นที่มากพอสมควร
เพื่อแสดงพฤติกรรมปกติให้ได้เต็มแรง
.
.
.
หนูเดกูในกรง
.
.
.
หนูเดกูนอกกรงสองตัว
.
.
.
หนูเดกู 2 ตัว
.
.
.
หนูเดกูในตะกร้า
.
.
.
หนูเดกูในกรงไม้ 3 ตัว
.
.
.
สีขนหนูเดกูที่พบเห็นได้ทั่วไป
.
.