
- ดูจบ ชอบ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้โดยคร่าวตั้งแต่ตอนดู Poster และ อ่านเรื่องย่อพอสังเขปว่าต้องเข้มข้นแน่ ๆ แวบแรกที่นึกถึงในหัวคือเรื่อง Next Sohee (2022) ที่ดูไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ด้วยความที่ทั้ง 2 พูดถึงปัญหาการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจกดขี่ลูกน้องในที่ทำงานเหมือนกันแต่สิ่งที่ต่างกันนอกจากเป็นหนังคนละประเทศแล้วที่เลวร้ายคือเรื่องนี้เธอถูกข่มขืนโดยเจ้านายของเธอ ซึ่งนอกจากจะมี Profile เป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศแล้วแถมยังมีนักการเมืองอย่างชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็น Back เข้ามาเอี่ยวมันเลยยิ่งอยากดูเข้าไปอีก

- ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 43 นาทีตัวหนังนำเสนอผ่านตัวของ ชิโอริ อิโตะ นักข่าวสาววัย 28 ปีเป็นหลักโดยจะเรียงตาม Timeline พร้อมกับจ่าหัวว่าปีนี้เกิดเหตุการณ์อะไร ? ด้วยวิธีการบันทึกเป็น Diary คุยหน้ากล้องสับเปลี่ยนกับภาพ Footage จากเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Clip วงจรปิดหรือภาพจากสื่อ Social บนหน้าข่าวรวมทั้งเขียนหนังสือที่ตั้งตามชื่อเรื่องตีแผ่ไปมาพร้อมกัน แม้ตอนเปิดเรื่องอย่างเรียบง่ายด้วยภาพตัว ชิโอระ Live หน้ากล้องอยู่ในห้องพยายาม Link พร้อมกับคิดตามอยู่แต่ยังรู้สึกว่าจูนไม่ติดซะที ด้วยเพราะไม่เคยทราบเรื่องราวมาก่อนมันเลยต้องใช้เวลาประติดประต่อพอสมควร ระหว่างนั้นจะมีช่วงพักสายตาด้วยการบรรยายข้อความที่ตัว ชิโอริ พรรณนาเป็นบทกวีก็ยิ่งกระตุ้นอาการวูบจนดูไปสักพักก็เริ่มรู้สึกตัวว่าตามไม่ทันก็เลยเผลอวูบไปตอนไหนไม่รู้กระทั่งตื่นขึ้นมากระจ่างใสตอนที่ ชิโอริ กับบรรดานักข่าว 4-5 คนมั้งไม่แน่ใจกำลังเดินสายอยู่บนฟุตบาธ จู่ ๆ ชิโอริได้เห็นรถยนต์สีดำที่น่าสงสัยจอด Stand By อยู่ ซึ่งห่างจากที่ตนเองเดินอยู่ราวหลายเมตรขึ้น เธอและคนอื่น ๆ จึงรีบวิ่งตามไปจนรถคันนั้นรู้ตัวว่ากูโดนเคาะกระจกเข้าให้จึงรีบใส่เกียร์หมาขับออกไปต่อหน้าอย่างไว

- แม้ทราบว่าตัว ชิโอริ เป็นผู้ถูกกระทำแต่ด้วยความเป็นนักข่าวแทนที่จะสยบแต่เธอกลับใช้ Skill ทางวิชาชีพที่มีไฝว้กลับด้วยการสืบค้นหาแหล่งข่าวที่ทิ้งไว้เป็น Footprint รวมถึง พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นตัว คนขับ Taxi , พนักงานต้อนรับโรงแรม หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้รับแจ้งเหตุในวิธีถ่ายกึ่ง ๆ กองโจรเพื่อรวบรวมหลักฐานในการต่อสู้คดีในชั้นศาลกับอดีตเจ้านายซึ่งเป็นคู่กรณีในเวลาต่อมา แม้จะเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะบางคนก็ไม่อยากจะโดนหางเลข บางคนก็ขอให้ข้อมูลอย่างเดียวไม่ต้องการเผยตัวแต่อย่างน้อยการที่เธอมีมิตรสหายรอบข้างไม่ว่าเพื่อนสนิท การที่มีสื่อต่างชาติยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หรือกระทั่งได้ยินเสียงกำลังใจจากแม่ผ่านโทรศัพท์มือถือก็เกิดแรงกระเตื้องในสังคมขึ้นบ้างถึงหลักกฎหมายว่าเรื่องแบบนี้สมควรมีอยู่อีกหรือไม่ ?

- ถึงแม้สิ่งที่เธอประสบมันหนักหนาและใหญ่เกินกว่าจะรับมือแต่เพื่อศักดิ์ศรีและสิทธิในฐานะผู้หญิงที่ถูกกดขี่เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้และเรียกร้องฝ่ายตรงข้ามที่พยายามงัดวิชาสารพัดนึกมาเล่นงานถึงขั้น Blackmail เอาชีวิตเธอ ระหว่างดูเลยเห็นความพะว้าพะวงในตัวชิโอริผ่านสีหน้ายิ้มแย้มแต่ในหัวคือคิดไปวางแผนไปตลอดหลายสิ่งในขณะที่คดีก็ต้องสู้ หนังสือก็ต้องเขียน วิทยากรก็ต้องไปเดินสายบรรยาย ท่ามกลางแรงกระแทกจากกระแสสังคมที่ประโคมข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเธอจนเกิดแผลในใจสะสมแถมเวลาก็ยืดไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดกันเมื่อไหร่ ? ตั้งแต่ครั้งที่เธอถูกหิ้วออกจาก Taxi ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2015 จนผมลืมลืมหน้าคู่กรณีทั้ง 2 อย่างอดีตเจ้านายไปว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ? กูจะได้กดปุ่มโกรธได้ทัน

- ช่วงท้ายใกล้จะจบลุ้นตามตัวชิโอริทุกนาทีว่าผลพิจารณาทางคดีจะเป็นอย่างไร ? เมื่อเส้นทางการต่อสู้ทางคดีที่กินเวลากว่า 7 ปี แม้จะยาวนานแต่สุดท้ายเมื่อได้เห็นเสียงมติส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์ไปทางเดียวกันก็ทำให้ใจฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้จะมีไม่เห็นด้วยถึงขั้นด่ากราดใส่เธอขณะเดินฝ่าวงแถลงข่าว ดีไม่ปากระป๋องเบียร์ใส่หัวเหมือนเรื่อง Superman ก็ทำให้ตระหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ตราบใดคนยังเสพติดในอำนาจ ระงับชั่งใจกิเลสไม่ได้ ยังมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายแถมเลี้ยงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นปัญหาเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นได้อีก แม้สังคมได้เกิดการตื่นตัวแล้วนำมาถอดเป็นบทเรียนต่อไปไม่รู้กี่เล่มก็ตาม

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.134 Black Box Diaries (2024) : บันทึกลับเหยี่ยวสาวแฉข่าวฉาวสะท้านบัลลังก์
- ดูจบ ชอบ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้โดยคร่าวตั้งแต่ตอนดู Poster และ อ่านเรื่องย่อพอสังเขปว่าต้องเข้มข้นแน่ ๆ แวบแรกที่นึกถึงในหัวคือเรื่อง Next Sohee (2022) ที่ดูไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ด้วยความที่ทั้ง 2 พูดถึงปัญหาการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจกดขี่ลูกน้องในที่ทำงานเหมือนกันแต่สิ่งที่ต่างกันนอกจากเป็นหนังคนละประเทศแล้วที่เลวร้ายคือเรื่องนี้เธอถูกข่มขืนโดยเจ้านายของเธอ ซึ่งนอกจากจะมี Profile เป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศแล้วแถมยังมีนักการเมืองอย่างชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็น Back เข้ามาเอี่ยวมันเลยยิ่งอยากดูเข้าไปอีก
- ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 43 นาทีตัวหนังนำเสนอผ่านตัวของ ชิโอริ อิโตะ นักข่าวสาววัย 28 ปีเป็นหลักโดยจะเรียงตาม Timeline พร้อมกับจ่าหัวว่าปีนี้เกิดเหตุการณ์อะไร ? ด้วยวิธีการบันทึกเป็น Diary คุยหน้ากล้องสับเปลี่ยนกับภาพ Footage จากเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Clip วงจรปิดหรือภาพจากสื่อ Social บนหน้าข่าวรวมทั้งเขียนหนังสือที่ตั้งตามชื่อเรื่องตีแผ่ไปมาพร้อมกัน แม้ตอนเปิดเรื่องอย่างเรียบง่ายด้วยภาพตัว ชิโอระ Live หน้ากล้องอยู่ในห้องพยายาม Link พร้อมกับคิดตามอยู่แต่ยังรู้สึกว่าจูนไม่ติดซะที ด้วยเพราะไม่เคยทราบเรื่องราวมาก่อนมันเลยต้องใช้เวลาประติดประต่อพอสมควร ระหว่างนั้นจะมีช่วงพักสายตาด้วยการบรรยายข้อความที่ตัว ชิโอริ พรรณนาเป็นบทกวีก็ยิ่งกระตุ้นอาการวูบจนดูไปสักพักก็เริ่มรู้สึกตัวว่าตามไม่ทันก็เลยเผลอวูบไปตอนไหนไม่รู้กระทั่งตื่นขึ้นมากระจ่างใสตอนที่ ชิโอริ กับบรรดานักข่าว 4-5 คนมั้งไม่แน่ใจกำลังเดินสายอยู่บนฟุตบาธ จู่ ๆ ชิโอริได้เห็นรถยนต์สีดำที่น่าสงสัยจอด Stand By อยู่ ซึ่งห่างจากที่ตนเองเดินอยู่ราวหลายเมตรขึ้น เธอและคนอื่น ๆ จึงรีบวิ่งตามไปจนรถคันนั้นรู้ตัวว่ากูโดนเคาะกระจกเข้าให้จึงรีบใส่เกียร์หมาขับออกไปต่อหน้าอย่างไว
- แม้ทราบว่าตัว ชิโอริ เป็นผู้ถูกกระทำแต่ด้วยความเป็นนักข่าวแทนที่จะสยบแต่เธอกลับใช้ Skill ทางวิชาชีพที่มีไฝว้กลับด้วยการสืบค้นหาแหล่งข่าวที่ทิ้งไว้เป็น Footprint รวมถึง พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นตัว คนขับ Taxi , พนักงานต้อนรับโรงแรม หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้รับแจ้งเหตุในวิธีถ่ายกึ่ง ๆ กองโจรเพื่อรวบรวมหลักฐานในการต่อสู้คดีในชั้นศาลกับอดีตเจ้านายซึ่งเป็นคู่กรณีในเวลาต่อมา แม้จะเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะบางคนก็ไม่อยากจะโดนหางเลข บางคนก็ขอให้ข้อมูลอย่างเดียวไม่ต้องการเผยตัวแต่อย่างน้อยการที่เธอมีมิตรสหายรอบข้างไม่ว่าเพื่อนสนิท การที่มีสื่อต่างชาติยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หรือกระทั่งได้ยินเสียงกำลังใจจากแม่ผ่านโทรศัพท์มือถือก็เกิดแรงกระเตื้องในสังคมขึ้นบ้างถึงหลักกฎหมายว่าเรื่องแบบนี้สมควรมีอยู่อีกหรือไม่ ?
- ถึงแม้สิ่งที่เธอประสบมันหนักหนาและใหญ่เกินกว่าจะรับมือแต่เพื่อศักดิ์ศรีและสิทธิในฐานะผู้หญิงที่ถูกกดขี่เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้และเรียกร้องฝ่ายตรงข้ามที่พยายามงัดวิชาสารพัดนึกมาเล่นงานถึงขั้น Blackmail เอาชีวิตเธอ ระหว่างดูเลยเห็นความพะว้าพะวงในตัวชิโอริผ่านสีหน้ายิ้มแย้มแต่ในหัวคือคิดไปวางแผนไปตลอดหลายสิ่งในขณะที่คดีก็ต้องสู้ หนังสือก็ต้องเขียน วิทยากรก็ต้องไปเดินสายบรรยาย ท่ามกลางแรงกระแทกจากกระแสสังคมที่ประโคมข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเธอจนเกิดแผลในใจสะสมแถมเวลาก็ยืดไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดกันเมื่อไหร่ ? ตั้งแต่ครั้งที่เธอถูกหิ้วออกจาก Taxi ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2015 จนผมลืมลืมหน้าคู่กรณีทั้ง 2 อย่างอดีตเจ้านายไปว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ? กูจะได้กดปุ่มโกรธได้ทัน
- ช่วงท้ายใกล้จะจบลุ้นตามตัวชิโอริทุกนาทีว่าผลพิจารณาทางคดีจะเป็นอย่างไร ? เมื่อเส้นทางการต่อสู้ทางคดีที่กินเวลากว่า 7 ปี แม้จะยาวนานแต่สุดท้ายเมื่อได้เห็นเสียงมติส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์ไปทางเดียวกันก็ทำให้ใจฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้จะมีไม่เห็นด้วยถึงขั้นด่ากราดใส่เธอขณะเดินฝ่าวงแถลงข่าว ดีไม่ปากระป๋องเบียร์ใส่หัวเหมือนเรื่อง Superman ก็ทำให้ตระหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ตราบใดคนยังเสพติดในอำนาจ ระงับชั่งใจกิเลสไม่ได้ ยังมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายแถมเลี้ยงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นปัญหาเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นได้อีก แม้สังคมได้เกิดการตื่นตัวแล้วนำมาถอดเป็นบทเรียนต่อไปไม่รู้กี่เล่มก็ตาม
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้