ตกรอบแรกแต่ก็ยังยิ้มได้! นายกฟุตบอลอินโดนีเซียบอกว่าทีมจะติด Top 9 เอเชียได้แน่



แม้จะพ่ายแพ้และล้มเหลวในศึกฟุตบอลอาเซียนปี 2024 แต่เอริก โธฮีร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอินโดนีเซีย (PSSI) กล่าวว่าเจ้าบ้านเป็น "ยักษ์หลับ" และสามารถขึ้นไปติด 9 อันดับแรกของเอเชียได้แน่

“อินโดนีเซียควรติด 9 อันดับแรกในเอเชีย เมื่อพิจารณาจากจำนวนประชากรทั้งหมดและความหลงใหลในฟุตบอลของเรา แต่แน่นอนว่าต้องใช้เวลา” นายโธฮีร์กล่าวกับรอยเตอร์ "เป้าหมายของเราคือการไปถึง 50 อันดับแรกของโลกภายในปี 2045 (พ.ศ.2588) เพราะในขณะนั้นคาดว่า GDP ต่อหัวของอินโดนีเซียจะอยู่ระหว่าง 27,000 ถึง 30,000 เหรียญสหรัฐ ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจดังกล่าว คุณภาพของฟุตบอลอินโดนีเซียจะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นได้"

อินโดนีเซียเพิ่งตกรอบแบ่งกลุ่มอาเซียนคัพ 2024 ในรอบ 6 ปี หลังจากพ่ายฟิลิปปินส์คาบ้านในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม B อย่างไรก็ตามในทัวร์นาเมนต์นี้ โค้ชชิน แทยง ไม่ได้มีผู้เล่นที่ดีที่สุดติดทีม แต่ได้รับเพียงทีม U21+2 โดยมีผู้เล่น 24 คนที่เกิดตั้งแต่ปี 2003 (พ.ศ.2546) เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีโธฮีร์ เคยกล่าวไว้ว่าอินโดนีเซียควรมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ

ตรงกันข้ามกับฟอร์มที่ไม่ค่อยสดใสของอาเซียนคัพ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่อินโดนีเซียไม่เคยได้แชมป์เลยแม้แต่ครั้งเดียว โค้ชชินและทีมของเขากำลังทำผลงานได้สุดยอดในรอบคัดเลือกรอบสามของฟุตบอลโลกปี 2026 พวกเขาเก็บคะแนนได้ถึง 6 แต้ม หลังจากแข่งไป 6 นัด รั้งอันดับ 3 ในกลุ่ม C และยังคงมีโอกาสไปฟุตบอลโลกได้ โดยอินโดนีเซียสามารถยันเสมอออสเตรเลียและเอาชนะซาอุดีอาระเบียในกลุ่มนี้แบบพลิกล็อค

"หลายๆ คนพูดถึงพวกเราว่าเป็นยักษ์หลับ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงต้องสร้างโปรแกรมขึ้นมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น” โธฮีร์กล่าวถึงภารกิจที่ PSSI กำลังทำอยู่

และภารกิจที่ PSSI  ทำเพื่อยกระดับทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อินโดนีเซียได้พยายามดึงดูดผู้เล่นที่มีเชื้อสายอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในเนเธอร์แลนด์ให้มาเล่นให้พวกเขา อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นตอของปัญหาภายในได้ เช่น ความรุนแรงในสนาม รวมถึงปัญหาภายในองค์กรสมาคมฟุตบอลที่มีมานานหลายปี
ในปี 2015 FIFA ได้ระงับการดำเนินงานของ PSSI เนื่องจากองค์กรนี้ถูกแทรกแซงอย่างหนักจากรัฐบาล

“เราโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากในชุมชนอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เราต้องการตั๋วไปฟุตบอลโลกและโอลิมปิก นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นที่แข่งขันในยุโรปจึงเชื่อในโครงการนี้”
“พวกเขาต้องกลับมาช่วยเรา เพราะสายเลือดของพวกเขาเต็มไปด้วยความรักที่พวกเขามีต่อพ่อแม่และปู่ย่าตายาย (ที่มีเชื้อสายชาวอินโดนีเซีย)”  โธฮีร์ กล่าวอย่างมั่นใจ

Cr.สำนักข่าวรอยเตอร์
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่