ในช่วง 2-3 ปีมานี้ผมได้มองดูระบบการรับเข้ามหาลัยมา ซึ่งเป็นระบบ TCAS
TCAS คืออะไร : TCAS คือระบบเข้ามหาวิทยาลัย โดยซอยการเข้ามหาลัยเป็น 4 รอบ รอบ 1 คือรอบยื่นผลงาน รอบ 2 คือรอบสอบข้อสอบของแต่ละมหาวิทยาลัย (คุณอาจจะรู้จักในรอบโควต้าแต่เท่าที่ผมเห็น ผมมองไปรอบโควต้าที่ไหนมันก็ให้ทำข้อสอบตัวเองทั้งนั้นเลย) รอบ 3 คือรอบแอดมิชชั่น หรือข้อสอบส่วนกลาง รอบ 4 เป็นรอบเก็บตกแล้วแต่มหาลัยจะจัดการ
จุดประสงค์ของระบบ TCAS : ความสำคัญของระบบ TCAS
ระบบ TCAS ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความยุติธรรมและลดความกดดันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยนักเรียนสามารถวางแผนการสมัครและการเตรียมตัวได้ดีขึ้น การมีหลายรอบการสมัครช่วยให้นักเรียนมีโอกาสในการเลือกคณะที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในการยื่นคะแนนและเพิ่มโอกาสในการได้รับคณะที่ต้องการ
..... อ้างอิง
https://does.up.ac.th/newsdetails/view/2293
ปัญหาที่ผมเจอในรอบ TCAS :
1.มันกลายเป็นการแข่งกันที่กำลังทรัพย์ไปแล้ว คุณจะมีปัญญาทำพอร์ตที่ยื่นมหาลัยได้ได้คุณต้องมีคนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นครู หรือพ่อแม่ที่คอยจ่ายเงินให้คุณไปทำนู่นทำนี่ ยิ่งแข่งรายการใหญ่ไม่ต้องพูดถึงก็ใช้มากไปอีก เพื่อนผมบางคนแข่งหุ่นยนต์ต่อสู้ คุณคิดว่าเรามันเท่าไหร่กัน มีหลักแสน ลูกตาสีตาสาคงไม่มีปัญญาได้มาแข่ง
2.มันเป็นการเพิ่มความซ้ำซ้อนในการเข้ามหาลัยชัดเจนเลย เด็กที่ยื่นรอบพอร์ต มันจะมีสักกี่คนที่ยื่นอย่างเดียวไม่ต้องเตรียมตัวสอบ ผมที่เห็นๆมามันก็อ่านหนังสือเตรียมสอบทุกคน แล้วถ้าสุดท้ายทุกคนอ่านหนังสือเตรียมสอบไปแล้วคุณจะมีรอบพอร์ตไว้ทำไม ในเมื่อเดิมทีจุดประสงค์มันมีเพื่อเด็กจะได้ไม่ต้องมาอ่านหนังสือ
3.เด็กที่ทำได้แค่กิจกรรมอย่างเดียวก็ไปไม่รอดในมหาลัยมาสะเยอะ การเข้ามหาลัยมันเป็นการเรียนวิชาการขึ้นมา เด็กบางคนทำกิจกรรมอย่างเดียววิชาการไม่ได้เรื่องสุดท้ายก็เขียนใบลาออก ในทางกลับกันเด็กรอบสอบมันอาจจะไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่ได้ถ่วงน่าเกลียดไปเลย
4.ผู้ปกครองเด็ก อาจารย์ผมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันทำไมมันวุ่นวายแท้ เด็กต้องทำนู่นทำนี่ อดหลับอดนอน มาทำทั้งกิจกรรมแล้วก็เรียนไปด้วย มันใช่แล้วหรอ
ข้อดีของการสอบตรงทีเดียว
1.ค่าใช้จ่ายลดลง คุณไม่จำเป็นต้องเอาเงินไปทำกิจกรรมอะไรให้วุ่นวาย เหตุผลเดียวที่คุณจะทำคือความชอบส่วนตัวหรืออยากไปส่องคณะที่คุณอยากเข้า
2.เมื่อสอบตรงจะไม่มีเรื่องของชื่อเสียงสถาบัน คุณจะมาจากไหนสุดท้ายก็มาวัดพลังกันพร้อมกัน คุณจะเป็นเด็ก โอลิมปิค คุณก็ไม่มีอะไรให้กังวลยังไงก็ทำข้อสอบได้แน่นอน
3.การติวสอบสมัยนี้ คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งติวเตอร์เสมอไปแค่คุณเปิดยูทูปคุณอยากเรียนวิชาอะไรก็มีหมด ขนาดวิชาของเด็กวิศวะ เด็กแพทย์ หลายคนมันยังเรียนจากยูทูปจนได้เกียรตินิยมมาแล้วเลย กับอีแค่ข้อสอบ ม.ปลาย ทำไมในยูทูปจะไม่มี ทำให้เหตุผลในข้อสองยิ่งชัดเจน จะเด็กโรงเรียนไหนก็เข้าถึงความรู้ที่เอามาใช้สอบได้อย่างเท่าเทียม ยูทูปไม่มีถามว่าใครบ้านรวยบ้านจน โรงเรียนดังไม่ดัง ไม่สนใจว่าใครญาติใคร
4.การเตรียมตัวทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าคุณไปทำข้อสอบ แล้วยื่นคะแนน
วิธีการทำให้ระบบมันยั่งยืน
คุณแค่ทำให้เด็กยื่นได้หลายๆที่แบบนี้เด็กจะด้รู้สึกว่าตัวเองได้ลุ้นพอมีโอกาส (ส่วนทางมหาลัยจะเอาขั้นต่ำเท่าไหร่ก็ค่อยกำหนดอีกที) คุณให้ยืนกันไปได้คนละร้อยที่ไปเลยถ้าคะแนนไม่หมาจริงๆยังไงก็ต้องได้ที่เรียน
ถึงเวลาหรือยังที่จะเปลี่ยนจากการยื่นพอร์ตเข้ามหาวิทยาลัยกลับมาเป็นทำข้อสอบให้หมด
TCAS คืออะไร : TCAS คือระบบเข้ามหาวิทยาลัย โดยซอยการเข้ามหาลัยเป็น 4 รอบ รอบ 1 คือรอบยื่นผลงาน รอบ 2 คือรอบสอบข้อสอบของแต่ละมหาวิทยาลัย (คุณอาจจะรู้จักในรอบโควต้าแต่เท่าที่ผมเห็น ผมมองไปรอบโควต้าที่ไหนมันก็ให้ทำข้อสอบตัวเองทั้งนั้นเลย) รอบ 3 คือรอบแอดมิชชั่น หรือข้อสอบส่วนกลาง รอบ 4 เป็นรอบเก็บตกแล้วแต่มหาลัยจะจัดการ
จุดประสงค์ของระบบ TCAS : ความสำคัญของระบบ TCAS
ระบบ TCAS ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความยุติธรรมและลดความกดดันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยนักเรียนสามารถวางแผนการสมัครและการเตรียมตัวได้ดีขึ้น การมีหลายรอบการสมัครช่วยให้นักเรียนมีโอกาสในการเลือกคณะที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในการยื่นคะแนนและเพิ่มโอกาสในการได้รับคณะที่ต้องการ
..... อ้างอิง https://does.up.ac.th/newsdetails/view/2293
ปัญหาที่ผมเจอในรอบ TCAS :
1.มันกลายเป็นการแข่งกันที่กำลังทรัพย์ไปแล้ว คุณจะมีปัญญาทำพอร์ตที่ยื่นมหาลัยได้ได้คุณต้องมีคนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นครู หรือพ่อแม่ที่คอยจ่ายเงินให้คุณไปทำนู่นทำนี่ ยิ่งแข่งรายการใหญ่ไม่ต้องพูดถึงก็ใช้มากไปอีก เพื่อนผมบางคนแข่งหุ่นยนต์ต่อสู้ คุณคิดว่าเรามันเท่าไหร่กัน มีหลักแสน ลูกตาสีตาสาคงไม่มีปัญญาได้มาแข่ง
2.มันเป็นการเพิ่มความซ้ำซ้อนในการเข้ามหาลัยชัดเจนเลย เด็กที่ยื่นรอบพอร์ต มันจะมีสักกี่คนที่ยื่นอย่างเดียวไม่ต้องเตรียมตัวสอบ ผมที่เห็นๆมามันก็อ่านหนังสือเตรียมสอบทุกคน แล้วถ้าสุดท้ายทุกคนอ่านหนังสือเตรียมสอบไปแล้วคุณจะมีรอบพอร์ตไว้ทำไม ในเมื่อเดิมทีจุดประสงค์มันมีเพื่อเด็กจะได้ไม่ต้องมาอ่านหนังสือ
3.เด็กที่ทำได้แค่กิจกรรมอย่างเดียวก็ไปไม่รอดในมหาลัยมาสะเยอะ การเข้ามหาลัยมันเป็นการเรียนวิชาการขึ้นมา เด็กบางคนทำกิจกรรมอย่างเดียววิชาการไม่ได้เรื่องสุดท้ายก็เขียนใบลาออก ในทางกลับกันเด็กรอบสอบมันอาจจะไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่ได้ถ่วงน่าเกลียดไปเลย
4.ผู้ปกครองเด็ก อาจารย์ผมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันทำไมมันวุ่นวายแท้ เด็กต้องทำนู่นทำนี่ อดหลับอดนอน มาทำทั้งกิจกรรมแล้วก็เรียนไปด้วย มันใช่แล้วหรอ
ข้อดีของการสอบตรงทีเดียว
1.ค่าใช้จ่ายลดลง คุณไม่จำเป็นต้องเอาเงินไปทำกิจกรรมอะไรให้วุ่นวาย เหตุผลเดียวที่คุณจะทำคือความชอบส่วนตัวหรืออยากไปส่องคณะที่คุณอยากเข้า
2.เมื่อสอบตรงจะไม่มีเรื่องของชื่อเสียงสถาบัน คุณจะมาจากไหนสุดท้ายก็มาวัดพลังกันพร้อมกัน คุณจะเป็นเด็ก โอลิมปิค คุณก็ไม่มีอะไรให้กังวลยังไงก็ทำข้อสอบได้แน่นอน
3.การติวสอบสมัยนี้ คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งติวเตอร์เสมอไปแค่คุณเปิดยูทูปคุณอยากเรียนวิชาอะไรก็มีหมด ขนาดวิชาของเด็กวิศวะ เด็กแพทย์ หลายคนมันยังเรียนจากยูทูปจนได้เกียรตินิยมมาแล้วเลย กับอีแค่ข้อสอบ ม.ปลาย ทำไมในยูทูปจะไม่มี ทำให้เหตุผลในข้อสองยิ่งชัดเจน จะเด็กโรงเรียนไหนก็เข้าถึงความรู้ที่เอามาใช้สอบได้อย่างเท่าเทียม ยูทูปไม่มีถามว่าใครบ้านรวยบ้านจน โรงเรียนดังไม่ดัง ไม่สนใจว่าใครญาติใคร
4.การเตรียมตัวทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าคุณไปทำข้อสอบ แล้วยื่นคะแนน
วิธีการทำให้ระบบมันยั่งยืน
คุณแค่ทำให้เด็กยื่นได้หลายๆที่แบบนี้เด็กจะด้รู้สึกว่าตัวเองได้ลุ้นพอมีโอกาส (ส่วนทางมหาลัยจะเอาขั้นต่ำเท่าไหร่ก็ค่อยกำหนดอีกที) คุณให้ยืนกันไปได้คนละร้อยที่ไปเลยถ้าคะแนนไม่หมาจริงๆยังไงก็ต้องได้ที่เรียน