รีวิวการเป็นออแพร์ที่อเมริกา ตั้งแต่เริ่มต้นสมัคร จนได้ไปและใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา Part2

กระทู้สนทนา
ถึงเวลาบินไปบ้านโฮสแล้วทุกคนจะได้เจอเด็กๆแล้ว 

บินในประเทศเราต้องจ่ายค่าประเป๋าเดินทางเองนะคะ ตอนนั้นเราเสียไปประมาณ $50 บินจาก EWR New Jersey-DFW Texas 3hrs 48mins / DFW Texas- FSD South Dakota 2hrs 4 mins    ตอนบินมาถึง DFW จะไป South Dakota เครื่องดีเลย์อ่ะทุกคน เกือบ6ชั่วโมง  พอมาถึง สนามบิน FSD โฮสก็มารับ ตอนนั้นดึกมากแล้ว เที่ยงคืนได้ ละต้องขับรถกลับบ้านอีก 1 ชั่วโมง ถึงบ้านโฮสประมาณตี2จ้า  
ถึงปุ๊ป รีบอาบน้ำนอนค่ะ 

Good morning, everyone! เช้าแล้ว เราก็ตื่นมาพร้อมกินข้าวเช้ากับโฮสและเด็กๆ ประมาณ 8:30 น และนั่งคุยทำความรู้จักกันอีกครั้ง  มาอาทิตย์แรกเราไม่ได้ทำงานนะคะ โฮสบอกว่าอยากให้เรียนรู้ก่อนว่า ครอบครอบครัวเขาใช้ชีวิตประจำวันอย่างไง แต่ละวันมีลักษณะแบบไหน เราก็รู้สึกว่า เอ่อดีจังไม่ต้องทำงาน555 อาทิตย์ถัดก็เริ่มทำงานจ้า ตารางงานโฮสแม่จะให้เราวันอาทิตย์ก่อนเริ่มงานวันจันทร์  ตารางงานก็จะต่างกันไปในแต่ช่วงฤดู ช่วงไปถึงแรกๆ ช่วงนั้นเป็นช่วง Summer เด็กๆก็จะอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียน ตารางของเราจะเป็นแบบเริ่ม 8am- 11am จากนั้น พักเบรก 2-3 ชั่วโมง และกลับไปทำงานต่อ ช่วงบ่ายๆ 3pm- 7หรือ 7:30pm แต่ละวัน แต่ละอาทิตย์จะไม่เหมือนกันเลยทุกคน  ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าโอเค หลังๆมารู้สึกแพลนไปไหนไม่ได้เลยด้วยเวลาพักไม่กี่ชั่วโมง และจากที่ไม่ได้ทำงานวันเสาร์  ก็ได้ทำทุกเสาร์ รู้สึกเหนื่อยอยากพัก555 
       *ลักษณะงาน*
เรียกน้องตื่น เปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้อง, ทำอาหารเช้าให้น้องกิน, ช่วยน้องแปรงฝัน ล้างหน้า ทำผม เตรียมพร้อมสำหรับวัน จากนั้นก็จะทำ crafts หรือสอนหนังสือ, อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมส์กับน้อง ถ้าอากาศดี แม่ก็จะพาเด็กๆไปปั่นจักรยานหรือขี่ scooters ที่ park ใกล้บ้าน เราก็ต้องไปด้วย และขับรถไปรับน้องกลับจากโรงเรียน ถ้าน้องไปโรงเรียนและ ขับไปส่งน้องไปทำกิจกรรมต่างๆ ช่วงแรกๆอะไรๆก็ดีหมดแหละทุกคน ไม่มีปัญหาอะไร เด็กๆก็น่ารัก ไม่ค่อยเถียง ไม่ค่อยงอแง  พออยู่ไปเรื่อยๆ ได้สักเดือนที่4 ปัญหาก็เริ่มตามมา ปัญหาแรกเลยเรื่องกับข้าวในตู้เย็น คือปกติโฮสแม่จะเป็นคนทำกับข้าวอาหารเที่ยงและอาหารเย็นอยู่แล้ว  เราก็เลยไม่เคยทำกับข้าวแยกเป็นของตัวเอง คิดว่ากินได้ทุกอย่างในตู้เย็น และช่วงนั้นเราจะไปยิมช่วงเย็น ปกติตอนอยู่ไทยแบบจะไปออกกำลังกายก่อนแล้วค่อยกินข้าวทีหลัง  เราก็ไปยิมปกติ และกลับมาบ้านประมาณ1 ทุ่ม และมากินข้าวที่บ้าน วันที่2ก็ไปยิม กลับมาบ้านจะมากินข้าว พอเปิดตู้เย็นดูก็เห็นว่าไม่มีอะไรให้เรากินเลย  เราก็เลยต้มมาม่ากิน หลังจากนั้นก็เรียนรู้ว่า เราควรกินข้าวกับพวกเขาแล้วค่อยไปยิม  ไม่งั้นไม่มีกับข้าวให้เรากิน อาทิตย์ถัดไปเราก็ไปยิมอีกละ ประมาณ5โมง เราก็กะว่าจะกินข้าวก่อนไป แล้วเราก็เปิดตู้เย็น เห็น Mac& Cheese 
ก็กินไป กินเสร็จเราก็ไปยิมค่ะ  พอถึงยิมปุ๊ป ออกกำลังกายได้สัก 10 นาที โฮสแม่ก็ messagedมา ถามว่า เห็น Mac&Cheese ในตู้เย็นมั้ย  เราก็บอกว่า ขอโทษนะ ไอ กินไปแล้วอ่ะ นางก็บอกว่า มันเป็นของเด็กนะเธอกินได้ยังไง เราก็ตอบว่าขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่ากินไม่ได้ เดี่ยวกลับไปจะทำให้ใหม่ นางก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่อยากให้มีเสียงรบกวนตอนที่เด็กหลับไปหมดแล้ว เดี่ยวนางจะหาอย่างอื่นใหม่ให้เด็กหอไปโรงเรียนพรุ่งนี้   หลังจากวันนั้นมา นางก็ติด โพส-อิท เกือบทุกอย่างในตู้เย็นเลยทุกคน และนางก็เรียกมาคุยว่า อันที่ติด โพส-อิทไว้ห้ามกินนะ  จากนั้นอะไรหลายอย่างๆมันก็เกิดขึ้นเรื่อยๆอ่ะ ทุกคน หลายอย่างมากจริงๆ  หลังจากนั้นมาก็เป็นเรื่องประตูเข้าบ้าน คือวันนั้นเป็นเดือน November จำไม่ได้ว่าวันที่อะไร  คืนนั้นเราแพลนออกไปข้างนอกประมาณ 2ทุ่มกับเพื่อนครั้งแรก  แล้วก่อนออกไปโฮสก็เรียกคุย เรื่องอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ละ  แล้วก่อนไปโฮสก็บอกเราว่า ให้ปิดเครื่องรักษาความปลอดภัยก่อนเข้าบ้านนะ เราก็ โอเคค่ะ 
เราก็ Hang out กับเพื่อนเสร็จสับ ละกลับมาบ้านประมาณเที่ยงคืน เราก็เข้าบ้าน ประตูบ้านมี Garage door และ ประตูเข้าบ้านข้างใน พอถึงบ้านเราก็เข้าจากประตูGarage door  พอเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังอะไรไม่รู้แปลกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย จากนั้นก็เข้าประตูบ้านข้างใน ก่อนจะเข้าบ้านเราก็เอาโทรศัพท์มาปิดเครื่องรักษาความปลอดภัยตามที่โฮสบอก เราก็ไขกุญแจเพื่อจะเข้าบ้านสักพัก และเราก็เข้ามาในบ้าน เปิดระบบในโทรศัพท์อีกครั้ง  จากนั้นก็ลงไปห้องตัวเองชั้นล่าง สักพักนึง โฮสพ่อก็messeged ว่า “นั้นเธอหรอที่เข้ามาในบ้าน” เราก็บอกว่าใช่  แล้วโฮสก็บอกว่า ตำรวจโทรมาว่าบ้านเป็นอะไรมั้ย เครื่องระบบรักษาความปลอดภัยแจ้งเตือนดัง  พวกเราและเด็กๆก็ตกใจกันหมด
หลังจากนั้นเราก็พึ่งมารู้ตัวว่าเสียงดังๆที่เราได้ยินนั้นคือ เสียงระบบความปลอดภัยในบ้าน  ซึ่งตอนนั้นก็มึนๆ งงๆอ่ะทุกคน เราก็ขึ้นไปบนบ้าน แล้วบอกขอโทษโฮสพ่อ แล้วแกก็ว่าไม่เป็นไร ไปนอนเถอะ โฮสแม่ก็มาในอารมณ์ที่แบบตกใจและโมโห และพูดกับเราว่า เธอไปดื่มมาหรอ? เมาหรอ? ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น     ส่วนเราก็ได้แค่ขอโทษจริงๆคืนนั้น  คือตั้งแต่มาอยู่ ยังไม่เคยออกไปข้างนอกดึกขนาดนี้ มันเป็นครั้งแรกของเรา เราไม่เคยปิด เปิดเครื่องระบบรักษาความปลอดภัยเลย  และในความเข้าใจของเราก็คิดว่า ปิด ก่อนเข้ามาประตูข้างในบ้าน   ซึ่งคืนนั้นก็นอนไม่หลับนะ 

เช้าวันต่อมา  โฮสแม่ก็เรียกเรามาคุยถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น และนางก็บอกเราว่า ฉันจะพยายามเข้าใจเธอนะ เพราะฉันก็เคยเป็นออแพร์มาก่อน  จากนั้นก็บอกว่าจากนี้ไป curfew 4 ทุ่มนะ และปริ้นกฏของบ้านมาให้อ่านอีกรอบ  ซึ่งเราก็คิดว่าเข้าใจทุกอย่างละ ไม่น่าจะมีอะไร  มีกฏข้อนึง เขียนว่า There is a curfew time for you of 10:00pm unless you are planning to be spending the night elsewhere. Keep in mind that you are required to be back home by 10:00pm if you are working the next day. We expect you to be well rested before you start your work shift to avoid a negative impact on your work performance.   ตอนนั้นเราอ่านกฎข้อนี้และเข้าใจว่า curfew 4 ทุ่ม และถ้าทำงานพรุ่งนี้ก็กลับมา 4 ทุ่ม  ช่วงนั้นก็มีคนเข้ามาจีบพอดีทุกคน คือเราอยู่ใกล้กันมาก ห่างกัน10 นาทีเอง  เราก็ตกลง date กัน ช่วงdate กันก็มีเรื่องงานที่มีปัญหา เข้ามาเรื่อยๆ เราก็เล่าให้แฟน และแฟนก็เป็นกำลังใจให้เราตลอด  แล้วมีคืนนึงที่เราออกไปข้างนอกกับแฟน คืนนั้นเราไม่ได้ใช้รถและไม่ได้ทำงานวันถัดไปและไม่ได้แพลนไปค้างคืนที่ไหน  แล้วเราก็กลับมาประมาณเที่ยงคืนอีกเหมือนเดิม  พอถึงบ้านเข้าห้องปุ๊ป โฮสแม่ก็messaged มาว่า ฉันไม่คิดว่าเธอจะกลับมาบ้านนะคืนนี้ เพราะมันเกิน4ทุ่มแล้ว เราก็ได้แค่ขอโทษและบอกไปว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก  ซึ่งคืนนั้นก็แบบว่า กูผิดอีกแล้วหรอ  ไม่ได้ใช้รถ ไม่ได้ทำงานวันถัดไป  

เช้าวันถัดมา เราก็ถามโฮสก็ว่า curfew ทุกวันหรอ? ต่อให้ไม่ได้ทำงานวันถัดไปก็ curfew หรอ?แกก็ตอบว่าใช่  เราก็บอกว่าฉันต้องโทษด้วย ฉันเขาใจกฎผิด    แล้วโฮสแม่ก็ตอบมาว่า เข้าใจผิดได้ยังไงอ่ะ ฉันกับสามีเขียนชัดเจนมากเลยนะ  
ซึ่งตอนนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก ว่าอะไรหนักหนา ทำไมต้องมาเกิดเรื่องพวกนี้ด้วย  เราจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน  เราเริ่มไม่โอเคมากๆแล้วกับครอบครัวนี้  ทำผิดอะไรนิดนึง โดยที่ไม่รู้หรือเข้าใจผิด เขาก็เรียกมาคุยและเพิ่มกฎหรือเปลี่ยนกฎไปเรื่อยๆ  เราร้องไห้ทุกครั้งที่เขาเรียกคุย จนเราคิดว่าจะเป็นซึมเศร้ารึป่าววะ  คือโฮสเขาดีทุกอย่างนะ ตามกฏของโปรแกรมเป๊ะ พาเราไปเที่ยวตอนเขาไป vacation และ involved กับกิจกรรมทุกอย่างด้วยตลอด แต่รู้สึกไม่มีความสุขอ่ะ เขาบอกว่าอยากให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่เราไม่ได้รู้สึกเหมือนครอบครัวเขาอ่ะ  โฮสพ่อเข้าใจความรู้สึกเราและคุยกับเราดีมาก แต่โฮสแม่เป็นคนเยอะอ่ะ ต้องเป๊ะๆ ไม่มีความfelxible, empathy ตอนนั้นเราบอกกับตัวเองว่าลองอยู่ได้สัก1ปีสิ  และเราก็พยายามอดทน เจอเรื่องใหม่ๆก็บอกตัวเองว่าอดทน   จนผ่านมาเรื่อยๆ เรารู้สึกได้ว่าเด็กๆก็เริ่มไม่ฟังเรา ต่อหน้าพ่อแม่อีกอย่าง หลับหลังพ่อแม่ก็อีกอย่าง จนเราแบบว่าพอแล้วมั้ย รีแมชต์เลยได้มั้ย แต่ก็แบบ พึ่งคบกับแฟนอยู่ เราจะอดทนอยู่และต่อปีที่2 เพื่อแฟน   และแล้วเราก็ได้ต่อสัญญาปีที่2 กับบ้านหลังนี้  

และที่ช่วงคบแฟนได้4-5เดือน เรากับแฟนก็เริ่มทะเลาะกัน บวกกับเรื่องงานด้วย จนคบได้เดือนที่7 เราก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วกับครอบครัวนี้ เพราะมันมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นและทำให้เราบั่นทอนใจ ร้องไห้ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีความทุกข์มากกว่าความสุข โทรปรึกษาเพื่อนที่ไทยก็บอกว่า รีบย้ายค่ะ อีโฮสแม่นี่ ประสาทแดก และเด็กก็ด้วย    เราก็เลยตัดสินใจว่า ฉันจะรีแมชต์เด่วนๆ แฟน ฟง ไม่สนใจแล้ว ขอเลือกตัวเองก่อน เราก็ตัดสินใจบอกแฟนว่า เราจะย้ายบ้านนะไม่ไหวแล้วจริงๆ  จริงๆก่อนหน้านั้นก็เคยบอกกับแฟนว่าไม่ไหวแล้วเราจะย้ายนะ แต่แฟนบอกตลอดว่า คิดว่าถ้าย้ายแล้ว จะหาบ้านที่ดีกว่านี้ได้หรอ คิดว่าการย้ายบ้านไม่ใช่การแก้ปัญหาและทางออกที่ดี   
แต่ครั้งนี้เราไม่ไหวแล้วจริงๆ  เราก็ตัดสินใจบอกโฮสเลยว่าขอรีแมชต์   หลังจากนั้นแฟนเราก็บอกเลิกเรา บอกว่าเราเข้ากันไม่ได้ Long distance ไม่เวิร์คหรอก     ณ ตอนนั้นก็รู้สึกว่า เลิกกันก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องลำบาก เจอกัน หรือคิดถึงกัน  อีกใจก็แบบมาบอกเลิกตอนที่เราต้องการเขามากที่สุดเนี่ยนะ (เราขอข้ามไปเรื่องอื่นเลยนะทุกคน ไม่มีเวลามาเสียใจกับเรื่องนี้ละ)

และเราก็messaged หา LCC ว่าเราจะรีแมชต์ LCC คือคนที่ช่วยเหลือให้คำปรึกษาเรา และเราก็จะต้องมี Meeting เดือนละ 1 ครั้งด้วยกัน  LCC บอกว่าถ้าจะรีแมชต์ทันทีเลยมันไม่ได้ จะต้องอยู่2อาทิตย์ ลองแก้ไขดูว่าปัญหามันจะดีขึ้นมั้ย   ซึ่งเราก็โอเค ก็รอไปสองอาทิตย์ ระหว่างรอก็ได้ทำงานปกติ  
โมเม้นดีๆมันก็มีเยอะนะคะทุกคน โฮสพาเราไปเที่ยว จัดวันเกิดให้ มีอะไรก็บอกกล่าวกัน แต่เราไม่รู้ว่าทำไมร้องไห้บ่อย และไม่มีความสุขเท่าที่ควร เดี่ยวเราจะแชร์รูปที่เราได้เที่ยวแต่ละที่ให้นะคะ 

รัฐ Missouri  (Dogwood Canyon Nature Park)
                      


Silver Dollar City

มีต่อ Part3 ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ชีวิตในต่างแดน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่