โบสถ์พระนางมารีแห่งไซออน (อังกฤษ: Church of Our Lady Mary of Zion; อามารา: ርዕሰ አድባራት ቅድስተ ቅዱሳን ድንግል ማሪያም ፅዮን Re-ese Adbarat Kidiste Kidusan Dingel Maryam Ts’iyon) เป็นโบสถ์ในคริสตจักรออร์โฑด็อกซ์เทวาเฮโดแบบเอธิโอเปีย ในประเทศเอธิโอเปีย โบสถ์นี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการอ้างว่า เป็นสถานที่เก็บรักษาของหีบแห่งพันธสัญญาในปัจจุบัน โบสถ์ตั้งอยู่ในเมืองอะซุม, ภูมิภาคติกรัย เชื่อกันว่าโบสถ์หลังเดิม สร้างขึ้นรัชสมัยของเอซานา ผู้ปกครองแรกของอาณาจักรอะซุม (ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของประเทศเอริเทรีย และ เอธิโอเปีย) ที่เป็นคริสต์ชน ในศตวรรษที่ 4 นับจากนั้น ได้มีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นอีก
สถานที่แห่งนี้ เป็นที่ประกอบพิธีราชาภิเษก ของจักรพรรดิเอธิโอเปียมาแต่เดิม และจะได้รับนามกล่าวเรียกเป็น "Atse" หลังเข้าร่วมพิธีที่อะซอนนี้
ตามธรรมเนียมเชื่อกันว่า หีบแห่งพันธสัญญา มาถึงยังเอธิโอเปีย หลังเมเนลิกที่หนึ่ง เดินทางไปเยี่ยมบิดา โซโลมอน มีเพียงนักบวชองครักษ์เท่านั้น ที่จะสามารถชื่นชมหีบแห่งพันธสัญญาได้ อย่างไรก็ตาม ความไม่ประติดประต่อของตำนาน และการขาดเอกสารที่ยืนยันเพียงพอเป็นหลักฐาน ทำให้มีนักวิชาการเอธิโอเปีย และด้านคริสต์ศาสนาหลายคน ตั้งข้อสงสัยถึงความแท้จริง ของหีบแห่งพันธสัญญา ที่มีการอ้างว่าเก็บรักษาอยู่ที่นี่ พบเอกสารเก่าแก่ที่สุด ที่แสดงความเคลือบแคลงใจนี้ ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 15 นักบวชองครักษ์ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลหีบแห่งพันธสัญญา จะต้องอยู่รับใช้ และจองจำในอาราม ที่เก็บรักษาหีบแห่งพันธสัญญาไปตลอดชีวิต มีหน้าที่ในการสวดบูชา และประพรมกำยานให้แก่หีบ
จากบทสัมภาษณ์ในปี 1992 อดีตศาสตราจารย์ด้านเอธิโอเปีย ศึกษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ศ.เอ็ดเวิร์ด อุลเลินดอร์ฟฟ์ระบุว่า เขาเคยได้มีโอกาสเข้าไปตรวจสอบตัวหีบแห่งพันธสัญญาของโบสถ์ เมื่อปี 1941 ขณะเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพอังกฤษ เขาอธิบายลักษณะของหีบว่า "เป็นกล่องไม้ แต่ข้างในว่างเปล่า สร้างขึ้นในยุคกลางหรือหลังยุคกลาง ที่ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ (ad hoc)"
โบสถ์พระนางมารีแห่งไซออน เป็นสถานที่ที่มีการอ้างว่า เป็นที่เก็บรักษาของหีบแห่งพันธสัญญาในปัจจุบัน
หีบแห่งพันธสัญญา หรือ หีบแห่งพระบัญญัติ (อังกฤษ: Ark of the Covenant; ฮีบรู: אָרוֹן הַבְּרִית ʾĀrôn Habbərît, ออกเสียง อะรอน ฮะบริท; กรีก: Κιβωτός της Διαθήκης; อาหรับ: تابوت العهد) เป็นหีบที่กล่าวถึงในหนังสืออพยพ บรรจุแผ่นศิลาพระโอวาท ที่ได้สลักบัญญัติ 10 ประการเอาไว้ และใน จดหมายถึงชาวฮีบรูระบุว่า
"หีบพันธสัญญา หุ้มด้วยทองคำทุกด้าน ภายในนั้น มีโถทองคำบรรจุมานา มีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญา"
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 ได้บันทึกไว้ว่า ในยุคของมหากษัตริย์ซาโลมอน หีบแห่งพันธสัญญาบรรจุไว้แค่ แผ่นศิลาพระบัญญัติ จำนวนสองแผ่นเท่านั้น หนังสืออพยพ ยังอธิบายว่า หีบแห่งพันธสัญญา สร้างขึ้นรูปแบบที่พระยาห์เวห์ ทรงชี้แนะต่อโมเสส ที่ภูเขาซีนาย โมเสส สามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ จากพลับพลานมัสการ ซึ่งบรรจุหีบใบนี้ โดยพระเจ้าจะทรงประทับบนพระที่นั่งกรุณา ที่ทั้งสองข้างมีเครูบกางปีกปกไว้
(เครูบ (อังกฤษ: cherub (เอก.) cherubim (พหู.), ฮีบรู: כרוב, พหูพจน์ כרובים, ละติน: cherub[us], พหูพจน์ cherubi[m]) เป็นทูตสวรรค์ประเภทหนึ่ง ที่กล่าวถึงหลายครั้งในคัมภีร์ไบเบิล ในภาษาอังกฤษ ปัจจุบันคำนี้มักจะใช้เรียกเทวดาเด็กๆ ที่ปรากฏในงานศิลปะ ซึ่งตามความหมายทางการแล้ว แตกต่างจาก “เครูบ” ในบทความนี้
มีบรรยายว่าเครูบมีปีก ผู้เผยพระวจนะ บรรยายไว้ในคัมภีร์เอเสเคียลว่า เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิต (creature) ที่แต่ละตนมีหน้าสี่หน้า: สิงโต, วัว, เหยี่ยว และมนุษย์ และเชื่อกันว่า มีมือเหมือนมนุษย์, เท้าเหมือนวัว, และมีปีกสี่ปีก สองปีกตั้งขึ้นประกบกัน และแบกบัลลังก์พระเจ้า อีกสองปีกหลุบลง ปิดบังร่างของตนเอง
เครูบมีกล่าวถึงในคัมภีร์ฮิบรูในโทราห์ (หนังสือห้าเล่มของโมเสส) พระธรรมเอเสเคียล และพระธรรมอิสยาห์ ในพันธสัญญาใหม่ของคริสต์ศาสนา กล่าวถึงเครูบในพระธรรมวิวรณ์
พหูพจน์ของคำว่า “Cherub” คือ “Cherubim” หรือ “Cherubs” แต่ผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่มีความคุ้นเคยกับพหูพจน์ของภาษาฮิบรู บางครั้งจึงใช้ “Cherubims” ในกรณีที่เป็นพหูพจน์ เช่นในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพระเจ้าเจมส์ (King James Bible))
คัมภีร์ไบเบิลระบุว่า ราวหนึ่งปี ภายหลังชนชาวอิสราเอล ได้อพยพจากอียิปต์ ก็ได้สร้างตัวหีบขึ้นตามรูปแบบที่พระเจ้าตรัสไว้ผ่านโมเสส ในระหว่างที่พวกเขาตั้งค่ายที่เชิงเขาซีนาย (ตรงกับ 1513 ปีก่อนคริสตกาล) ต่อมา ปุโรหิตเผ่าเลวี หามหีบแห่งพันธสัญญา นำขบวนอพยพของชนชาวอิสราเอล ทิ้งระยะห่าง 2,000 ศอก ทันทีที่เท้าของปุโรหิต ผู้หามหีบแตะผิวน้ำของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งอยู่ในฤดูน้ำหลาก สายน้ำก็แยกออกจากกัน จนเหลือพื้นแห้ง ให้ขบวนอพยพเดินทางข้ามไปได้
เมื่อการมหัศจรรย์นี้แพร่กระจายออกไป ทำให้เหล่ากษัตริย์ชาวอาโมไรต์ทั้งหมด ทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และกษัตริย์ชาวคานาอันทั้งหมด ตามชายฝั่งทะเล ต่างเกรงกลัวในอำนาจของพระเจ้า ประตูเมืองเยรีโค ถูกสั่งปิดตาย เนื่องจากเกรงกลัวชาวอิสราเอล พระเจ้าตรัสกับโยชูวา ให้ปุโรหิต หามหีบเดินขบวนรอบเมือง วันละหนึ่งรอบ เป็นเวลาหกวัน และหามวนเจ็บรอบในวันที่เจ็ดพร้อมเป่าเขาแกะ เมื่อครบเจ็ดรอบ ชาวอิสราเอล ก็ส่งเสียงโห่ร้อง และกำแพงของเมืองเยรีโค ก็พังทลายลงมา กองทัพของชาวอิสราเอลบุกเข้าเมือง เข่นฆ่าทุกคนไม่เว้น ชาย หญิง คนชรา เด็ก สัตว์เลี้ยง และเผาเมืองจนพินาศสิ้น
ในหนังสืออพยพ บทที่ 25 พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสว่า
"ให้พวกเขาทำหีบใบหนึ่ง ด้วยไม้กระถินเทศ ยาว 110 เซนติเมตร กว้าง 66 เซนติเมตร และสูง 66 เซนติเมตร เจ้าจงหุ้มหีบนั้นด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งด้านในและด้านนอก แล้วจงทำขอบด้วยทองคำล้อมรอบหีบนั้น เจ้าจงหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงสำหรับหีบนั้นติดไว้ที่มุมทั้งสี่ ด้านนี้สองห่วง และด้านนั้นสองห่วง ให้ทำคานหามด้วยไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ แล้วสอดคานหามเข้าที่ห่วงข้างหีบ สำหรับใช้ยกหามหีบนั้น ไม้คานหามให้สอดไว้ในห่วงของหีบ ห้ามถอดออก เจ้าจงเก็บพระโอวาท ที่เราจะให้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น แล้วเจ้าจงทำพระที่นั่งกรุณา ด้วยทองคำบริสุทธิ์ยาว 110 เซนติเมตร กว้าง 66 เซนติเมตร เจ้าจงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ค้อนเป็นเครื่องมือทำ และตั้งไว้ที่ปลายทั้งสองข้างของพระที่นั่งกรุณา เจ้าจงทำเครูบไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป และให้เครูบ ติดเป็นเนื้อเดียวกับปลายทั้งสองข้าง ของพระที่นั่งกรุณา ให้เครูบกางปีกขึ้นสูง ปกพระที่นั่งกรุณาไว้ และให้หันหน้าเข้าหากัน โดยหน้าของเครูบ มองตรงมายังพระที่นั่งกรุณา แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงเก็บพระโอวาท ซึ่งเราจะให้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น เราจะพบกับเจ้า ณ ที่นั้น คือที่เหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างกลางเครูบ ซึ่งอยู่บนหีบแห่งสักขีพยาน และเราจะบอกกับเจ้าทุกสิ่ง ที่เราจะสั่งเจ้าให้ประกาศ แก่ชนชาติอิสราเอล"
มีสมมติฐานว่า หีบแห่งพันธสัญญา ที่จริงนั้นมีอยู่สองใบ คือ ใบดั้งเดิม กับใบที่สร้างขึ้นทีหลัง พระราชินีแห่งชีบา เป็นมเหสีของซาโลมอน โอรสของพระนาง จะต้องกลับไปครองเอธิโอเปีย ตำนานว่าโอรสของพระนาง ได้นำหีบใบหนึ่งกลับไปด้วย กษัตริย์ซาโลมอน อาจสร้างหีบแห่งพันธสัญญา ขึ้นมาอีกใบในเหตุการณ์นี้ ซึ่งไม่อาจทราบว่า หีบใบที่เจ้าชายเมเนเลก นำไปยังเอธิโอเปียนั้น เป็นหีบใบจริงหรือใบที่สร้างขึ้นมาทีหลัง
อย่างไรก็ตาม 587 ปีก่อนคริสตกาล ในคราวที่กองทัพบาบิโลเนีย บุกเข้าทำลายเยรูซาเลม และวิหารซาโลมอน อันเป็นที่ประดิษฐานของหีบแห่งพันธสัญญา ในหนังสือพงศ์กษัตริย์นั้น มีบัญชีสิ่งของ ที่พวกบาบิโลนนำกลับออกไปด้วยอยู่ ก็ไม่ปรากฏว่า มีหีบใบนี้ อยู่ในบัญชีดังกล่าวแต่อย่างใด แม้แต่พงศาวดารอิสราเอลอื่นๆ ก็ไม่ระบุถึงหีบในเหตุการณ์นี้เช่นกัน แต่เรื่องของหีบนี้ กลับไปปรากฏอยู่ในหนังสือเอสดราส ฉบับที่ 1ของกรีก ซึ่งระบุไว้ว่า
"...แลพวกเขา ก็ยึดเอาบรรดาภาชนะศักดิ์สิทธิ์ ของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่เสียหมดสิ้น พร้อมทั้งภาชนะหีบแห่งพระเจ้า ตลอดจนทรัพย์สมบัติ แลเอาไปยังบาบิโลน"
—หนังสือเอสดราส ฉบับที่ 1 บรรทัดที่ 54
อย่างไรก็ตาม มีนักโบราณคดี และนักวิชาการบางส่วนเห็นว่า เป็นไปได้ยาก ที่จะไม่หลงเหลือหลักฐานใดเลย หากหีบ ถูกนำไปยังบาบิโลนจริง ดังนั้น หีบน่าจะถูกนำออกจากเยรูซาเลมไปแล้ว ก่อนเมืองถูกโจมตี โดยผ่านอุโมงค์ใต้เยรูซาเลม ออกไปนอกกำแพงเมือง ทั้งนี้ มีการพบบันทึกพาไพรัสในอียิปต์ ซึ่งเขียนราวๆ 400 ปีก่อนคริสตกาล ในบันทึกระบุว่า มีการสร้างวิหารสำหรับพระเจ้าของพวกยิว ในเกาะทางภาคใต้ของอียิปต์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า เหล่าปุโรหิต สามารถนำหีบหนีออกมาได้ถึงเกาะนี้ และวิหารแห่งนี้ สร้างเพื่อเก็บรักษาหีบ ถ้าเป็นเช่นนั้น หีบอาจจะเคยอยู่ที่อียิปต์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในอียิปต์ จะทำให้ชาวยิวเหล่านี้ต้องออกจากอียิปต์ และจุดหมายปลายทาง ที่พวกเขาน่าจะเดินทางต่อไปคือเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระราชินีแห่งชีบา มเหสีของกษัตริย์ซาโลมอน โดยการล่องเรือทวนแม่น้ำไนล์ ซึ่งก็มีการพบชุมชนชาวคริสต์เก่าแก่ บริเวณทะเลสาบต้นสาขา ของแม่น้ำไนล์ในเอธิโอเปีย และในบรรดาสมบัติเก่าแก่ ก็พบเครื่องใช้โบราณของอิสราเอล ที่มีอายุกว่าสองพันปี
โบสถ์เซนต์แมรี่แห่งไซออน, เอธิโอเปีย