คำถามแบบสั้นๆสำหรับคนไม่อยากอ่านเนื้อหา
หากเกิดสงครามใหญ่ขึ้น เราจะเป็นกลางหรือเลือกข้าง
เป็นกลางอย่างไรให้รอดหากถูกรุกล้ำ
เลือกข้าง เลือกข้างไหนให้เจ็บน้อยที่สุด
สงครามโลกครั้งที่ 2 ชาติที่เป็นกลางอย่างเบลเยียม ยับเยินราบคาบ เพราะเป็นกลางแต่ ไม่มีกำลังรับมือ
สวตเซอร์แลนด์ วางตัวเป็นกลาง แต่ มีภูมิประเทศได้เรปียบ กองกำลังแข็งแกร่ง และเป็นแหล่งเก็บเงิน ทรัพย์สมบัติของนานาประเทศ วางตัวเป็นกลางได้อย่างแข็งแรง
ไทย.. หากเกิดสงคราม การกระทบกระทั่งใดๆ เรา"ควร" วางตัวเป็นกลางหรือไม่ และหากเราวางตัวเป็นกลาง เราจะ"แข็งแกร่ง" พอที่จะเ)็นกลางได้หรือเปล่า?
ทางด้านเศรษฐกิจ เราสามารถวางตัวเป็นกลางทางเศรษฐกิจ การค้า ได้หรือไม่หากเกิดภาวะสงคราม เราจะเป็นกลางแบบ ค้าขายกับทั้งสองฝ่าย หรือ กลายเ)็นว่า เราต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทให้รอด เพราะ ไม่มีใครนับเราเป็นฝ่ายด้วย และไม่ทำการค้ากับเรา
ทางด้านยุทธศาสตร์ การทหาร เรา มีกำลังพอที่จะแสดงตัวเป็นกลางได้หรือไม่ เป็นกลางคือ ไม่ไปช่วยใคร ไม่ยุ่งกับใคร แต่หากใครมายุ่ง มาผ่าน มาล้ำ เรา มีดีพอที่จะไล่เค้าออกจากบ้านเราได้ ครึ่งบนเราถูกล้อมไว้ด้วยพันธมิตรของจีน ครึ่งล่างเราอยู่ชิดกับพันธมิตรของโลกตะวันตก ด้านเหนือเราห่างจีนเพียงนิดเดียว ฝั่งตะวันตก อินเดียก็ไกลไปไม่มากและทะเลอันดามันคือยุทธศาสตร์ ทางใต้ ออสเตรเลียมหามิตรแห่งสหรัฐฯ ที่เฝ้าดูแล"กำแพงโลกเสรี" อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ต่อเนื่องคุมทะเลจีนใต้อยู่
มาถึงจุดนี้ ที่เราไม่สามารถสั่งซื้อ เอฟ35 ได้ แต่ยังมีสิทธิสั่งซื้อกริปเพน ในขณะที่ยุทธภัณฑ์ปืนใหญ่ ยานเกราะมากมายตอนนี้เป็นจากค่ายจีน มันบ่งบอกอะไรกลายๆมั้ยว่าเราได้เลือกข้างไปแล้ว
สงครามโลกครั้งที่ 1
จริงๆเราแทบไม่ต้องมีความพยายามใดๆเข้าไปร่วม ไปเลือกข้าง เราอยู่เฉยๆก็ไม่เสียหาย แต่ด้วยพระอัจฉรียภาพของในหลวง และ ฝ่ายบริหารในเวลานั้น เราเลือกข้าง เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อสิทธิประโยชน์ เพื่อเสียงของเราในเวทีโลก เพื่อปกป้องบ้านตัวเองจากมหาอำนาจยุโรปในทางอ้อม และเราเลือกข้างได้ถูก ถูกเวลา เราคือผู้ชนะสงครามกับฝ่ายที่ชนะสงคราม
สงครามดลกครั้งที่ 2
เราคงไม่อยากเลือกฝั่ง แต่ดูเหมือนในเวลานั้น รัฐบาลเอนเอียงไปทางฝ่ายอักษะเป็นทุนอยู่แล้ว เพราะฝรั่งเศสย่อยยับไปแล้ว ญี่ปุ่นก็กำลังสำแดงพลังไล่ยึดเข้าพื้นที่ประเทศอาณานิคมของยุโรปไปเรื่อยๆ แล้วพอเราถูกบีบให้ต้องเลือก จากการเข้าสู่ไทยของกองทัพพระจักพรรดิ์ เราก็ประกาศเลือกข้างอย่างรวดเร็ว เป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ แต่ก็วางหมากลับๆลมๆเอาไว้ ทั้ง ความพยายามในการถ่วงเวลาของ จอมพล ป. ที่หนีหน้าหายไปช่วงแรกๆ กับความพยายามในการต่อสู้ของเสรีไทย หรือนี่คือวิถี"เป็นกลาง" แบบของเรา นั่นคือ ประกาศตัวอยู่กับฝ่ายนี้ แต่ดำเนินการต่อสู้แบบใต้ดินกับฝ่ายนั้น เป็นที่มาของ "สยามมิสต์ทอล์ก" แม้แต่ชื่อชาติของเรา ยังกลายเป็น คำเรียก หัวดับเพลิงสองหัว (ที่จริงๆอาจมาจากแฝดสยาม อิน-จัน ไม่ใช่เรื่องการเมือง)
แต่ก็น่าคิดว่า หากมีการรุกรานจากสงครามใหญ่ครั้งใหม่ เราจะแกร่งพอที่จะต้านรับมันเพื่อ ยืนยันจุดยืนของความเป็นกลางได้หรือไม่ หากฝ่ายโลกเสรีต้องการใช้ประเทศเราเป้นฐานพักกำลัง เพื่อตรึงจีนทางทิศใต้เอาไว้ เราจะยินยอมหรือไม่ หากยินยอม เราก็ถูกมองทันทีว่า "เลือกฝ่าย" และแน่นอนว่า พันธมิตรจีนรอบบ้านเรา คงได้รับการสนับสนุนจากจีน ให้พยายามโจมตีฐานกำลังของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ซึ่ง คำถามตรงนี้คือ เรา แกร่งพอจะเอาอยู่มั้ย หาก ลาว กัมพูชา พม่า ประกาศเลือกฝ่าย และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา รูปแบบสงครามจะเ)็นอย่างไร? ประเทศรอบๆนี้ มีใครมีศักยภาพการรบทางอากาศ ที่จะทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์ฐานสหรัฐฯและยูเอ็นได้บ้าง หรือ เป็นความพยายามรุกรานทางบกรอบๆแนวชายแดน คล้ายๆที่รัสเซียเข้ายูเครน ใช้ขีปนาวุธ และปืนใหญ่ รถถังเข้าพื้นที่
หรือในทางกลับกัน หากจีน อยากใช้ไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์ เพื่อเปิดแนวรบแปซิฟิกใต้ และ ยันแนวรบฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เราจะยอมเป็นทางผ่าน และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนบ้านของเรา เปิดฉากซัดกับ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ อินเดีย รวมถึง อสสเตรเลีย ได้มั้ย รูปแบบการรบ จะเป็นแบบไหน เ)็นการรบทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ ใช้กำลังทางอากาศกดดัน ป้องกัน และตรึงน่านน้ำเอาไว้ และป้องกันการรุกรานจากมาเลเซียทางบก ให้ได้มากที่สุด เรามีกำลังรบทางทะเล แข็งแกร่ง ดีพอ ที่จะเปิดฉากสงครามทางทะเลทั้งสองฝั่งเลยหรือเปล่า?
แล้วถ้าเรา"เป้นกลาง" อย่างที่อยากเป็นจริงๆ สุดท้ายแล้ว ฝ่ายไหน จะกดดัน ขอผ่าน ขอใช้พื้นที่ของเรา หรือ ก็คือการรุกรานทางอ้อมนั่นแหละ ฝ่ายไหนจะเปิดก่อน เพราะด้วยความสามารถของเรา ฝ่ายที่เปิดก่อน มีแนวโน้มสูงมากว่าจะได้เราเป็นพันธมิตร เพราะ พอเรายันไม่อยู่ เราก็จะยินยอมร่วมกับฝ่ายนั้นในที่สุด ซึ่ง เชื่อว่า ในครั้งนี้ แผน"สยามมิตร" คงใช้ไม่ได้เป็นครั้งที่สอง ต่อให้มีเสรีไทย แต่เชื่อว่า นานาชาติคงรู้แล้ว และไม่ยอมให้เรากลับด้านได้หากพลาดพลั้งเข้าผิดข้าง
ไทย "เลือกข้าง" เก่งมาเสมอ แม้พลาดก็ยังพลิกกลับได้ เราแสดงตัวชัดเจนอยู่ข้างโลกเสรีมาตลอด ร่วมกับยูเอ็น เราต้านการคืบคลานของสังคมนิยมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังส่งทหารรับจ้างไปร่วมรบ เราส่งการสนับสนุนไปยังสมรภูมิต่างๆของสงครามยุคใหม่ แต่ เราหันมาพยายามวางตัว"เป็นกลาง" ในช่วงทศวรรษหลังมานี้
การเป็นกลางนี้ มันจะดีจริงๆแล้วหรือ
ไทยวางตัวเป็นกลาง หากเกิดสงคราม เราจะเ)็นกลางแล้วดีจริงๆมั้ย?
หากเกิดสงครามใหญ่ขึ้น เราจะเป็นกลางหรือเลือกข้าง
เป็นกลางอย่างไรให้รอดหากถูกรุกล้ำ
เลือกข้าง เลือกข้างไหนให้เจ็บน้อยที่สุด
สงครามโลกครั้งที่ 2 ชาติที่เป็นกลางอย่างเบลเยียม ยับเยินราบคาบ เพราะเป็นกลางแต่ ไม่มีกำลังรับมือ
สวตเซอร์แลนด์ วางตัวเป็นกลาง แต่ มีภูมิประเทศได้เรปียบ กองกำลังแข็งแกร่ง และเป็นแหล่งเก็บเงิน ทรัพย์สมบัติของนานาประเทศ วางตัวเป็นกลางได้อย่างแข็งแรง
ไทย.. หากเกิดสงคราม การกระทบกระทั่งใดๆ เรา"ควร" วางตัวเป็นกลางหรือไม่ และหากเราวางตัวเป็นกลาง เราจะ"แข็งแกร่ง" พอที่จะเ)็นกลางได้หรือเปล่า?
ทางด้านเศรษฐกิจ เราสามารถวางตัวเป็นกลางทางเศรษฐกิจ การค้า ได้หรือไม่หากเกิดภาวะสงคราม เราจะเป็นกลางแบบ ค้าขายกับทั้งสองฝ่าย หรือ กลายเ)็นว่า เราต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทให้รอด เพราะ ไม่มีใครนับเราเป็นฝ่ายด้วย และไม่ทำการค้ากับเรา
ทางด้านยุทธศาสตร์ การทหาร เรา มีกำลังพอที่จะแสดงตัวเป็นกลางได้หรือไม่ เป็นกลางคือ ไม่ไปช่วยใคร ไม่ยุ่งกับใคร แต่หากใครมายุ่ง มาผ่าน มาล้ำ เรา มีดีพอที่จะไล่เค้าออกจากบ้านเราได้ ครึ่งบนเราถูกล้อมไว้ด้วยพันธมิตรของจีน ครึ่งล่างเราอยู่ชิดกับพันธมิตรของโลกตะวันตก ด้านเหนือเราห่างจีนเพียงนิดเดียว ฝั่งตะวันตก อินเดียก็ไกลไปไม่มากและทะเลอันดามันคือยุทธศาสตร์ ทางใต้ ออสเตรเลียมหามิตรแห่งสหรัฐฯ ที่เฝ้าดูแล"กำแพงโลกเสรี" อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ต่อเนื่องคุมทะเลจีนใต้อยู่
มาถึงจุดนี้ ที่เราไม่สามารถสั่งซื้อ เอฟ35 ได้ แต่ยังมีสิทธิสั่งซื้อกริปเพน ในขณะที่ยุทธภัณฑ์ปืนใหญ่ ยานเกราะมากมายตอนนี้เป็นจากค่ายจีน มันบ่งบอกอะไรกลายๆมั้ยว่าเราได้เลือกข้างไปแล้ว
สงครามโลกครั้งที่ 1
จริงๆเราแทบไม่ต้องมีความพยายามใดๆเข้าไปร่วม ไปเลือกข้าง เราอยู่เฉยๆก็ไม่เสียหาย แต่ด้วยพระอัจฉรียภาพของในหลวง และ ฝ่ายบริหารในเวลานั้น เราเลือกข้าง เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อสิทธิประโยชน์ เพื่อเสียงของเราในเวทีโลก เพื่อปกป้องบ้านตัวเองจากมหาอำนาจยุโรปในทางอ้อม และเราเลือกข้างได้ถูก ถูกเวลา เราคือผู้ชนะสงครามกับฝ่ายที่ชนะสงคราม
สงครามดลกครั้งที่ 2
เราคงไม่อยากเลือกฝั่ง แต่ดูเหมือนในเวลานั้น รัฐบาลเอนเอียงไปทางฝ่ายอักษะเป็นทุนอยู่แล้ว เพราะฝรั่งเศสย่อยยับไปแล้ว ญี่ปุ่นก็กำลังสำแดงพลังไล่ยึดเข้าพื้นที่ประเทศอาณานิคมของยุโรปไปเรื่อยๆ แล้วพอเราถูกบีบให้ต้องเลือก จากการเข้าสู่ไทยของกองทัพพระจักพรรดิ์ เราก็ประกาศเลือกข้างอย่างรวดเร็ว เป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ แต่ก็วางหมากลับๆลมๆเอาไว้ ทั้ง ความพยายามในการถ่วงเวลาของ จอมพล ป. ที่หนีหน้าหายไปช่วงแรกๆ กับความพยายามในการต่อสู้ของเสรีไทย หรือนี่คือวิถี"เป็นกลาง" แบบของเรา นั่นคือ ประกาศตัวอยู่กับฝ่ายนี้ แต่ดำเนินการต่อสู้แบบใต้ดินกับฝ่ายนั้น เป็นที่มาของ "สยามมิสต์ทอล์ก" แม้แต่ชื่อชาติของเรา ยังกลายเป็น คำเรียก หัวดับเพลิงสองหัว (ที่จริงๆอาจมาจากแฝดสยาม อิน-จัน ไม่ใช่เรื่องการเมือง)
แต่ก็น่าคิดว่า หากมีการรุกรานจากสงครามใหญ่ครั้งใหม่ เราจะแกร่งพอที่จะต้านรับมันเพื่อ ยืนยันจุดยืนของความเป็นกลางได้หรือไม่ หากฝ่ายโลกเสรีต้องการใช้ประเทศเราเป้นฐานพักกำลัง เพื่อตรึงจีนทางทิศใต้เอาไว้ เราจะยินยอมหรือไม่ หากยินยอม เราก็ถูกมองทันทีว่า "เลือกฝ่าย" และแน่นอนว่า พันธมิตรจีนรอบบ้านเรา คงได้รับการสนับสนุนจากจีน ให้พยายามโจมตีฐานกำลังของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ซึ่ง คำถามตรงนี้คือ เรา แกร่งพอจะเอาอยู่มั้ย หาก ลาว กัมพูชา พม่า ประกาศเลือกฝ่าย และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา รูปแบบสงครามจะเ)็นอย่างไร? ประเทศรอบๆนี้ มีใครมีศักยภาพการรบทางอากาศ ที่จะทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์ฐานสหรัฐฯและยูเอ็นได้บ้าง หรือ เป็นความพยายามรุกรานทางบกรอบๆแนวชายแดน คล้ายๆที่รัสเซียเข้ายูเครน ใช้ขีปนาวุธ และปืนใหญ่ รถถังเข้าพื้นที่
หรือในทางกลับกัน หากจีน อยากใช้ไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์ เพื่อเปิดแนวรบแปซิฟิกใต้ และ ยันแนวรบฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เราจะยอมเป็นทางผ่าน และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนบ้านของเรา เปิดฉากซัดกับ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ อินเดีย รวมถึง อสสเตรเลีย ได้มั้ย รูปแบบการรบ จะเป็นแบบไหน เ)็นการรบทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ ใช้กำลังทางอากาศกดดัน ป้องกัน และตรึงน่านน้ำเอาไว้ และป้องกันการรุกรานจากมาเลเซียทางบก ให้ได้มากที่สุด เรามีกำลังรบทางทะเล แข็งแกร่ง ดีพอ ที่จะเปิดฉากสงครามทางทะเลทั้งสองฝั่งเลยหรือเปล่า?
แล้วถ้าเรา"เป้นกลาง" อย่างที่อยากเป็นจริงๆ สุดท้ายแล้ว ฝ่ายไหน จะกดดัน ขอผ่าน ขอใช้พื้นที่ของเรา หรือ ก็คือการรุกรานทางอ้อมนั่นแหละ ฝ่ายไหนจะเปิดก่อน เพราะด้วยความสามารถของเรา ฝ่ายที่เปิดก่อน มีแนวโน้มสูงมากว่าจะได้เราเป็นพันธมิตร เพราะ พอเรายันไม่อยู่ เราก็จะยินยอมร่วมกับฝ่ายนั้นในที่สุด ซึ่ง เชื่อว่า ในครั้งนี้ แผน"สยามมิตร" คงใช้ไม่ได้เป็นครั้งที่สอง ต่อให้มีเสรีไทย แต่เชื่อว่า นานาชาติคงรู้แล้ว และไม่ยอมให้เรากลับด้านได้หากพลาดพลั้งเข้าผิดข้าง
ไทย "เลือกข้าง" เก่งมาเสมอ แม้พลาดก็ยังพลิกกลับได้ เราแสดงตัวชัดเจนอยู่ข้างโลกเสรีมาตลอด ร่วมกับยูเอ็น เราต้านการคืบคลานของสังคมนิยมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังส่งทหารรับจ้างไปร่วมรบ เราส่งการสนับสนุนไปยังสมรภูมิต่างๆของสงครามยุคใหม่ แต่ เราหันมาพยายามวางตัว"เป็นกลาง" ในช่วงทศวรรษหลังมานี้
การเป็นกลางนี้ มันจะดีจริงๆแล้วหรือ