ต่อจาก EP2 ทุกครั้งที่พิมพ์อักษรไป สมองและหัวใจผมคิดถึงเธอเสมอ..
15 มิถุนายน
เธอขอลาป่วย โอเค เราไม่มีทางไม่อนุญาตหรอกนะ เพราะเราตกลงกันก่อนหน้าแล้วว่าจะลา ก็แอบแซวเธอไป
“ปวดหัวนะ ให้ตรงกันละ”
“อิอิ” เธอตอบมาราวๆ ห้าทุ่มแล้ว ช่วงเธอหยุด ผมก็ไม่กล้าทักไปรบกวนอะไรเธอหรอก
เช้าวันทำงานวันจันทร์ เธอดูแปลกไป จากที่เงียบอยู่แล้ว กลับนิ่งเงียบไปอีก และผมสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างไม่ปกติ อาจเพราะผมสังเกตเธอในทุกวัน ทีนี้ก็เป็นภาระของผมที่เป็นหัวหน้า ต้องหาปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศในที่ทำงานอึดอัด ผมสงสัยและถามทีมงานว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงที่ผมลาเช้าหรือเปล่า ก็ไม่มีใครทราบเลย อาการของเธอรบกวนใจผมไม่หยุดเลย ทั้งอยากรู้ทั้งเป็นห่วง บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ทั้งวันจนเลิกงาน
ตกดึกผมอดที่จะทักถามเธอไม่ได้จริงๆ
“ไม่สบายใจอะไรบอกได้นะ หรืออยากพักวันไหนบอก” ผมคิดคำพูดและพิมพ์ส่งไป
และแล้วเธอก็ไม่อ่าน จนเช้าใกล้เข้างาน จึงอ่านและตอบกลับมา
“ไม่มีอะไรจริงๆ จ้า” เธอตอบกลับมาตอนเช้าก่อนเข้างาน
การทำงานผ่านไปสองสามวัน บรรยากาศก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เรื่องสาเหตุผมคลาดเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องงานที่ทำประจำอยู่ อาจจะทำให้เธออึดอัดและไม่สบายใจ ก่อนที่จะนานไปกว่านี้ ผมเลยถามเธอไปว่า งานที่ทำอยู่ไม่โอเคใช่ไหม และอธิบายรายละเอียดงาน พร้อมบอกว่า ถ้าต้องการหมุนเวียนคนรับผิดชอบให้สบายใจขึ้นก็สามารถทำได้
ผมถามว่าเธอติดอะไรไหม โดยที่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่บอกมันอาจจะเยอะไปสำหรับเธอ
“ไม่ได้ติดอะไร แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมน้องต้องทำเยอะกว่าคนอื่นขนาดนั้น” นี่คือสิ่งที่เธอบอกผม
“ก็เราไม่บอกตรงๆ ละครับ” ผมเข้าใจ และจะหาวิธีเวียนคนให้ยุติธรรมกับเธอด้วย จริงๆ ผมก็รู้ เธออาจจะเป็นแบบนี้เพราะการทำงาน เพราะคน เธอเป็นคนเก่ง ขยัน แต่ไม่รู้อะไรหรือใครไปทำให้เธอเป็นแบบนี้
หลังจากนั้นผมก็เรียกประชุมทีมย่อยสามสี่คน เรื่องการหมุนเวียนตำแหน่งงานในแต่ละอาทิตย์ให้ลงตัว หลังจากนั้นก็คอยมอนิเตอร์ แต่เท่าที่สังเกต บางคนยังไม่ตกลงทำที่ประชุมไว้ เพราะวันจันทร์ผมลาด้วย และอีกวันเธอก็ลาไม่สบาย
วันถัดไปเธอยังไม่หายและไม่ติดต่อ ผมจึงขอโทรหาด้วยความเป็นห่วง เธอหลับเพราะกินยาไป ไม่สบายหนักเลย ผมจึงให้เธอพักผ่อนไป
ถัดจากวันนั้น อยู่ดีๆ ซุปก็มาขอคุย ว่าคนนี้เป็นอะไร เขาทักมาหาพี่ว่าอยากทำงานคนเดียว ไม่ต่อมือ เราจึงร่วมกันแก้ปัญหาโดยให้เธอไปทำงานที่รับผิดชอบคนเดียว และผมก็ทักบอกเธออีกครั้งว่า ถ้ามีอะไรบอกได้เสมอ
“เป็นไงบ้างกับ product ใหม่ โอเคไหม?” หลังจากนั้นอีกวันผมก็สอบถามเธอ
“ก็ง่ายกว่าไม่มากมาย” เธอตอบกลับมา
“โอเค ดีละ” ค่อยสบายใจหน่อย
สำหรับผม เวลาเธอสบายใจ เธอจะทำงานได้ดีมาก เธอจัดการงานของเธอเอง อาจจะไม่ตรงใจเพื่อนร่วมงาน แต่สำหรับผม มันก็ดีมากแล้ว เพราะลูกน้องบางคนของผม เขาก็มักจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ หน้าที่ของผมก็ต้องจัดการให้ลงตัว เพื่องานจะได้เดินต่อ
หลังจากที่เธอย้ายมาทำที่ใหม่ เราเริ่มคุยกันมากขึ้น
“ปวดท้องเมนจ้า ว่าจะเข้าสายอยู่ ไม่ไหวละ ลาป่วยนะจ๊ะวันนี้” ต้นเดือน ก.ค. เธอลาเพราะปวดท้อง
“ได้ค่ะ... กินยานะไม่ไหวอะ” ผมตอบกลับไปตามปกติ
“ดีขึ้นบ้างยัง กินยาด้วยนะ” ดึกมาผมก็ทักถามด้วยความเป็นห่วง
“ปวดๆ หายๆ จะชอบเป็นวันแรกไม่ก็วันสุดท้าย” เธอก็ตอบทันที
“บางคนบอกเพราะเริ่มแก่” แถมบ่นๆ มาด้วยนะ
“หืมม ใครบอกแก่ เดี้ยวเถอะ” ผมก็อดขำไม่ได้เลย
เราคุยกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในวันรุ่งเช้าผมก็ทักเธอไปอีกถามอาการป่วย
“ดีขึ้นยัง ลุกกินข้าวกินยาด้วยนะถ้ายังไม่หาย”
“ถ้าดีแล้วแต่ขี้เกียจล่ะ” เจ้าดื้อเอ้ย
“ฉายา เจ้าดื้อจริงๆ” ผมก็แอบยิ้มตลอด
“แต่ก็ขี้เกียจจริงๆ” ต้องลากลุกไหมเนี่ย
“พักผ่อน แล้วตื่นไปทำงานค่ะ” ผมทิ้งท้ายไว้
“ทำแมะ มันต้องตอบทุกข้อความเลยหรือยังไง?” เธอพูดมาแบบนี้คิดไงดีครับ?
“ขอโทษ” ผมขอโทษ อาจจะทำให้เธอรำคาญ
“ขอโทษทำไม?” เธอถามมา ผมก็ไม่ได้ตอบไปนะว่าทำไม
เธอมองผมออกแหละว่ารอเธออ่านหรือตอบอยู่ อย่างน้อยเธอก็แคร์ข้อความของผม
ผมเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน ไม่อยากให้เธอคิดมาก กลัวเธอจะอึดอัดไป
ผมเริ่มมีความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเป็นห่วง คิดมาก แต่ก็พยายามอยู่ในที่ของตัวเอง
EP4 next กระทู่...
ห้วงความคิดถึง EP3.
15 มิถุนายน
เธอขอลาป่วย โอเค เราไม่มีทางไม่อนุญาตหรอกนะ เพราะเราตกลงกันก่อนหน้าแล้วว่าจะลา ก็แอบแซวเธอไป
“ปวดหัวนะ ให้ตรงกันละ”
“อิอิ” เธอตอบมาราวๆ ห้าทุ่มแล้ว ช่วงเธอหยุด ผมก็ไม่กล้าทักไปรบกวนอะไรเธอหรอก
เช้าวันทำงานวันจันทร์ เธอดูแปลกไป จากที่เงียบอยู่แล้ว กลับนิ่งเงียบไปอีก และผมสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างไม่ปกติ อาจเพราะผมสังเกตเธอในทุกวัน ทีนี้ก็เป็นภาระของผมที่เป็นหัวหน้า ต้องหาปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศในที่ทำงานอึดอัด ผมสงสัยและถามทีมงานว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงที่ผมลาเช้าหรือเปล่า ก็ไม่มีใครทราบเลย อาการของเธอรบกวนใจผมไม่หยุดเลย ทั้งอยากรู้ทั้งเป็นห่วง บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ทั้งวันจนเลิกงาน
ตกดึกผมอดที่จะทักถามเธอไม่ได้จริงๆ
“ไม่สบายใจอะไรบอกได้นะ หรืออยากพักวันไหนบอก” ผมคิดคำพูดและพิมพ์ส่งไป
และแล้วเธอก็ไม่อ่าน จนเช้าใกล้เข้างาน จึงอ่านและตอบกลับมา
“ไม่มีอะไรจริงๆ จ้า” เธอตอบกลับมาตอนเช้าก่อนเข้างาน
การทำงานผ่านไปสองสามวัน บรรยากาศก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เรื่องสาเหตุผมคลาดเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องงานที่ทำประจำอยู่ อาจจะทำให้เธออึดอัดและไม่สบายใจ ก่อนที่จะนานไปกว่านี้ ผมเลยถามเธอไปว่า งานที่ทำอยู่ไม่โอเคใช่ไหม และอธิบายรายละเอียดงาน พร้อมบอกว่า ถ้าต้องการหมุนเวียนคนรับผิดชอบให้สบายใจขึ้นก็สามารถทำได้
ผมถามว่าเธอติดอะไรไหม โดยที่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่บอกมันอาจจะเยอะไปสำหรับเธอ
“ไม่ได้ติดอะไร แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมน้องต้องทำเยอะกว่าคนอื่นขนาดนั้น” นี่คือสิ่งที่เธอบอกผม
“ก็เราไม่บอกตรงๆ ละครับ” ผมเข้าใจ และจะหาวิธีเวียนคนให้ยุติธรรมกับเธอด้วย จริงๆ ผมก็รู้ เธออาจจะเป็นแบบนี้เพราะการทำงาน เพราะคน เธอเป็นคนเก่ง ขยัน แต่ไม่รู้อะไรหรือใครไปทำให้เธอเป็นแบบนี้
หลังจากนั้นผมก็เรียกประชุมทีมย่อยสามสี่คน เรื่องการหมุนเวียนตำแหน่งงานในแต่ละอาทิตย์ให้ลงตัว หลังจากนั้นก็คอยมอนิเตอร์ แต่เท่าที่สังเกต บางคนยังไม่ตกลงทำที่ประชุมไว้ เพราะวันจันทร์ผมลาด้วย และอีกวันเธอก็ลาไม่สบาย
วันถัดไปเธอยังไม่หายและไม่ติดต่อ ผมจึงขอโทรหาด้วยความเป็นห่วง เธอหลับเพราะกินยาไป ไม่สบายหนักเลย ผมจึงให้เธอพักผ่อนไป
ถัดจากวันนั้น อยู่ดีๆ ซุปก็มาขอคุย ว่าคนนี้เป็นอะไร เขาทักมาหาพี่ว่าอยากทำงานคนเดียว ไม่ต่อมือ เราจึงร่วมกันแก้ปัญหาโดยให้เธอไปทำงานที่รับผิดชอบคนเดียว และผมก็ทักบอกเธออีกครั้งว่า ถ้ามีอะไรบอกได้เสมอ
“เป็นไงบ้างกับ product ใหม่ โอเคไหม?” หลังจากนั้นอีกวันผมก็สอบถามเธอ
“ก็ง่ายกว่าไม่มากมาย” เธอตอบกลับมา
“โอเค ดีละ” ค่อยสบายใจหน่อย
สำหรับผม เวลาเธอสบายใจ เธอจะทำงานได้ดีมาก เธอจัดการงานของเธอเอง อาจจะไม่ตรงใจเพื่อนร่วมงาน แต่สำหรับผม มันก็ดีมากแล้ว เพราะลูกน้องบางคนของผม เขาก็มักจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ หน้าที่ของผมก็ต้องจัดการให้ลงตัว เพื่องานจะได้เดินต่อ
หลังจากที่เธอย้ายมาทำที่ใหม่ เราเริ่มคุยกันมากขึ้น
“ปวดท้องเมนจ้า ว่าจะเข้าสายอยู่ ไม่ไหวละ ลาป่วยนะจ๊ะวันนี้” ต้นเดือน ก.ค. เธอลาเพราะปวดท้อง
“ได้ค่ะ... กินยานะไม่ไหวอะ” ผมตอบกลับไปตามปกติ
“ดีขึ้นบ้างยัง กินยาด้วยนะ” ดึกมาผมก็ทักถามด้วยความเป็นห่วง
“ปวดๆ หายๆ จะชอบเป็นวันแรกไม่ก็วันสุดท้าย” เธอก็ตอบทันที
“บางคนบอกเพราะเริ่มแก่” แถมบ่นๆ มาด้วยนะ
“หืมม ใครบอกแก่ เดี้ยวเถอะ” ผมก็อดขำไม่ได้เลย
เราคุยกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในวันรุ่งเช้าผมก็ทักเธอไปอีกถามอาการป่วย
“ดีขึ้นยัง ลุกกินข้าวกินยาด้วยนะถ้ายังไม่หาย”
“ถ้าดีแล้วแต่ขี้เกียจล่ะ” เจ้าดื้อเอ้ย
“ฉายา เจ้าดื้อจริงๆ” ผมก็แอบยิ้มตลอด
“แต่ก็ขี้เกียจจริงๆ” ต้องลากลุกไหมเนี่ย
“พักผ่อน แล้วตื่นไปทำงานค่ะ” ผมทิ้งท้ายไว้
“ทำแมะ มันต้องตอบทุกข้อความเลยหรือยังไง?” เธอพูดมาแบบนี้คิดไงดีครับ?
“ขอโทษ” ผมขอโทษ อาจจะทำให้เธอรำคาญ
“ขอโทษทำไม?” เธอถามมา ผมก็ไม่ได้ตอบไปนะว่าทำไม
เธอมองผมออกแหละว่ารอเธออ่านหรือตอบอยู่ อย่างน้อยเธอก็แคร์ข้อความของผม
ผมเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน ไม่อยากให้เธอคิดมาก กลัวเธอจะอึดอัดไป
ผมเริ่มมีความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเป็นห่วง คิดมาก แต่ก็พยายามอยู่ในที่ของตัวเอง
EP4 next กระทู่...