จากที่เคยเขียนกระทู้ถึงการได้เจอเพื่อนเก่าซึ่งกลายเป็นคนไร้บ้านมาครั้งหนึ่งแล้ว
วันนี้เนื่องจากมีโปรกาแฟนางเงือก 1 แถม 1 ผมจึงเดินทางไปอุดหนุนซักหน่อย ก่อนเข้าไปในร้านกาแฟ เดินผ่านป้ายรถเมล์โดยเดินผ่านด้านหลังคนคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ที่ป้ายรถ ข้างตัวเขามีถุงพลาสติกขนาดใหญ่วางอยู่หลายใบ มองผ่านๆในถุงเหล่านั้นมีพวกแก้วพลาสติกและขวดพลาสติกต่างๆใส่อยู่เต็มไปหมด มองแล้วก็เข้าใจว่าคงจะเก็บเอาไปขาย
เดินผ่านเข้าไปในร้านกาแฟโดยยังไม่ได้คิดอะไร ซักพักหนึ่งเอะใจได้ว่า เมื่อก่อนหน้านี้เคยเจอเพื่อนที่เป็นคนไร้บ้านอยู่บริเวณนี้ ก็เลยวางหนังสือที่ถือมาเพื่อจะนั่งอ่านในร้านกาแฟไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับออกมาดูที่ป้ายรถเมล์
เมื่อเดินใกล้เข้าไปปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ คนที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ลักษณะค่อนข้างมอมแมมนั้น คือเพื่อนเก่าของผมคนนั้นนั่นเอง จึงเข้าไปทักทายสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งเค้าก็ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ ยังจำกันได้ ถามเพื่อนว่าสบายดีไหม เขาตอบว่า ไม่ค่อยสบาย...อาจจะหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ เพราะดูจากสภาพภายนอก เพื่อนไม่ได้บาดเจ็บ หรือมีอาการเจ็บป่วยแสดงให้เห็นแต่อย่างใด
จากที่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ เคยพูดคุยกันแล้วพอจะเข้าใจได้ว่าสภาพจิตใจลึกๆเหมือนบาดเจ็บจากเรื่องอะไรบางอย่างมา แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ กลัวจะไปรื้อฟื้นสิ่งที่เพื่อนไม่อยากพูดถึง
เพื่อนคนนี้ เรียนมัธยมด้วยกันมาในโรงเรียนชายล้วน ที่ถ้าพูดชื่อโรงเรียนออกไป ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก เป็นโรงเรียนชื่อดังของประเทศ นอกจากนี้เพื่อนยังจบปริญญาตรีสาขาการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย มีหลักฐานด้านการศึกษาจากในถุงพลาสติกใบใหญ่ ที่เขาใช้แทนกระเป๋าเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย เขาเคยหยิบจากถุงเก่าๆนั้นออกมาให้ผมดู
ในอดีตเคยทำงานอยู่ในธนาคารหลายธนาคารมาก่อน แต่วันนี้กลายเป็นคนที่ไม่มีแม้บ้านจะอยู่อาศัย
หรือจริงๆแล้วตัวเขาอาจต้องการชีวิตที่เรียบง่าย ที่เป็นอิสระแบบนี้ก็เป็นไปได้ อาจจะเบื่อโลกและสังคมจอมปลอมที่มีแต่การแก่งแย่ง คดโกงเอาเปรียบกัน และผมก็คิดเอาเองว่าเพื่อนก็อาจจะเคยตกเป็นเหยื่อของสังคมป่วยๆอย่างทุกวันนี้มาก่อน จนทำให้ต้องมาใช้ชีวิตในแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ถามเพื่อนว่า กินข้าวหรือยัง
เขาตอบว่า กินแล้ว กินข้าวกล่อง (คงหมายถึงได้รับแจกข้าวกล่องจากที่ไหนมาซักแห่ง)
นั่งคุยกันซักพัก ก่อนจะแยกตัวจากมา ก็ควักเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่มือให้เขา อย่างที่เคยเจอกันในครั้งก่อน หวังให้เขาได้กินอาหารดีๆ กินให้อิ่ม กินอย่างที่ตัวเองอยากกินซัก2-3มื้อ
ทีแรกเพื่อนปฏิเสธแล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เงินเราบ่อยๆ นายตั้งใจทำงานมาเหนื่อยๆ เก็บเอาไว้ใช้เองดีกว่า
ผมก็ได้แต่บอกเพื่อนว่า เราไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อย แล้วเงินจำนวนที่ผมตั้งใจให้ ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ได้ทำให้ผมลำบากหากผมจะใช้เงินจำนวนนี้เลี้ยงข้าวเพื่อนเก่าบ้างในโอกาสที่ได้เจอกัน ...เขาถึงได้ยอมรับเงินเอาไว้
แล้วเราก็ร่ำลากัน ผมเดินจากมา เข้าไปนั่งในร้านกาแฟราคาแพงร้านเดิม คิดถึงเพื่อนที่อยู่นอกกำแพงร้านไปไม่ไกล ว่าเย็นนี้ พรุ่งนี้เช้า เที่ยงวันพรุ่งนี้ เขาจะกินอะไร จะมีเงินที่ไหนไปซื้ออาหารหรือเปล่า
แต่ชีวิตที่เขาเป็น ก็คงเป็นชีวิตในแบบที่เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ไม่แน่ซักวันหนึ่งข้างหน้า ผมอาจจะไปมีชีวิตอย่างเพื่อนผมหรือเปล่าก็ไม่แน่
ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนครับ
วันนี้ได้เจอกับเพื่อนเก่า เพื่อนผมเป็นคนไร้บ้านอยู่ข้างถนนครับ
วันนี้เนื่องจากมีโปรกาแฟนางเงือก 1 แถม 1 ผมจึงเดินทางไปอุดหนุนซักหน่อย ก่อนเข้าไปในร้านกาแฟ เดินผ่านป้ายรถเมล์โดยเดินผ่านด้านหลังคนคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ที่ป้ายรถ ข้างตัวเขามีถุงพลาสติกขนาดใหญ่วางอยู่หลายใบ มองผ่านๆในถุงเหล่านั้นมีพวกแก้วพลาสติกและขวดพลาสติกต่างๆใส่อยู่เต็มไปหมด มองแล้วก็เข้าใจว่าคงจะเก็บเอาไปขาย
เดินผ่านเข้าไปในร้านกาแฟโดยยังไม่ได้คิดอะไร ซักพักหนึ่งเอะใจได้ว่า เมื่อก่อนหน้านี้เคยเจอเพื่อนที่เป็นคนไร้บ้านอยู่บริเวณนี้ ก็เลยวางหนังสือที่ถือมาเพื่อจะนั่งอ่านในร้านกาแฟไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับออกมาดูที่ป้ายรถเมล์
เมื่อเดินใกล้เข้าไปปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ คนที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ลักษณะค่อนข้างมอมแมมนั้น คือเพื่อนเก่าของผมคนนั้นนั่นเอง จึงเข้าไปทักทายสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งเค้าก็ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ ยังจำกันได้ ถามเพื่อนว่าสบายดีไหม เขาตอบว่า ไม่ค่อยสบาย...อาจจะหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ เพราะดูจากสภาพภายนอก เพื่อนไม่ได้บาดเจ็บ หรือมีอาการเจ็บป่วยแสดงให้เห็นแต่อย่างใด
จากที่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ เคยพูดคุยกันแล้วพอจะเข้าใจได้ว่าสภาพจิตใจลึกๆเหมือนบาดเจ็บจากเรื่องอะไรบางอย่างมา แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ กลัวจะไปรื้อฟื้นสิ่งที่เพื่อนไม่อยากพูดถึง
เพื่อนคนนี้ เรียนมัธยมด้วยกันมาในโรงเรียนชายล้วน ที่ถ้าพูดชื่อโรงเรียนออกไป ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก เป็นโรงเรียนชื่อดังของประเทศ นอกจากนี้เพื่อนยังจบปริญญาตรีสาขาการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย มีหลักฐานด้านการศึกษาจากในถุงพลาสติกใบใหญ่ ที่เขาใช้แทนกระเป๋าเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย เขาเคยหยิบจากถุงเก่าๆนั้นออกมาให้ผมดู
ในอดีตเคยทำงานอยู่ในธนาคารหลายธนาคารมาก่อน แต่วันนี้กลายเป็นคนที่ไม่มีแม้บ้านจะอยู่อาศัย
หรือจริงๆแล้วตัวเขาอาจต้องการชีวิตที่เรียบง่าย ที่เป็นอิสระแบบนี้ก็เป็นไปได้ อาจจะเบื่อโลกและสังคมจอมปลอมที่มีแต่การแก่งแย่ง คดโกงเอาเปรียบกัน และผมก็คิดเอาเองว่าเพื่อนก็อาจจะเคยตกเป็นเหยื่อของสังคมป่วยๆอย่างทุกวันนี้มาก่อน จนทำให้ต้องมาใช้ชีวิตในแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ถามเพื่อนว่า กินข้าวหรือยัง
เขาตอบว่า กินแล้ว กินข้าวกล่อง (คงหมายถึงได้รับแจกข้าวกล่องจากที่ไหนมาซักแห่ง)
นั่งคุยกันซักพัก ก่อนจะแยกตัวจากมา ก็ควักเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่มือให้เขา อย่างที่เคยเจอกันในครั้งก่อน หวังให้เขาได้กินอาหารดีๆ กินให้อิ่ม กินอย่างที่ตัวเองอยากกินซัก2-3มื้อ
ทีแรกเพื่อนปฏิเสธแล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เงินเราบ่อยๆ นายตั้งใจทำงานมาเหนื่อยๆ เก็บเอาไว้ใช้เองดีกว่า
ผมก็ได้แต่บอกเพื่อนว่า เราไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อย แล้วเงินจำนวนที่ผมตั้งใจให้ ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ได้ทำให้ผมลำบากหากผมจะใช้เงินจำนวนนี้เลี้ยงข้าวเพื่อนเก่าบ้างในโอกาสที่ได้เจอกัน ...เขาถึงได้ยอมรับเงินเอาไว้
แล้วเราก็ร่ำลากัน ผมเดินจากมา เข้าไปนั่งในร้านกาแฟราคาแพงร้านเดิม คิดถึงเพื่อนที่อยู่นอกกำแพงร้านไปไม่ไกล ว่าเย็นนี้ พรุ่งนี้เช้า เที่ยงวันพรุ่งนี้ เขาจะกินอะไร จะมีเงินที่ไหนไปซื้ออาหารหรือเปล่า
แต่ชีวิตที่เขาเป็น ก็คงเป็นชีวิตในแบบที่เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ไม่แน่ซักวันหนึ่งข้างหน้า ผมอาจจะไปมีชีวิตอย่างเพื่อนผมหรือเปล่าก็ไม่แน่
ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนครับ