มีสติเห็นตัวตนในวิญญาน

1.ให้มีจิตที่ทราบว่า ขณะนี้เป็นทุกข์จากอะไร ก็ประเสริฐแล้ว 2.เมื่อมี1 ก็จะทราบว่า ทุกข์มันเกิดอยู่ที่ไหน 3.เมื่อมี 2 การแสวงหาทางดับ1 ก็จะมุ่งลงไปถูกจุด ถูกตำแหน่ง 4.เมื่อมีทั้ง 1,2,3 ผลก็เกิดขึ้น

1.Q:สัมโพชฌงค์ เป็นอินทรีย์กล้าแกร่ง อย่างไรเป็นอินทรีย์กล้าแกร่ง A:มีสติเห็น การเกิดดับ(ปัญญา)ของแต่ละอารมณ์ ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ 2.แต่ละอารมณ์คืออะไร A:แต่ละอารมณ์คือ แต่ละขันธ์ที่เป็น ตัวถูกรู้ อั

1.จิตเกิดดับทีละขณะ แต่ละขณะของจิตเก่าและจิตใหม่มี“ช่องว่าง” เช่น จิตที่นั่ง กับจิตที่ยืน เป็นคนละขณะ เป็นจิตคนละดวงกัน 2.เมื่อมีผัสสะ จึงมีวิญญานรู้ รู้ว่ามีจิตใหม่เกิด(รู้ผัสสะทางอายาตน

นิยาม 1.ปาฏิหาริย์-คือความไม่ธรรมดา อันไม่อาจพบได้จากวิถีปกติ 2.ไม่มีตัวตนในรูป - การสติปัฐฐานด้วยแยกจิตออกมาจากรูป (หนึ่งในขันธ์5) ออกมาเป็นผู้ดู มีอะไรบ้าง เช่น 1.จิตว่าง โล่ง เบา สบาย (ทุกข์ดับ)

ช่วงนี้เห็นตัวเองพูด หรือแสดงการกระทำ เห็นเหมือนมีร่างซ้อนอยู่ ซึ่งเหมือนก่อนเคยเป็นตอนโทสะแรง แต่ช่วงนี้เบาๆก็เกิดเห็น แต่การเห็นจะเป็นการเห็นจากอารมณ์ไม่พอใจเป็นส่วนใหญ่ ตอนเผลอๆ เห็นแล้วก็จะดับ ชะง

1.การพิจารณา สติปัฐฐานนั้น ต้องเห็นอารมณ์ตามความเป็นจริง จึงจะเรียกว่า พิจารณาถูก เช่น เมื่อเรามีสติรู้ทันความโกรธ จะเป็นว่ามีผู้ถูกรู้คือ สังขาร อันเป็นความโกรธ และมีจิตที่ไม่เป็นไปตามความโกรธ เป็

ดับสังขาร ก็จะเป็นสภาวะนิโรธ ฌาน1-8 เป็นเจตสิก เป็นสังขารตัวที่ประกอบกับจิต สติปัฐฐาน ในปรมัตถธรรม จึงต้องเห็นการดำเนินไปของฌาน 1-8 อันเป็นการดำเนินไปของเจตสิก จึงจะรู้ชัดในเจตสิก เมื่อรู้ชัดในเจตส

การดับ หมายถึง ขันธ์5ดับ จิตที่รู้ หรือตัวรู้ดับ แต่ละขณะที่ดับไปทั้งคู่ จิตใหม่ตัวรู้ใหม่ จะมีกำลังหนักแน่นขึ้น มั่นคงขึ้น เป็นดั่งการลอกคราบ ขัดชำระ สิ่งห่อหุ้มจิต ไปทีละขณะ