นิทานเรื่องเป็ดน้อยเจ้าเสน่ห์,

ตอนที่ 1: เป็ดน้อยกับพรสวรรค์พิเศษ,
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด อาศัยอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและลำธารใสสะอาด มีเป็ดน้อยตัวหนึ่งชื่อ "ดี้ดี้" ที่เป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้านตั้งแต่ยังเล็ก ดี้ดี้มีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือเสียงร้องของเขาไม่เหมือนเป็ดทั่วไป แต่กลับไพเราะดั่งเสียงดนตรี ทำให้สัตว์ทุกตัวที่ได้ยินรู้สึกมีความสุข
วันหนึ่ง ดี้ดี้กำลังเดินเล่นริมลำธาร เขาเริ่มฮัมเพลงตามจังหวะเสียงน้ำไหลโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ กระต่ายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ หยุดฟังและยิ้มอย่างสดใส กระรอกที่เก็บลูกนัทอยู่บนต้นไม้ก็หยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงร้องของดี้ดี้ด้วยความเพลิดเพลิน เมื่อดี้ดี้เห็นว่าทุกคนมีความสุขเพราะเสียงร้องของเขา ดี้ดี้จึงรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มตระหนักว่าเสียงของตนสามารถทำให้เพื่อนๆ มีความสุขได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดี้ดี้ตั้งใจฝึกฝนการร้องเพลงทุกวัน เขาเริ่มลองร้องเพลงตามจังหวะของธรรมชาติ เช่น เสียงลมพัด เสียงนกร้อง และเสียงใบไม้ไหว เพื่อพัฒนาความไพเราะในเสียงของเขา เพื่อนๆ ในหมู่บ้านต่างคอยเชียร์และให้กำลังใจดี้ดี้อย่างเต็มที่
ดี้ดี้ฝันว่า วันหนึ่งเขาจะได้ใช้พรสวรรค์พิเศษของเขาเพื่อสร้างความสุขและความสามัคคีให้กับหมู่บ้าน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าความสามารถนี้จะนำพาเขาไปสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต,
ตอนที่ 2: การแสดงครั้งแรกในงานประจำปี,
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงอีกครั้งพร้อมกับงานเทศกาลประจำปีของหมู่บ้านสัตว์เล็ก ทุกคนต่างตื่นเต้นและเตรียมตัวกันอย่างขะมักเขม้น มีทั้งการละเล่น การประกวด และอาหารอร่อยๆ มากมาย ในปีนี้ ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศกิจกรรมพิเศษ นั่นคือการแสดงดนตรีและการร้องเพลงเพื่อสร้างสีสันให้กับงาน
ชื่อของดี้ดี้ถูกเสนอให้เป็นหนึ่งในผู้แสดง เนื่องจากเสียงร้องของเขาเป็นที่กล่าวขานในหมู่เพื่อนสัตว์ แม้ดี้ดี้จะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับเกียรตินี้ แต่ลึกๆ ในใจเขาก็อดกังวลไม่ได้ ดี้ดี้กลัวว่าถ้าร้องเพลงผิด หรือไม่สามารถทำให้ทุกคนประทับใจ เขาจะทำให้เพื่อนๆ ผิดหวัง
เมื่อถึงวันแสดงจริง ดี้ดี้ยังคงประหม่า เขาซ่อนตัวอยู่หลังเวที จนกระต่ายน้อย เพื่อนสนิทของเขาเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ “ดี้ดี้ เธอไม่ต้องกังวลหรอก เราเชื่อมั่นในเสียงร้องของเธอ เพียงแค่ร้องออกมาจากใจ ทุกคนจะต้องรักในสิ่งที่เธอทำ”
เสียงเพื่อนๆ ตัวอื่นๆ ก็ดังขึ้นมาจากหน้าเวที “ดี้ดี้! เรารอฟังเสียงของเธออยู่นะ!” ได้ยินดังนั้น ดี้ดี้จึงรวบรวมความกล้าและก้าวขึ้นเวที
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง ดี้ดี้หลับตาและปล่อยเสียงร้องอันไพเราะออกมา เสียงของเขาไหลลื่นราวกับลำธารในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้ชมทุกตัวเงียบฟังด้วยความประทับใจ เมื่อเพลงจบลง เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วงาน
ดี้ดี้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและตระหนักว่า การแสดงออกถึงพรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเรามีเพื่อนและกำลังใจที่ดี การก้าวผ่านความกลัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป งานเทศกาลครั้งนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของดี้ดี้ ที่เต็มไปด้วยความฝันและความกล้าหาญ,
ตอนที่ 3: การเดินทางค้นหาเสียงใหม่,
หลังจากการแสดงครั้งแรกในงานเทศกาลประจำปี ดี้ดี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แต่ลึกๆ ในใจเขากลับรู้สึกว่าเสียงของตัวเองยังมีอะไรที่สามารถพัฒนาได้อีก เขาตัดสินใจออกเดินทางไปยังป่าใหญ่ ที่ซึ่งเขาเคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่ามีธรรมชาติที่เต็มไปด้วยเสียงหลากหลายและสัตว์นักดนตรีผู้มากความสามารถ
เมื่อมาถึงป่าใหญ่ ดี้ดี้ถูกดึงดูดด้วยเสียงน้ำตกที่ก้องกังวาน เขาเดินตามเสียงไปจนถึงน้ำตกสูงใหญ่ และลองเลียนเสียงของน้ำที่ไหลกระทบโขดหิน เสียงนั้นทำให้ดี้ดี้เริ่มคิดถึงจังหวะที่หลากหลายขึ้น
ระหว่างที่กำลังฝึก ดี้ดี้ได้พบกับ "นกไนติงเกล" ซึ่งมีเสียงร้องที่ไพเราะที่สุดในป่า นกไนติงเกลชื่นชมในเสียงร้องของดี้ดี้และยินดีที่จะแนะนำวิธีการใช้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การลากเสียงยาวอย่างนุ่มนวล และการเปลี่ยนจังหวะให้มีชีวิตชีวา
จากนั้น ดี้ดี้ได้พบ "ลิงนักดนตรี" ที่เล่นเครื่องดนตรีทำจากไม้ไผ่และผลไม้แห้ง ลิงนักดนตรีบอกกับดี้ดี้ว่า การร้องเพลงไม่ใช่แค่เรื่องของเสียง แต่ยังเกี่ยวกับการฟังสิ่งรอบตัวและผสมผสานจังหวะจากธรรมชาติ ลิงช่วยดี้ดี้ฝึกใช้เสียงร่วมกับเสียงดนตรีที่เขาสร้างขึ้น
การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ดี้ดี้พัฒนาเสียงร้อง แต่ยังทำให้เขาเข้าใจถึงความงดงามของธรรมชาติและการเรียนรู้จากผู้อื่น ดี้ดี้ตั้งใจจะนำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้กลับไปที่หมู่บ้าน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเสียงใหม่ๆ กับเพื่อนๆ ทุกตัวในหมู่บ้าน
การเดินทางค้นหาเสียงใหม่ของดี้ดี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ที่เติมเต็มความฝันของเขาและทำให้เขาเป็นเป็ดที่มีเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง,
ตอนที่ 4: การทดสอบความสามารถ,
เมื่อดี้ดี้กลับมาถึงหมู่บ้านพร้อมกับเสียงร้องที่พัฒนาขึ้น ทุกตัวต่างตื่นเต้นที่จะได้ฟังเสียงใหม่ของเขา แต่ข่าวลือเกี่ยวกับพรสวรรค์ของดี้ดี้ได้แพร่กระจายไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง จนวันหนึ่ง กลุ่มสัตว์นักร้องจากถิ่นอื่นเดินทางมาหาดี้ดี้ พร้อมท้าทายความสามารถของเขาในการประกวดร้องเพลง
ผู้นำของกลุ่มสัตว์ต่างถิ่นคือนกยูงเสียงทอง ที่มีเสียงร้องดังกังวานและเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องผู้เก่งกาจ นกยูงกล่าวว่า “เราได้ยินมาว่าเสียงของเจ้าวิเศษนัก แต่ข้าขอท้าเจ้าให้พิสูจน์ ว่าเสียงของเจ้ายอดเยี่ยมพอจะสู้ข้าได้หรือไม่!”
ดี้ดี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆ เขารับคำท้า การประกวดจึงถูกจัดขึ้นที่ลานกลางหมู่บ้าน โดยมีผู้ชมจากทั้งสองหมู่บ้านมาร่วมชม
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นกยูงเสียงทองร้องเพลงด้วยพลังและการแสดงที่น่าทึ่ง สัตว์ทุกตัวตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อถึงตาของดี้ดี้ เขาหลับตาและร้องเพลงด้วยหัวใจ เขาไม่ได้พยายามจะแข่งกับใคร แต่เพียงแสดงออกถึงความรู้สึกและความจริงใจในเสียงของเขา
เมื่อเพลงจบลง เสียงเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังลั่น นกยูงเสียงทองเองก็เดินเข้ามาหาดี้ดี้และกล่าวว่า “เจ้าอาจไม่ใช่ผู้ที่ร้องได้ทรงพลังที่สุด แต่เสียงของเจ้ามีความอบอุ่นและจริงใจ ข้ายอมรับว่าเจ้าสมควรได้รับชัยชนะ”
การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มีผู้แพ้หรือผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะทุกคนต่างได้รับแรงบันดาลใจจากเสียงเพลงของทั้งสองฝ่าย ดี้ดี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การร้องเพลงด้วยความจริงใจและหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรัก สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ไม่ใช่เพียงแค่ในเวที แต่ในใจของผู้ฟังทุกคนด้วย,
ตอนที่ 5: เป็ดน้อยผู้สร้างความสุข,
หลังจากที่ดี้ดี้ได้รับการยอมรับในความสามารถและความจริงใจจากการแข่งขันร้องเพลง เขารู้สึกถึงความสำคัญของพรสวรรค์ที่เขามี ดี้ดี้ไม่ได้มองเสียงร้องของตนเป็นเพียงความสามารถพิเศษอีกต่อไป แต่เป็นของขวัญที่เขาสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
วันหนึ่ง ดี้ดี้พบกับกระรอกตัวน้อยที่ดูเศร้าหมองเพราะพ่อแม่ต้องเดินทางไกลไปหาของกิน กระรอกตัวนั้นรู้สึกเหงาและคิดถึงพ่อแม่ ดี้ดี้จึงร้องเพลงกล่อมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กระรอกตัวน้อยรู้สึกมีกำลังใจและยิ้มได้อีกครั้ง
อีกครั้ง ดี้ดี้ได้พบกับเต่าน้อยที่ล้มเหลวในการฝึกเดินเร็วเพราะต้องการแข่งวิ่งกับกระต่าย ดี้ดี้ร้องเพลงที่พูดถึงความพยายามและการเชื่อมั่นในตัวเอง เต่าน้อยจึงฮึดสู้และกลับไปฝึกด้วยความตั้งใจ
ไม่นาน หมู่บ้านสัตว์เล็กก็กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและความสุข ทุกครั้งที่มีใครรู้สึกเศร้าหรือหมดกำลังใจ ดี้ดี้จะใช้เสียงของเขาปลอบโยนและให้กำลังใจจนทุกคนกลับมายิ้มได้
ดี้ดี้ตระหนักว่า การสร้างความสุขให้ผู้อื่นเป็นสิ่งที่เติมเต็มหัวใจของเขาเองเช่นกัน เขาไม่ได้ร้องเพลงเพื่อให้ตัวเองโด่งดัง แต่ร้องเพื่อแบ่งปันความสุขและความรักที่อยู่ในหัวใจของเขา
สุดท้าย หมู่บ้านสัตว์เล็กกลายเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องความอบอุ่นและความสามัคคี เพราะเสียงเพลงของดี้ดี้ที่เชื่อมโยงทุกหัวใจเข้าด้วยกัน ดี้ดี้กลายเป็นเป็ดน้อยผู้สร้างความสุข และเสียงเพลงของเขายังคงก้องกังวานในใจของทุกตัวที่ได้ยินเสมอ
นิทานเรื่องเป็ดน้อยเจ้าเสน่ห์,
ตอนที่ 1: เป็ดน้อยกับพรสวรรค์พิเศษ,
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด อาศัยอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและลำธารใสสะอาด มีเป็ดน้อยตัวหนึ่งชื่อ "ดี้ดี้" ที่เป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้านตั้งแต่ยังเล็ก ดี้ดี้มีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือเสียงร้องของเขาไม่เหมือนเป็ดทั่วไป แต่กลับไพเราะดั่งเสียงดนตรี ทำให้สัตว์ทุกตัวที่ได้ยินรู้สึกมีความสุข
วันหนึ่ง ดี้ดี้กำลังเดินเล่นริมลำธาร เขาเริ่มฮัมเพลงตามจังหวะเสียงน้ำไหลโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ กระต่ายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ หยุดฟังและยิ้มอย่างสดใส กระรอกที่เก็บลูกนัทอยู่บนต้นไม้ก็หยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงร้องของดี้ดี้ด้วยความเพลิดเพลิน เมื่อดี้ดี้เห็นว่าทุกคนมีความสุขเพราะเสียงร้องของเขา ดี้ดี้จึงรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มตระหนักว่าเสียงของตนสามารถทำให้เพื่อนๆ มีความสุขได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดี้ดี้ตั้งใจฝึกฝนการร้องเพลงทุกวัน เขาเริ่มลองร้องเพลงตามจังหวะของธรรมชาติ เช่น เสียงลมพัด เสียงนกร้อง และเสียงใบไม้ไหว เพื่อพัฒนาความไพเราะในเสียงของเขา เพื่อนๆ ในหมู่บ้านต่างคอยเชียร์และให้กำลังใจดี้ดี้อย่างเต็มที่
ดี้ดี้ฝันว่า วันหนึ่งเขาจะได้ใช้พรสวรรค์พิเศษของเขาเพื่อสร้างความสุขและความสามัคคีให้กับหมู่บ้าน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าความสามารถนี้จะนำพาเขาไปสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต,
ตอนที่ 2: การแสดงครั้งแรกในงานประจำปี,
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงอีกครั้งพร้อมกับงานเทศกาลประจำปีของหมู่บ้านสัตว์เล็ก ทุกคนต่างตื่นเต้นและเตรียมตัวกันอย่างขะมักเขม้น มีทั้งการละเล่น การประกวด และอาหารอร่อยๆ มากมาย ในปีนี้ ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศกิจกรรมพิเศษ นั่นคือการแสดงดนตรีและการร้องเพลงเพื่อสร้างสีสันให้กับงาน
ชื่อของดี้ดี้ถูกเสนอให้เป็นหนึ่งในผู้แสดง เนื่องจากเสียงร้องของเขาเป็นที่กล่าวขานในหมู่เพื่อนสัตว์ แม้ดี้ดี้จะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับเกียรตินี้ แต่ลึกๆ ในใจเขาก็อดกังวลไม่ได้ ดี้ดี้กลัวว่าถ้าร้องเพลงผิด หรือไม่สามารถทำให้ทุกคนประทับใจ เขาจะทำให้เพื่อนๆ ผิดหวัง
เมื่อถึงวันแสดงจริง ดี้ดี้ยังคงประหม่า เขาซ่อนตัวอยู่หลังเวที จนกระต่ายน้อย เพื่อนสนิทของเขาเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ “ดี้ดี้ เธอไม่ต้องกังวลหรอก เราเชื่อมั่นในเสียงร้องของเธอ เพียงแค่ร้องออกมาจากใจ ทุกคนจะต้องรักในสิ่งที่เธอทำ”
เสียงเพื่อนๆ ตัวอื่นๆ ก็ดังขึ้นมาจากหน้าเวที “ดี้ดี้! เรารอฟังเสียงของเธออยู่นะ!” ได้ยินดังนั้น ดี้ดี้จึงรวบรวมความกล้าและก้าวขึ้นเวที
เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง ดี้ดี้หลับตาและปล่อยเสียงร้องอันไพเราะออกมา เสียงของเขาไหลลื่นราวกับลำธารในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้ชมทุกตัวเงียบฟังด้วยความประทับใจ เมื่อเพลงจบลง เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วงาน
ดี้ดี้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและตระหนักว่า การแสดงออกถึงพรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเรามีเพื่อนและกำลังใจที่ดี การก้าวผ่านความกลัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป งานเทศกาลครั้งนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของดี้ดี้ ที่เต็มไปด้วยความฝันและความกล้าหาญ,
ตอนที่ 3: การเดินทางค้นหาเสียงใหม่,
หลังจากการแสดงครั้งแรกในงานเทศกาลประจำปี ดี้ดี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แต่ลึกๆ ในใจเขากลับรู้สึกว่าเสียงของตัวเองยังมีอะไรที่สามารถพัฒนาได้อีก เขาตัดสินใจออกเดินทางไปยังป่าใหญ่ ที่ซึ่งเขาเคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่ามีธรรมชาติที่เต็มไปด้วยเสียงหลากหลายและสัตว์นักดนตรีผู้มากความสามารถ
เมื่อมาถึงป่าใหญ่ ดี้ดี้ถูกดึงดูดด้วยเสียงน้ำตกที่ก้องกังวาน เขาเดินตามเสียงไปจนถึงน้ำตกสูงใหญ่ และลองเลียนเสียงของน้ำที่ไหลกระทบโขดหิน เสียงนั้นทำให้ดี้ดี้เริ่มคิดถึงจังหวะที่หลากหลายขึ้น
ระหว่างที่กำลังฝึก ดี้ดี้ได้พบกับ "นกไนติงเกล" ซึ่งมีเสียงร้องที่ไพเราะที่สุดในป่า นกไนติงเกลชื่นชมในเสียงร้องของดี้ดี้และยินดีที่จะแนะนำวิธีการใช้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การลากเสียงยาวอย่างนุ่มนวล และการเปลี่ยนจังหวะให้มีชีวิตชีวา
จากนั้น ดี้ดี้ได้พบ "ลิงนักดนตรี" ที่เล่นเครื่องดนตรีทำจากไม้ไผ่และผลไม้แห้ง ลิงนักดนตรีบอกกับดี้ดี้ว่า การร้องเพลงไม่ใช่แค่เรื่องของเสียง แต่ยังเกี่ยวกับการฟังสิ่งรอบตัวและผสมผสานจังหวะจากธรรมชาติ ลิงช่วยดี้ดี้ฝึกใช้เสียงร่วมกับเสียงดนตรีที่เขาสร้างขึ้น
การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ดี้ดี้พัฒนาเสียงร้อง แต่ยังทำให้เขาเข้าใจถึงความงดงามของธรรมชาติและการเรียนรู้จากผู้อื่น ดี้ดี้ตั้งใจจะนำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้กลับไปที่หมู่บ้าน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเสียงใหม่ๆ กับเพื่อนๆ ทุกตัวในหมู่บ้าน
การเดินทางค้นหาเสียงใหม่ของดี้ดี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ที่เติมเต็มความฝันของเขาและทำให้เขาเป็นเป็ดที่มีเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง,
ตอนที่ 4: การทดสอบความสามารถ,
เมื่อดี้ดี้กลับมาถึงหมู่บ้านพร้อมกับเสียงร้องที่พัฒนาขึ้น ทุกตัวต่างตื่นเต้นที่จะได้ฟังเสียงใหม่ของเขา แต่ข่าวลือเกี่ยวกับพรสวรรค์ของดี้ดี้ได้แพร่กระจายไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง จนวันหนึ่ง กลุ่มสัตว์นักร้องจากถิ่นอื่นเดินทางมาหาดี้ดี้ พร้อมท้าทายความสามารถของเขาในการประกวดร้องเพลง
ผู้นำของกลุ่มสัตว์ต่างถิ่นคือนกยูงเสียงทอง ที่มีเสียงร้องดังกังวานและเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องผู้เก่งกาจ นกยูงกล่าวว่า “เราได้ยินมาว่าเสียงของเจ้าวิเศษนัก แต่ข้าขอท้าเจ้าให้พิสูจน์ ว่าเสียงของเจ้ายอดเยี่ยมพอจะสู้ข้าได้หรือไม่!”
ดี้ดี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆ เขารับคำท้า การประกวดจึงถูกจัดขึ้นที่ลานกลางหมู่บ้าน โดยมีผู้ชมจากทั้งสองหมู่บ้านมาร่วมชม
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นกยูงเสียงทองร้องเพลงด้วยพลังและการแสดงที่น่าทึ่ง สัตว์ทุกตัวตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อถึงตาของดี้ดี้ เขาหลับตาและร้องเพลงด้วยหัวใจ เขาไม่ได้พยายามจะแข่งกับใคร แต่เพียงแสดงออกถึงความรู้สึกและความจริงใจในเสียงของเขา
เมื่อเพลงจบลง เสียงเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังลั่น นกยูงเสียงทองเองก็เดินเข้ามาหาดี้ดี้และกล่าวว่า “เจ้าอาจไม่ใช่ผู้ที่ร้องได้ทรงพลังที่สุด แต่เสียงของเจ้ามีความอบอุ่นและจริงใจ ข้ายอมรับว่าเจ้าสมควรได้รับชัยชนะ”
การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มีผู้แพ้หรือผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะทุกคนต่างได้รับแรงบันดาลใจจากเสียงเพลงของทั้งสองฝ่าย ดี้ดี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การร้องเพลงด้วยความจริงใจและหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรัก สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ไม่ใช่เพียงแค่ในเวที แต่ในใจของผู้ฟังทุกคนด้วย,
ตอนที่ 5: เป็ดน้อยผู้สร้างความสุข,
หลังจากที่ดี้ดี้ได้รับการยอมรับในความสามารถและความจริงใจจากการแข่งขันร้องเพลง เขารู้สึกถึงความสำคัญของพรสวรรค์ที่เขามี ดี้ดี้ไม่ได้มองเสียงร้องของตนเป็นเพียงความสามารถพิเศษอีกต่อไป แต่เป็นของขวัญที่เขาสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
วันหนึ่ง ดี้ดี้พบกับกระรอกตัวน้อยที่ดูเศร้าหมองเพราะพ่อแม่ต้องเดินทางไกลไปหาของกิน กระรอกตัวนั้นรู้สึกเหงาและคิดถึงพ่อแม่ ดี้ดี้จึงร้องเพลงกล่อมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กระรอกตัวน้อยรู้สึกมีกำลังใจและยิ้มได้อีกครั้ง
อีกครั้ง ดี้ดี้ได้พบกับเต่าน้อยที่ล้มเหลวในการฝึกเดินเร็วเพราะต้องการแข่งวิ่งกับกระต่าย ดี้ดี้ร้องเพลงที่พูดถึงความพยายามและการเชื่อมั่นในตัวเอง เต่าน้อยจึงฮึดสู้และกลับไปฝึกด้วยความตั้งใจ
ไม่นาน หมู่บ้านสัตว์เล็กก็กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและความสุข ทุกครั้งที่มีใครรู้สึกเศร้าหรือหมดกำลังใจ ดี้ดี้จะใช้เสียงของเขาปลอบโยนและให้กำลังใจจนทุกคนกลับมายิ้มได้
ดี้ดี้ตระหนักว่า การสร้างความสุขให้ผู้อื่นเป็นสิ่งที่เติมเต็มหัวใจของเขาเองเช่นกัน เขาไม่ได้ร้องเพลงเพื่อให้ตัวเองโด่งดัง แต่ร้องเพื่อแบ่งปันความสุขและความรักที่อยู่ในหัวใจของเขา
สุดท้าย หมู่บ้านสัตว์เล็กกลายเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องความอบอุ่นและความสามัคคี เพราะเสียงเพลงของดี้ดี้ที่เชื่อมโยงทุกหัวใจเข้าด้วยกัน ดี้ดี้กลายเป็นเป็ดน้อยผู้สร้างความสุข และเสียงเพลงของเขายังคงก้องกังวานในใจของทุกตัวที่ได้ยินเสมอ