สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องอยากจะมาขอคำปรึกษาค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราอายุประมาณ20ต้นๆ
มีครอบครัวแล้วค่ะ (ลูก/สามี)
 เรื่องมันมีอยู่ว่าเราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ไม่ใหญ่มากมีพ่อแม่และลูกบริหารงาน ช่วงเดือนแรกที่เราได้ทำงานเราก็มีความรู้สึกว่า บริษัทนี้ดีมากๆ ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการของบริษัทนี้ก็คือลูกชายของเจ้าของบริษัท เราจะต้องทำงานร่วมกับเขา เขาจะไม่เหมือนลูกเจ้าของบริษัททั่วไปที่เราเคยเจอ นิสัยของเขา เป็นคนที่ชอบพูดพูดไปเรื่อย ไม่ถือตัว ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย และเหมือนจะแนวๆบ้าผู้หญิง ซึ่งเขามีภรรยาอยู่แล้ว
ช่วงสองสามเดือนหลังเราเริ่มมีความรู้สึกว่าเขา จู้จี้จุกจิกเรามากเกินไป แต่ไม่ใช่เรื่องงานนะ เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกเย็นจะต้องโทรมาถามเราว่ากลับบ้านยังไง สามีมารับไหม กลางวันโทรมาถามว่าเอาอะไรมากิน กินข้าวกับอะไร วันไหนที่เราไม่ได้เอาข้าวมาเราจะกินมาม่า พอเขาเห็นว่าเราจะกินมาม่าเค้าก็สั่งข้าวมาให้เรา บังคับให้เรากินข้าว ถามว่าสิ่งที่เขาทำมันดีไหม มันก็ดีค่ะแต่เราว่ามันมากเกินไป เราก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก คิดว่าเออเค้าคงเป็นห่วงเราแหละ แต่พักหลังมันเริ่มเยอะขึ้นเยอะขึ้น พาเราออกไปข้างนอกบ่อยขึ้น ไปส่งเราที่บ้าน ต้องบอกว่าทุกครั้งที่ออกไปคือไปทำงานนะคะ มันเลยปฏิเสธไม่ได้ค่ะ ต่อ เราไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าแต่เราดูเหมือนว่าเค้าจะชอบเรา ทั้งทั้งที่รู้ว่าเรามีสามีมีลูกแล้ว พี่ที่ทำงานเราก็บอกว่า เออ เจ้านายเค้าดูเปลี่ยนไป ตั้งแต่มีเราเข้ามา เค้าจะชอบพูดกับเราทำนองว่า “ มีอะไรบอกพี่ได้นะคะ ” “ พี่อยู่กับหนูแล้วพี่รู้สึกดี ” “ พี่อยากรู้จักหนูมากขึ้น” ซึ่งเรางงมากว่าเค้าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรจะอยากรู้จักเรามากขึ้นเพื่ออะไร ทำไมต้องให้ความใส่ใจเรามากขนาดนั้น จำได้แม้กระทั่งเบอร์เราวันเกิดเรา วันเกิดลูกเรา เรารู้สึกอึดอัดมาก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราไปงานสีดำของญาติพี่ที่ทำงาน เค้าก็บอกให้เราไปกับเขา พาเค้าไปกินข้าวด้วย วันนั้นเราก็ไปกินข้าวกันที่ห้างแห่งหนึ่ง อาหารที่กินวันนั้นคือราเมงนะคะ ช่วงที่รออาหารเค้าก็เล่าเกี่ยวกับครอบครัวเขาให้เราฟังทุกอย่าง และเค้าบอกเราว่า ตอนที่เราเข้ามาทำงานอาจจะเข้ามาง่ายง่าย แต่ตอนออกเค้าจะไม่ยอมให้เราออกไปง่ายง่าย คือณตอนนั้นเรางงมาก และที่พีคสุดคือ ตอนนั้นเรากินราเมงเสร็จแล้ว เค้ามาหยิบช้อนเราในถ้วยมาตักน้ำซุปในถ้วยเราแล้วเอาไปชิม เราอึ้งมากแทบจะหยุดหายใจ เรามองว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้ก็คือสามีเราลูกเราหรือคนในครอบครัวของเราเท่านั้น บางทีญาติพี่น้องยังไม่กล้าทำเลย เราไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่นะตอนนั้น เค้าทำกับเราเหมือนฟิวแฟนทุกอย่าง ถือของให้ เปิดประตูรถให้ ยืนกันข้างหลังเวลาขึ้นบันไดเลื่อน มันก็ดีนะคะสิ่งที่เขาทำแต่มันจะดีสำหรับคนที่เป็นภรรยาเขา เขาไม่ควรทำสิ่งนี้กับลูกน้อง เราลองคิดดูว่าถ้าเป็น สามีเราไปทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เราจะรู้สึกยังไง หลังจากนั้นเค้าก็ไปส่งเราที่บ้าน ในรถก็นั่งพูดมาตลอด ว่าเค้ารู้สึกดีกับเราอย่างนั้นอย่างนี้ อยากรู้จักเรามากขึ้น มีอะไรก็บอกเค้าได้แต่ก็เข้าใจว่าหนูต้องไปบอกแฟนหนูก่อนอยู่แล้ว อันนี้คือคำที่เขาพูดนะคะ แล้วเค้าก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานจนถึงปัจจุบัน และให้เราบอกกับเขาว่าเขาเป็นคนยังไง คือตอนนั้นเราพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เราอึดอัดมาก เราก็ตอบไปแค่ว่าไม่รู้ค่ะ หนูไม่รู้ค่ะ แล้วเราก็เงียบ เค้าก็พยายามขับรถช้าๆ บอกว่าจะถึงบ้านหนูแล้วยังไม่อยากให้ถึงเลย รู้อย่างนี้พาไปอ้อมดีกว่า เราก็ทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ ในใจ คืออยากจะกรี๊ดให้คอแตก พอหลังจากวันนั้นน่ะค่ะเราก็ไม่ค่อยพูดกับเขา เวลาเค้าถามเราก็ตอบแต่ไม่มองหน้าเขา ความรู้สึกเรามันไปแล้วอะค่ะ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ก็เหมือนเค้ารู้ตัวนะคะเค้าก็หันมาพูดกับเราว่า ”ถ้าพี่ทำอะไรให้หนูอึดอัดพี่ขอโทษหนูบอกพี่ได้เลยนะคะบางทีคนแก่ไม่รู้ตัว“ เราก็แค่ยิ้มยิ้มให้เราก็บอกว่าไม่มีอะไรค่ะ เราจำได้ดีว่าเค้าเคยพูดกับเราว่าอะไรบ้าง
ตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยมีเรื่องอะไรที่เราอึดอัดใจมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเค้าก็เป็นคนที่คอยบอกเราเสมอว่าถ้ามีอะไรไม่สบายให้บอกเค้าได้ทุกเรื่อง มีปัญหากับใครเค้าจะจัดการให้ แต่สุดท้ายคนที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจก็คือตัวเค้านั่นแหละ  ล่าสุดวันนี้คือเราปวดท้องประจำเดือนเราก็เลยขอลาป่วย เค้าก็ทักมาถามว่าเอายาอะไรไหมจะซื้อไปให้ เป็นยังไงบ้างคะ เรามองว่ามันเกินหน้าที่ไปมากแล้วอ่ะ มันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านาย หน้าที่ตรงนี้มันควรที่จะเป็นสามีของเรา
คือเราควรจะทำยังไงดีอ่ะคะ เราจะบอกเขาไปตรงตรงดีไหมเราก็กลัวว่าถ้าบอกไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
กลัวเค้ารับไม่ได้ กลัวว่าแล้วสุดท้ายก็ไล่เราออก ซึ่งเรายังยังไม่พร้อม เรามีภาระ หนี้สินมากมาย หรือเราจะทนไปก่อน แต่มันจะอีกนานแค่ไหนเราก็ไม่รู้ เราคุยกับสามีเรื่องนี้ตลอดนะคะ เค้าก็แนะนำให้เราบอกไปตรงตรงสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับ หรือจะลาออกมาเป็นแม่บ้านเดี๋ยวเค้าจะเลี้ยงเราเอง แต่มันไม่ได้อะค่ะยังไงเราก็ต้องยืนได้ด้วยตัวเอง
รบกวนพี่พี่ช่วยให้คำแนะนำหนูหน่อยนะคะ
เจ้านายชอบลูกน้องที่มีครอบครัวแล้ว
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราอายุประมาณ20ต้นๆ
มีครอบครัวแล้วค่ะ (ลูก/สามี)
 เรื่องมันมีอยู่ว่าเราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ไม่ใหญ่มากมีพ่อแม่และลูกบริหารงาน ช่วงเดือนแรกที่เราได้ทำงานเราก็มีความรู้สึกว่า บริษัทนี้ดีมากๆ ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการของบริษัทนี้ก็คือลูกชายของเจ้าของบริษัท เราจะต้องทำงานร่วมกับเขา เขาจะไม่เหมือนลูกเจ้าของบริษัททั่วไปที่เราเคยเจอ นิสัยของเขา เป็นคนที่ชอบพูดพูดไปเรื่อย ไม่ถือตัว ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย และเหมือนจะแนวๆบ้าผู้หญิง ซึ่งเขามีภรรยาอยู่แล้ว
ช่วงสองสามเดือนหลังเราเริ่มมีความรู้สึกว่าเขา จู้จี้จุกจิกเรามากเกินไป แต่ไม่ใช่เรื่องงานนะ เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกเย็นจะต้องโทรมาถามเราว่ากลับบ้านยังไง สามีมารับไหม กลางวันโทรมาถามว่าเอาอะไรมากิน กินข้าวกับอะไร วันไหนที่เราไม่ได้เอาข้าวมาเราจะกินมาม่า พอเขาเห็นว่าเราจะกินมาม่าเค้าก็สั่งข้าวมาให้เรา บังคับให้เรากินข้าว ถามว่าสิ่งที่เขาทำมันดีไหม มันก็ดีค่ะแต่เราว่ามันมากเกินไป เราก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก คิดว่าเออเค้าคงเป็นห่วงเราแหละ แต่พักหลังมันเริ่มเยอะขึ้นเยอะขึ้น พาเราออกไปข้างนอกบ่อยขึ้น ไปส่งเราที่บ้าน ต้องบอกว่าทุกครั้งที่ออกไปคือไปทำงานนะคะ มันเลยปฏิเสธไม่ได้ค่ะ ต่อ เราไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าแต่เราดูเหมือนว่าเค้าจะชอบเรา ทั้งทั้งที่รู้ว่าเรามีสามีมีลูกแล้ว พี่ที่ทำงานเราก็บอกว่า เออ เจ้านายเค้าดูเปลี่ยนไป ตั้งแต่มีเราเข้ามา เค้าจะชอบพูดกับเราทำนองว่า “ มีอะไรบอกพี่ได้นะคะ ” “ พี่อยู่กับหนูแล้วพี่รู้สึกดี ” “ พี่อยากรู้จักหนูมากขึ้น” ซึ่งเรางงมากว่าเค้าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรจะอยากรู้จักเรามากขึ้นเพื่ออะไร ทำไมต้องให้ความใส่ใจเรามากขนาดนั้น จำได้แม้กระทั่งเบอร์เราวันเกิดเรา วันเกิดลูกเรา เรารู้สึกอึดอัดมาก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราไปงานสีดำของญาติพี่ที่ทำงาน เค้าก็บอกให้เราไปกับเขา พาเค้าไปกินข้าวด้วย วันนั้นเราก็ไปกินข้าวกันที่ห้างแห่งหนึ่ง อาหารที่กินวันนั้นคือราเมงนะคะ ช่วงที่รออาหารเค้าก็เล่าเกี่ยวกับครอบครัวเขาให้เราฟังทุกอย่าง และเค้าบอกเราว่า ตอนที่เราเข้ามาทำงานอาจจะเข้ามาง่ายง่าย แต่ตอนออกเค้าจะไม่ยอมให้เราออกไปง่ายง่าย คือณตอนนั้นเรางงมาก และที่พีคสุดคือ ตอนนั้นเรากินราเมงเสร็จแล้ว เค้ามาหยิบช้อนเราในถ้วยมาตักน้ำซุปในถ้วยเราแล้วเอาไปชิม เราอึ้งมากแทบจะหยุดหายใจ เรามองว่าคนที่จะทำแบบนี้ได้ก็คือสามีเราลูกเราหรือคนในครอบครัวของเราเท่านั้น บางทีญาติพี่น้องยังไม่กล้าทำเลย เราไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่นะตอนนั้น เค้าทำกับเราเหมือนฟิวแฟนทุกอย่าง ถือของให้ เปิดประตูรถให้ ยืนกันข้างหลังเวลาขึ้นบันไดเลื่อน มันก็ดีนะคะสิ่งที่เขาทำแต่มันจะดีสำหรับคนที่เป็นภรรยาเขา เขาไม่ควรทำสิ่งนี้กับลูกน้อง เราลองคิดดูว่าถ้าเป็น สามีเราไปทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เราจะรู้สึกยังไง หลังจากนั้นเค้าก็ไปส่งเราที่บ้าน ในรถก็นั่งพูดมาตลอด ว่าเค้ารู้สึกดีกับเราอย่างนั้นอย่างนี้ อยากรู้จักเรามากขึ้น มีอะไรก็บอกเค้าได้แต่ก็เข้าใจว่าหนูต้องไปบอกแฟนหนูก่อนอยู่แล้ว อันนี้คือคำที่เขาพูดนะคะ แล้วเค้าก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานจนถึงปัจจุบัน และให้เราบอกกับเขาว่าเขาเป็นคนยังไง คือตอนนั้นเราพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เราอึดอัดมาก เราก็ตอบไปแค่ว่าไม่รู้ค่ะ หนูไม่รู้ค่ะ แล้วเราก็เงียบ เค้าก็พยายามขับรถช้าๆ บอกว่าจะถึงบ้านหนูแล้วยังไม่อยากให้ถึงเลย รู้อย่างนี้พาไปอ้อมดีกว่า เราก็ทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ ในใจ คืออยากจะกรี๊ดให้คอแตก พอหลังจากวันนั้นน่ะค่ะเราก็ไม่ค่อยพูดกับเขา เวลาเค้าถามเราก็ตอบแต่ไม่มองหน้าเขา ความรู้สึกเรามันไปแล้วอะค่ะ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ก็เหมือนเค้ารู้ตัวนะคะเค้าก็หันมาพูดกับเราว่า ”ถ้าพี่ทำอะไรให้หนูอึดอัดพี่ขอโทษหนูบอกพี่ได้เลยนะคะบางทีคนแก่ไม่รู้ตัว“ เราก็แค่ยิ้มยิ้มให้เราก็บอกว่าไม่มีอะไรค่ะ เราจำได้ดีว่าเค้าเคยพูดกับเราว่าอะไรบ้าง
ตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยมีเรื่องอะไรที่เราอึดอัดใจมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเค้าก็เป็นคนที่คอยบอกเราเสมอว่าถ้ามีอะไรไม่สบายให้บอกเค้าได้ทุกเรื่อง มีปัญหากับใครเค้าจะจัดการให้ แต่สุดท้ายคนที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจก็คือตัวเค้านั่นแหละ  ล่าสุดวันนี้คือเราปวดท้องประจำเดือนเราก็เลยขอลาป่วย เค้าก็ทักมาถามว่าเอายาอะไรไหมจะซื้อไปให้ เป็นยังไงบ้างคะ เรามองว่ามันเกินหน้าที่ไปมากแล้วอ่ะ มันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านาย หน้าที่ตรงนี้มันควรที่จะเป็นสามีของเรา
คือเราควรจะทำยังไงดีอ่ะคะ เราจะบอกเขาไปตรงตรงดีไหมเราก็กลัวว่าถ้าบอกไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
กลัวเค้ารับไม่ได้ กลัวว่าแล้วสุดท้ายก็ไล่เราออก ซึ่งเรายังยังไม่พร้อม เรามีภาระ หนี้สินมากมาย หรือเราจะทนไปก่อน แต่มันจะอีกนานแค่ไหนเราก็ไม่รู้ เราคุยกับสามีเรื่องนี้ตลอดนะคะ เค้าก็แนะนำให้เราบอกไปตรงตรงสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับ หรือจะลาออกมาเป็นแม่บ้านเดี๋ยวเค้าจะเลี้ยงเราเอง แต่มันไม่ได้อะค่ะยังไงเราก็ต้องยืนได้ด้วยตัวเอง
รบกวนพี่พี่ช่วยให้คำแนะนำหนูหน่อยนะคะ