เรื่องมีอยู่ว่าเรากู้บ้าน + ทำประกันชีวิตคุ้มครองไปพร้อมกันด้วย พอตอน declare ประวัติสุขภาพเรากรอกตามตรงว่าพบแผนกจิตเวชอยู่ (เราไม่กรอกให้ clean เพราะกลัวมีปัญหาทีหลังค่ะ)
ทาง บ.ประกันก็มีทำเรื่องขอประวัติสุขภาพจากรพ. จนผ่านมาประมาณ 3 เดือน มีจดหมายแจ้งปรับแผนการคุ้มครอง ซึ่งถ้าเราเลือกจะให้คุ้มครองเท่าเดิมที่ทำไว้ตอนแรก ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งต้องจ่ายเป็นก้อนภายในเดือนนี้ พูดตรง ๆ ว่าหาเงินก้อนไม่ทันค่ะ
ตอนนี้เลยชั่งใจว่าควรจะทำยังไงต่อ จะจ่ายเบี้ยเท่าเดิมแล้วลดความคุ้มครองลง จาก 15 ปี เหลือ 9 ปี ไม่แน่ใจว่าน้อยไปมั้ย หรือลดทุนประกัน ซึ่งน้อยลงไปเกือบครึ่งเลยค่ะ
อีกอย่างคือ เราอยากรู้ว่า ถ้าเปลี่ยนเจ้า จะเป็นทางเลือกที่ดีไหมคะ หรือว่าทั่วไปแล้ว ควรใช้เจ้าที่ธนาคารหามา บ.ประกันนี้ทางธนาคารน่าจะเป็น partner (เดาเอา) เพราะตอนทำประกันก็ผ่านธนาคารกับเจ้านี้เลย + ประสานงานผ่านธนาคารค่ะ
หากใครมีทำประกันสินเชื่อบ้านอยู่ อยากให้ช่วยแชร์ระยะเวลา วงเงิน ต่าง ๆ ว่าเท่าไหนถึงดูสมเหตุผลและไม่น้อยเกินไปค่ะ
ที่จริงค่าเบี้ยให้จ่ายเพิ่มเราก็ยินดีนะคะ แต่ปกติจะจ่ายเป็นงวด ไม่ได้จ่ายทั้งก้อนแบบนี้ อันนี้เหมือนเขาเลือกแผนคุ้มครองมาให้ก่อน แล้วรอผลตรวจประวัติจาก รพ. เลยเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ ถ้าเขาประเมินเบี้ยสูงตั้งแต่แรก และจ่ายเป็นงวด เราคิดว่าเราก็ผ่อนไหวอยู่ค่ะ
เรากลัวเรื่องในอนาคต ไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนเพราะหนี้ที่เรามีค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความเห็นค่ะ
โดนเพิ่มค่าเบี้ยประกันสินเชื่อบ้าน ทำยังไงดีคะ?
ทาง บ.ประกันก็มีทำเรื่องขอประวัติสุขภาพจากรพ. จนผ่านมาประมาณ 3 เดือน มีจดหมายแจ้งปรับแผนการคุ้มครอง ซึ่งถ้าเราเลือกจะให้คุ้มครองเท่าเดิมที่ทำไว้ตอนแรก ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งต้องจ่ายเป็นก้อนภายในเดือนนี้ พูดตรง ๆ ว่าหาเงินก้อนไม่ทันค่ะ
ตอนนี้เลยชั่งใจว่าควรจะทำยังไงต่อ จะจ่ายเบี้ยเท่าเดิมแล้วลดความคุ้มครองลง จาก 15 ปี เหลือ 9 ปี ไม่แน่ใจว่าน้อยไปมั้ย หรือลดทุนประกัน ซึ่งน้อยลงไปเกือบครึ่งเลยค่ะ
อีกอย่างคือ เราอยากรู้ว่า ถ้าเปลี่ยนเจ้า จะเป็นทางเลือกที่ดีไหมคะ หรือว่าทั่วไปแล้ว ควรใช้เจ้าที่ธนาคารหามา บ.ประกันนี้ทางธนาคารน่าจะเป็น partner (เดาเอา) เพราะตอนทำประกันก็ผ่านธนาคารกับเจ้านี้เลย + ประสานงานผ่านธนาคารค่ะ
หากใครมีทำประกันสินเชื่อบ้านอยู่ อยากให้ช่วยแชร์ระยะเวลา วงเงิน ต่าง ๆ ว่าเท่าไหนถึงดูสมเหตุผลและไม่น้อยเกินไปค่ะ
ที่จริงค่าเบี้ยให้จ่ายเพิ่มเราก็ยินดีนะคะ แต่ปกติจะจ่ายเป็นงวด ไม่ได้จ่ายทั้งก้อนแบบนี้ อันนี้เหมือนเขาเลือกแผนคุ้มครองมาให้ก่อน แล้วรอผลตรวจประวัติจาก รพ. เลยเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ ถ้าเขาประเมินเบี้ยสูงตั้งแต่แรก และจ่ายเป็นงวด เราคิดว่าเราก็ผ่อนไหวอยู่ค่ะ
เรากลัวเรื่องในอนาคต ไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนเพราะหนี้ที่เรามีค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความเห็นค่ะ