สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเพื่อนจากทุกคนได้มั้ยคะ
เริ่มจากแนะนำเพื่อนคร่าว ๆ ก่อนนะคะ (นามสมมติว่า ขิม) คือ ขิมเป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์บางอย่างมาจนเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ปัจจุบันรักษาหายดีแล้ว แต่ยังต้องกินยาบางตัวอยู่ เพื่อนคนนี้เป็นคนรักครอบครัว แฟน(ที่เหมือนเพื่อน) และเพื่อนสนิทมาก ๆ หากมีเรื่องอะไรก็จะเล่าให้ฟังค่ะ เขาเป็นคนขี้เหงา ถ้าช่วงไหนเกิดเครียดก็จะนอนคนเดียวไม่ได้ เลยต้องไปนอนห้องเพื่อน ไม่ก็ชวนเพื่อนมานอนที่ห้องค่ะ (แฟนเขาติดนิสัยนอนคนเดียว ขิมเลยต้องพึ่งเพื่อนตลอด) จนเราได้มารู้จักขิมและกลุ่มเพื่อนของเขาเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะเรียนเอกเดียวกันและเจอกันบ่อย ทำให้สนิทกันมากขึ้นค่ะ
ช่วงแรกก็ดีค่ะ แบบได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ จนพวกเราเริ่มมาสนิทกันตอนต้นปีนี้เป็นช่วงสอบไฟนอลพอดี จึงเป็นครั้งแรกที่เขาชวนเราไปนอนที่ห้องด้วย (ส่วนตัวเป็นคนขี้เกรงใจและไม่ชอบไปนอนห้องใครเลยแม้กระทั่งเพื่อนสนิท) และได้รู้ว่าเขาเป็นซึมเศร้ามาก่อน เราเลยใจอ่อนยอมไปนอนที่ห้องเขาเพราะเขาดูเครียดมากจริง ๆ ซึ่งเราก็ตั้งใจว่าจะนอนแค่คืนเดียว กลายเป็นว่าต้องหอบผ้าไปนอนหลายคืนจนสอบไฟนอลเสร็จ ช่วงนั้นก็ปกติดีค่ะ ไม่ได้มีอะไรที่เราไม่ชอบ แต่ติดตรงที่ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ แล้วเขาก็ไม่ยอมให้เราจ่ายค่าน้ำค่าไฟ พอช่วงปิดเทอมก็ห่าง ๆ กัน เพราะเราต้องกลับบ้าน ส่วนเขาก็เรียนซัมเมอร์
มาถึงเทอมสุดท้ายที่เรียนด้วยกัน ช่วงแรกที่เรียนเขาก็เข้ามาคุยกับเราเหมือนเดิม และจะชอบบอกว่า คิดถึงเรามาก และถามว่า เราคิดถึงเขาบ้างไหม เราก็ตอบไปว่าคิดถึง ซึ่งน่าจะเป็นครั้งเดียวที่ตอบแบบนี้ (จริง ๆ เราเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก ง่าย ๆ คือขี้อาย และไม่ชินเวลาแสดงความรักกับคนอื่น ซึ่งกับครอบครัวเราก็เป็นแบบนี้ คิดว่าน่าจะได้มาจากพ่อ เพราะไม่เคยเห็นพ่อพูดบอกรักหรือแสดงความรักกับแม่หรือลูกตรง ๆ เลย) จนช่วงหลัง ๆ ขิมเริ่มถามเป็นครั้งคราวและบ่อยขึ้น เราจึงตอบแบบล้อเล่นไปว่า ไม่ หรือตอบ อืม อย่างเดียว และเขาชวนเราไปออกกำลังกายด้วยกัน แล้วก็หายไปเหมือนอาการแย่ลงเพราะเครียดเรื่องบางอย่าง เขาก็ชวนเราไปนอนด้วยอีก แล้วเขาก็ดีขึ้นนิดหนึ่ง จนเขาชวนเราไปเที่ยวตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จ เราเห็นว่าใกล้ ๆ ก็เลยตอบตกลงไป มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองต้องกลับดึกขิมเลยขอมานอนที่ห้อง เราก็บอกว่าไม่สะดวกเพราะอยู่กับพี่ ซึ่งเราก็รู้สึกแปลก ๆ หลังจากที่เขาขอมานอนที่ห้อง และรู้สึกผิดด้วยที่ให้นอนด้วยไม่ได้ พอเกือบท้ายเทอมงานกลุ่มเยอะและหนักมาก ทำให้ขิมเริ่มเครียด เขาก็พยายามชวนเราไปนอนด้วย เราก็บอกไปว่าต้องทำงานนี้ให้เสร็จก่อน เพราะทำที่ห้องตัวเองสะดวกกว่า คือตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดเขาและรู้สึกแปลกไป จนทำให้เรารู้สึกเครียดด้วย ซึ่งตอนแรกเราเข้าใจว่าอารมณ์แปรปรวนเพราะเมนส์มาพอดี แต่เขาก็ถามอยู่เนือง ๆ ว่าจะมานอนเมื่อไร เราก็ผัดวันมาเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากไปนอนห้องเพื่อนแล้ว (ทั้งเกรงใจทั้งไม่อยากไป และเราจะรู้สึกผิดหากปฏิเสธไปตรง ๆ) จึงบอกไปว่าเสร็จงานนี้แล้วจะไปนอนด้วย แต่ลืมไปว่ายังเหลืออีกงานหนึ่ง เห็นเขาเงียบไปก็คิดว่าน่าจะมีเพื่อนไปนอนด้วยแล้ว แต่พอทำเสร็จเขาก็ชวนให้มานอนช่วงใกล้สอบไฟนอลอีก จะได้อ่านหนังสือด้วยกัน เพราะเขาอ่านคนเดียวไม่ได้ แบบจะเอาแต่นอนทั้งวัน ไม่มีแรงอ่าน เราก็ฝืนใจไปเพราะไม่อยากให้เขาเป็นแบบนั้น
ซึ่งพอมาอยู่กับเขาก็ทำให้เรารู้ว่า เราชอบอ่านหนังสือเงียบ ๆ คนเดียว ไม่ชอบนอนห้องคนอื่น อยากอยู่คนเดียวมากขึ้นหลังจากได้รู้จักเขา และเป็นคนขี้รำคาญมากขึ้นจากการตื๊อ ทำให้ช่วงหลัง ๆ เรารู้สึกอึดอัดและไม่สนิทใจเท่าช่วงแรกที่ได้รู้จักกัน รวมถึงมีหลายอย่างที่เรากับเขาชอบไม่ค่อยเหมือนกัน ทั้งเพลง หนัง ซีรีส์ ละคร งานอดิเรก ทำให้บางอย่างก็แชร์ความรู้สึกกันยาก แต่เราไม่ได้มองว่าขิมนิสัยไม่ดีเลย อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ให้กำลังใจคนอื่นเสมอ ขอให้ช่วยอะไรก็ช่วย ไม่พูดหยาบ พูดเก่ง ทำงานบ้านก็เก่ง และเก่งมากที่ผ่านเรื่องแย่ ๆ มาแต่ก็สามารถเข้มแข็งและเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองได้ แต่เราคิดว่าเขายึดติดกับอะไรสักอย่างอยู่เสมอทำให้กังวลเกี่ยวกับอนาคตตลอด เพราะเวลาบอกลาหลังไปเที่ยวเสร็จเขาจะกอดเราทุกครั้งเหมือนพวกเราจะจากไปไหนไกล ทำให้เรารู้สึกไม่ดีเวลาแยกกัน เราคิดว่าความคาดหวังของเขาทำให้เราอึดอัดอยู่ตลอด จนถึงขั้นอยากกลับไปเป็นแค่เพื่อนใหม่เหมือนช่วงแรกที่เพิ่งรู้จักกัน เพราะหลังจากสอบอะไรเสร็จหมดแล้ว เราก็จะต้องหางานทำ ส่วนเขาก็ไปฝึกงาน ขิมเลยบอกเราว่า อย่ากลับบ้านนะ ว่างแล้วนัดเจอกัน และทิ้งท้ายว่าไปนอนที่ห้องเขาบ้าง นอกจากนี้บางวัน (รวมก่อนหน้านี้ด้วย) เขาก็โทรมาหา (อยู่ ๆ ก็โทรมา ไม่มีพิมพ์บอกก่อน ตอนแรกเข้าใจว่ามีเรื่องสำคัญ สรุปเหงาเลยโทรมาคุย) แต่บางทีเราก็ไม่ได้รับสายทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เพราะบางทีก็ไม่ว่างรับและบางทีก็คุยกันนานเกินไปสำหรับเรา (ไม่กล้าตัดจบเพราะเขาบอกว่าเหงา) จนเราเริ่มกลัว เล่นโซเชียลน้อยลง ไม่ยอมอ่านแชทของใครเลย แถมเปิดโหมดพระจันทร์อีก และคิดมากว่าทำไมเราเป็นแบบนี้ เพราะเรารู้ตัวเองว่าเราไม่ชอบขิมเหมือนก่อนหน้านี้ และพยายามหาสาเหตุว่าทำไม เหตุผลที่ไม่ชอบคืออะไร ก็เลยไปถาม chat gpt ถ้าหลัก ๆ เราคิดว่าน่าจะเรื่องรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไปจากคำตอบของ gpt นอกจากนี้เราก็ไปฟังพอดแคสต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับเพื่อน ที่เข้าข่ายก็น่าจะเป็นเรื่องนั้นเรื่องเดียว ซึ่งมันยากตรงที่เราบอกเขาตรง ๆ ไม่ได้เพราะกลัวเขาเสียใจและมองหน้ากันไม่ติด รวมถึงเพื่อนของขิมมาบอกว่าเขาเล่าเรื่องที่ได้รู้จักเราแล้วเขาชอบเรามาก และเขาก็เป็นซึมเศร้ามาก่อน จนเราไม่รู้จะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี ช่วงหลังมานี้ก็นอนดึก หลับยากจนทนไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา เพราะคิดเรื่องนี้วน ๆ ซ้ำว่า ถ้าหายไปเลยจะดีกว่าหรือเปล่านะ หรือจะเก็บเป็นความลับไว้และทนไปเหมือนเดิม เอาตรง ๆ คือ ไม่อยากเจอหน้าและไม่อยากคุยแม้กระทั่งในแชท ซึ่งเราว่าเราเป็นเอามากที่เป็นแบบนี้ คือมันอยู่ที่ตัวเราเองใช่มั้ยที่ดันรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา แล้วจัดการเองไม่ได้เลยเลือกที่จะหนีปัญหา เราหวงความเป็นส่วนตัวมากเกินไปรึเปล่า หรือ ไม่ยอมปฏิเสธไปดี ๆ ตั้งแต่แรก (เพราะเราคิดตลอดว่าเขาเป็นซึมเศร้ามาก่อน เราเลยกลัวจะไปทำร้ายเขาอีก ทำให้ต้องระวังตลอดเวลาจะพูดอะไร) หรือ เราเองที่ยึดติดกับคำว่าซึมเศร้ามากเกินไป
เป็นเพื่อนคนแรกที่เรารู้สึกอยากเลิกคบค่ะ ปกติในแชทโซเชียลต่าง ๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว มีแต่ส่งคลิปในไอจีกันไปมา เขาชอบโทรคุย แต่เราไม่ค่อยชอบ เพราะบางทีคุยนานจนคาสายกล่อมนอนก็เคยค่ะ เราเลยเลี่ยง พยายามตอบเขาน้อยลงจนหายไปเลย แต่ก็กลับมาตอบเขาทีหลังเพราะรู้สึกผิด (เป็นแบบนี้มาเกือบเดือนค่ะ)
ส่วนตัวเราไม่เคยมีแฟน หากใครมาชอบจะทำตัวไม่ถูกและตีตัวออกห่าง และชอบคนยากด้วยค่ะ เราเลยคิดว่าการที่เขาชอบเราในฐานะเพื่อนมากเกินไป ทำให้เราอยากตีตัวออกห่างรึเปล่าคะ ซึ่งจริง ๆ เขาก็มีแฟนอยู่แล้วด้วยค่ะ
***ตักเตือนเราได้นะคะ
เราอยากรู้ว่าควรพูดกับเพื่อนยังไงดีค่ะ หรือต้องแก้ที่ตัวเราคะ
เราไม่ดีหรือเราไม่พอดีกับเพื่อนเหรอคะ รู้สึกแย่ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้กับเพื่อนค่ะ
เริ่มจากแนะนำเพื่อนคร่าว ๆ ก่อนนะคะ (นามสมมติว่า ขิม) คือ ขิมเป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์บางอย่างมาจนเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ปัจจุบันรักษาหายดีแล้ว แต่ยังต้องกินยาบางตัวอยู่ เพื่อนคนนี้เป็นคนรักครอบครัว แฟน(ที่เหมือนเพื่อน) และเพื่อนสนิทมาก ๆ หากมีเรื่องอะไรก็จะเล่าให้ฟังค่ะ เขาเป็นคนขี้เหงา ถ้าช่วงไหนเกิดเครียดก็จะนอนคนเดียวไม่ได้ เลยต้องไปนอนห้องเพื่อน ไม่ก็ชวนเพื่อนมานอนที่ห้องค่ะ (แฟนเขาติดนิสัยนอนคนเดียว ขิมเลยต้องพึ่งเพื่อนตลอด) จนเราได้มารู้จักขิมและกลุ่มเพื่อนของเขาเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะเรียนเอกเดียวกันและเจอกันบ่อย ทำให้สนิทกันมากขึ้นค่ะ
ช่วงแรกก็ดีค่ะ แบบได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ จนพวกเราเริ่มมาสนิทกันตอนต้นปีนี้เป็นช่วงสอบไฟนอลพอดี จึงเป็นครั้งแรกที่เขาชวนเราไปนอนที่ห้องด้วย (ส่วนตัวเป็นคนขี้เกรงใจและไม่ชอบไปนอนห้องใครเลยแม้กระทั่งเพื่อนสนิท) และได้รู้ว่าเขาเป็นซึมเศร้ามาก่อน เราเลยใจอ่อนยอมไปนอนที่ห้องเขาเพราะเขาดูเครียดมากจริง ๆ ซึ่งเราก็ตั้งใจว่าจะนอนแค่คืนเดียว กลายเป็นว่าต้องหอบผ้าไปนอนหลายคืนจนสอบไฟนอลเสร็จ ช่วงนั้นก็ปกติดีค่ะ ไม่ได้มีอะไรที่เราไม่ชอบ แต่ติดตรงที่ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ แล้วเขาก็ไม่ยอมให้เราจ่ายค่าน้ำค่าไฟ พอช่วงปิดเทอมก็ห่าง ๆ กัน เพราะเราต้องกลับบ้าน ส่วนเขาก็เรียนซัมเมอร์
มาถึงเทอมสุดท้ายที่เรียนด้วยกัน ช่วงแรกที่เรียนเขาก็เข้ามาคุยกับเราเหมือนเดิม และจะชอบบอกว่า คิดถึงเรามาก และถามว่า เราคิดถึงเขาบ้างไหม เราก็ตอบไปว่าคิดถึง ซึ่งน่าจะเป็นครั้งเดียวที่ตอบแบบนี้ (จริง ๆ เราเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก ง่าย ๆ คือขี้อาย และไม่ชินเวลาแสดงความรักกับคนอื่น ซึ่งกับครอบครัวเราก็เป็นแบบนี้ คิดว่าน่าจะได้มาจากพ่อ เพราะไม่เคยเห็นพ่อพูดบอกรักหรือแสดงความรักกับแม่หรือลูกตรง ๆ เลย) จนช่วงหลัง ๆ ขิมเริ่มถามเป็นครั้งคราวและบ่อยขึ้น เราจึงตอบแบบล้อเล่นไปว่า ไม่ หรือตอบ อืม อย่างเดียว และเขาชวนเราไปออกกำลังกายด้วยกัน แล้วก็หายไปเหมือนอาการแย่ลงเพราะเครียดเรื่องบางอย่าง เขาก็ชวนเราไปนอนด้วยอีก แล้วเขาก็ดีขึ้นนิดหนึ่ง จนเขาชวนเราไปเที่ยวตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จ เราเห็นว่าใกล้ ๆ ก็เลยตอบตกลงไป มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองต้องกลับดึกขิมเลยขอมานอนที่ห้อง เราก็บอกว่าไม่สะดวกเพราะอยู่กับพี่ ซึ่งเราก็รู้สึกแปลก ๆ หลังจากที่เขาขอมานอนที่ห้อง และรู้สึกผิดด้วยที่ให้นอนด้วยไม่ได้ พอเกือบท้ายเทอมงานกลุ่มเยอะและหนักมาก ทำให้ขิมเริ่มเครียด เขาก็พยายามชวนเราไปนอนด้วย เราก็บอกไปว่าต้องทำงานนี้ให้เสร็จก่อน เพราะทำที่ห้องตัวเองสะดวกกว่า คือตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดเขาและรู้สึกแปลกไป จนทำให้เรารู้สึกเครียดด้วย ซึ่งตอนแรกเราเข้าใจว่าอารมณ์แปรปรวนเพราะเมนส์มาพอดี แต่เขาก็ถามอยู่เนือง ๆ ว่าจะมานอนเมื่อไร เราก็ผัดวันมาเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากไปนอนห้องเพื่อนแล้ว (ทั้งเกรงใจทั้งไม่อยากไป และเราจะรู้สึกผิดหากปฏิเสธไปตรง ๆ) จึงบอกไปว่าเสร็จงานนี้แล้วจะไปนอนด้วย แต่ลืมไปว่ายังเหลืออีกงานหนึ่ง เห็นเขาเงียบไปก็คิดว่าน่าจะมีเพื่อนไปนอนด้วยแล้ว แต่พอทำเสร็จเขาก็ชวนให้มานอนช่วงใกล้สอบไฟนอลอีก จะได้อ่านหนังสือด้วยกัน เพราะเขาอ่านคนเดียวไม่ได้ แบบจะเอาแต่นอนทั้งวัน ไม่มีแรงอ่าน เราก็ฝืนใจไปเพราะไม่อยากให้เขาเป็นแบบนั้น
ซึ่งพอมาอยู่กับเขาก็ทำให้เรารู้ว่า เราชอบอ่านหนังสือเงียบ ๆ คนเดียว ไม่ชอบนอนห้องคนอื่น อยากอยู่คนเดียวมากขึ้นหลังจากได้รู้จักเขา และเป็นคนขี้รำคาญมากขึ้นจากการตื๊อ ทำให้ช่วงหลัง ๆ เรารู้สึกอึดอัดและไม่สนิทใจเท่าช่วงแรกที่ได้รู้จักกัน รวมถึงมีหลายอย่างที่เรากับเขาชอบไม่ค่อยเหมือนกัน ทั้งเพลง หนัง ซีรีส์ ละคร งานอดิเรก ทำให้บางอย่างก็แชร์ความรู้สึกกันยาก แต่เราไม่ได้มองว่าขิมนิสัยไม่ดีเลย อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ให้กำลังใจคนอื่นเสมอ ขอให้ช่วยอะไรก็ช่วย ไม่พูดหยาบ พูดเก่ง ทำงานบ้านก็เก่ง และเก่งมากที่ผ่านเรื่องแย่ ๆ มาแต่ก็สามารถเข้มแข็งและเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองได้ แต่เราคิดว่าเขายึดติดกับอะไรสักอย่างอยู่เสมอทำให้กังวลเกี่ยวกับอนาคตตลอด เพราะเวลาบอกลาหลังไปเที่ยวเสร็จเขาจะกอดเราทุกครั้งเหมือนพวกเราจะจากไปไหนไกล ทำให้เรารู้สึกไม่ดีเวลาแยกกัน เราคิดว่าความคาดหวังของเขาทำให้เราอึดอัดอยู่ตลอด จนถึงขั้นอยากกลับไปเป็นแค่เพื่อนใหม่เหมือนช่วงแรกที่เพิ่งรู้จักกัน เพราะหลังจากสอบอะไรเสร็จหมดแล้ว เราก็จะต้องหางานทำ ส่วนเขาก็ไปฝึกงาน ขิมเลยบอกเราว่า อย่ากลับบ้านนะ ว่างแล้วนัดเจอกัน และทิ้งท้ายว่าไปนอนที่ห้องเขาบ้าง นอกจากนี้บางวัน (รวมก่อนหน้านี้ด้วย) เขาก็โทรมาหา (อยู่ ๆ ก็โทรมา ไม่มีพิมพ์บอกก่อน ตอนแรกเข้าใจว่ามีเรื่องสำคัญ สรุปเหงาเลยโทรมาคุย) แต่บางทีเราก็ไม่ได้รับสายทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เพราะบางทีก็ไม่ว่างรับและบางทีก็คุยกันนานเกินไปสำหรับเรา (ไม่กล้าตัดจบเพราะเขาบอกว่าเหงา) จนเราเริ่มกลัว เล่นโซเชียลน้อยลง ไม่ยอมอ่านแชทของใครเลย แถมเปิดโหมดพระจันทร์อีก และคิดมากว่าทำไมเราเป็นแบบนี้ เพราะเรารู้ตัวเองว่าเราไม่ชอบขิมเหมือนก่อนหน้านี้ และพยายามหาสาเหตุว่าทำไม เหตุผลที่ไม่ชอบคืออะไร ก็เลยไปถาม chat gpt ถ้าหลัก ๆ เราคิดว่าน่าจะเรื่องรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไปจากคำตอบของ gpt นอกจากนี้เราก็ไปฟังพอดแคสต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับเพื่อน ที่เข้าข่ายก็น่าจะเป็นเรื่องนั้นเรื่องเดียว ซึ่งมันยากตรงที่เราบอกเขาตรง ๆ ไม่ได้เพราะกลัวเขาเสียใจและมองหน้ากันไม่ติด รวมถึงเพื่อนของขิมมาบอกว่าเขาเล่าเรื่องที่ได้รู้จักเราแล้วเขาชอบเรามาก และเขาก็เป็นซึมเศร้ามาก่อน จนเราไม่รู้จะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี ช่วงหลังมานี้ก็นอนดึก หลับยากจนทนไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา เพราะคิดเรื่องนี้วน ๆ ซ้ำว่า ถ้าหายไปเลยจะดีกว่าหรือเปล่านะ หรือจะเก็บเป็นความลับไว้และทนไปเหมือนเดิม เอาตรง ๆ คือ ไม่อยากเจอหน้าและไม่อยากคุยแม้กระทั่งในแชท ซึ่งเราว่าเราเป็นเอามากที่เป็นแบบนี้ คือมันอยู่ที่ตัวเราเองใช่มั้ยที่ดันรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา แล้วจัดการเองไม่ได้เลยเลือกที่จะหนีปัญหา เราหวงความเป็นส่วนตัวมากเกินไปรึเปล่า หรือ ไม่ยอมปฏิเสธไปดี ๆ ตั้งแต่แรก (เพราะเราคิดตลอดว่าเขาเป็นซึมเศร้ามาก่อน เราเลยกลัวจะไปทำร้ายเขาอีก ทำให้ต้องระวังตลอดเวลาจะพูดอะไร) หรือ เราเองที่ยึดติดกับคำว่าซึมเศร้ามากเกินไป
เป็นเพื่อนคนแรกที่เรารู้สึกอยากเลิกคบค่ะ ปกติในแชทโซเชียลต่าง ๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว มีแต่ส่งคลิปในไอจีกันไปมา เขาชอบโทรคุย แต่เราไม่ค่อยชอบ เพราะบางทีคุยนานจนคาสายกล่อมนอนก็เคยค่ะ เราเลยเลี่ยง พยายามตอบเขาน้อยลงจนหายไปเลย แต่ก็กลับมาตอบเขาทีหลังเพราะรู้สึกผิด (เป็นแบบนี้มาเกือบเดือนค่ะ)
ส่วนตัวเราไม่เคยมีแฟน หากใครมาชอบจะทำตัวไม่ถูกและตีตัวออกห่าง และชอบคนยากด้วยค่ะ เราเลยคิดว่าการที่เขาชอบเราในฐานะเพื่อนมากเกินไป ทำให้เราอยากตีตัวออกห่างรึเปล่าคะ ซึ่งจริง ๆ เขาก็มีแฟนอยู่แล้วด้วยค่ะ
***ตักเตือนเราได้นะคะ
เราอยากรู้ว่าควรพูดกับเพื่อนยังไงดีค่ะ หรือต้องแก้ที่ตัวเราคะ