กระทู้นี้เพื่อสอบถามความเห็นโดยทั่วไป เพื่อให้ทราบถึงทัศนะคติ
มุมมองของบุคคลอื่นๆที่มีต่อสถานการณ์เดียวกัน หรือ คล้ายคลึงกัน
ขออนุญาตใช้นามสมมุติว่า A และ B (มันง่ายดี)
เรื่องการใช้ชีวิตที่ดูแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร (มั้ง)
สไตล์การใช้ชีวิต: A ไม่ดื่ม (ไปด้วยได้ อย่าบังคับดื่ม) / B ดื่ม
นิสัย: A เฉยๆ ไม่ขี้งอน ไม่ง้อ ไม่โรแมนติก / B ขี้นอย น้อยใจ อ่อนไหวง่าย
งานบ้าน: เหมือนจะแบ่งกันทำ B ทำกับข้าวบ้าง ซักผ้า A รีดผ้า พับผ้า
สัตว์เลี้ยง: มีแมวจำนวนหนึ่ง (55555) ตอนแรกตกลงกันว่าจะช่วยกันเลี้ยงดู ผ่านไประยะนึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่ A
ค่าใช้จ่าย: ค่ากิน 95% ค่าดื่ม(L)โดยส่วนใหญ่ ค่าเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ฟุ่มเฟือยบางครั้ง A เป็นคนจ่าย
ติ่ง: B เป็นติ่ง... / A เป็นคนติดบ้าน
เข้าเรื่อง....
หลังจากคบกันมาได้ 3-5 ปี (เอ่อ..จำไม่ได้จริงๆ)
เดิมที A / B อยู่คนละจังหวัด แล้วB ก็ตัดสินใจว่าไปอยู่ด้วยละกันที่ต่างจังหวัด (แนวแบบเป็นคนติดแฟน) ก็เป็นอันว่าย้ายไปอยู่ด้วยกัน B ก็ไปหางานใหม่ ทำไปได้พักนึงก็ย้าย ด้วยความเป็นคนอารมณ์ร้อน ปากไวนินุง แต่ B เองก็มี ค่าใช้จ่ายรายเดือน มีค่า กยศ ที่จ่ายอยู่ทุกเดือนๆ ประเด็นคือ มีบางช่วงที่ออกมาแบบไม่มีงาน อยู่เฉยๆ (แต่ค่าใช้จ่ายมันก็ยังมีอ่ะเน้อ)....
ต่อมา A ก็เริ่มลงทุนหาเช่าที่ หาอะไรให้ทำขาย เนื่องจาก B ทำอาหารอร่อยเลยหล่ะ แรกๆก็โอเค ไปไปมามาก็เริ่มตื่นช้าลง เหนื่อย เก็บร้านเร็วขึ้น A ก็จะมาช่วยตอนเย็นๆ สรุปคือ A ก็เริ่มเหนื่อยเหมือนกันเพราะ เช้าช่วย B แล้วก็ไปทำงาน เย็นก็กลับมาช่วย B คุยกันโอเคเท่าทุน จบ
และแล้ว B ก็ทำงานประจำอีกครั้ง แต่ก็มีปัญหากับ หัวหน้าอีก ก็ย้ายไป แล้วก็ย้ายอีก แล้วก็ย้าย คำพูดติดปาก B คือ ไม่ไหวอ่ะ
A มักจะปลอบใจว่า เอ้ยคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ดิ ทนดูก่อนมั้ย เรียนรู้ก่อนมั้ย มีอะไรให้สอนมั้ย แต่บางทีอารมณ์ B ก็แบบฉันไม่ได้อยากรบกวน แต่สีหน้ามันก็ชัดเจนเกินไปว่าฉันเครียด แล้วความหงึดก็จะผุดขึ้นมาในทันใดว่า จะเครียดไปก่อนเหตุจะเกิดทำไม ถ้าต้องการความช่วยเหลือทำไมไม่บอก
ทุกวันนี้ A ก็เริ่มมีความรู้สึกแบบว่า ตอนอยู่คนเดียว มันคือการเดินตัวปลิวไปไหนมาไหน ไม่ต้องคิดมาก แต่ปัจจุบันมันเหมือนทุกช่วงเวลาที่ดำเนินชีวิตคือเหมือนถูกเทรินกระสอบขึ้นหัวให้เดิน แล้วก็เทรินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำงานจริง แต่หมดเวลางานคือหมด แต่ถ้ามีงานจริงๆระหว่างวันหยุด..ถ้าไม่ติดอะไรทำได้ก็ทำ (ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว) อีกอย่าง B ก็ติดโซเชียลอยู่นะคงไม่เป็นไรหรอก ต่างคนต่างใช้เวลาไปละกัน งานเสร็จก็ไม่ปวดหัว ไม่ต้องมานั่งเครียด
- ฉันทำงานมาเพื่อซื้อของที่อยากได้ จะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์อะไรก็เถอะ แต่มันมีผลดีต่อใจ
- หนี้บ้าน 2 หลัง, รถ ระหว่างบ้าน รถ แล้วก็ค่าใช้จ่ายของแฟน คือต้องเลือกอะไรเหรอ? (แต่ละคนอาาจจะเลือกไม่เหมือนกันก็ได้ ใช่มะ)
- อยากไปเรียน แต่มีคนงองแงว่าไม่มีเวลาให้
- B เดินทางไปทำงานไม่สะดวก ก็ให้ยืมรถที่บ้านใช้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร เติมน้ำมันไปทำงานเอาเอง (แค่เติมน้ำมันจริงๆ) มันเป็นหน้าที่ของ A จริงๆเหรอที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวลนี้
- ฉันใช้ชีวิตวันนี้เพื่ออนาคต....ว่าจะมีนี่ นั่น โน่น มันมีแผนในหัว แต่ยังช่วย B ไหวมั้ยนะ
B ก็เริ่มรู้สึกว่า อยากลาออกมาขออยู่เฉยๆ แล้วทำงานบ้านให้ได้ไหม แต่มีข้อจำกัดว่าบางอย่างไม่ทำนะ มีหนี้รถ มีกยศ.ที่ยังคงจะเคลีย
อีกอย่าง บางที A ก็ชอบพูดว่าถ้าเจออะไรที่คิดว่าดีกว่า เหมาะสมกว่าก็ให้บอกตรงๆไม่ต้องซ่อน ถ้าวันไหนอยากจะไปก็บอก (งง แปป)
A มันโลกสวยไปหรือเปล่า ทุกอย่างมีทางออก มันไม่รักกันหรือเปล่านะที่มาพูดจาแบบนี้แต่ก็พอเข้าใจได้จากเรื่องเก่าที่เค้าเคยเจอ
ฉันมีความคิดว่า ฉันไม่ได้เก่งขาดนั้น ฉันมีข้อจำกัดในชีวิต ต้นทุนในชีวิตฉันไม่ใช่อภิมหาเศรษฐี
ทำไม A จะต้องทำงานขนาดนั้นไม่มีเวลาให้กันเลยเหรอ แต่ฉันชอบแชตกับเพื่อน ชอบไถโซเชียล
- แค่บ้าน อยู่ก็อยู่ที่เดียวทำไมไม่ขายหล่ะ
- ของบางอย่างที่ไม่ได้ใช้ไม่ซื้อไม่ได้เหรอ ซื้อมาทำไมนักเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ
- ทำไม A ไม่เข้าใจความรู้สึกบ้างว่าเราเหนื่อนจากการทำงาน เครียดจากการทำงาน ช่วยเราไม่ได้เลยเหรอ
คำถาม คือ ถ้าคุณเป็น A และถ้าคุณเป็น B คุณจะทำยังไง
ปล. อาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ได้เล่า แต่บางเรื่องเล่ามันก็อาจจะดูไม่ดีสำหรับฝ่ายใดฝ่ายนึง
ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ T^T
อายุของ A/B น้อยกว่า 40 แน่ๆ (อ่ะนะ)
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นล่วงหน้าเลยจ้า
การใช้ชีวิตกับ..แฟน
มุมมองของบุคคลอื่นๆที่มีต่อสถานการณ์เดียวกัน หรือ คล้ายคลึงกัน
ขออนุญาตใช้นามสมมุติว่า A และ B (มันง่ายดี)
เรื่องการใช้ชีวิตที่ดูแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร (มั้ง)
สไตล์การใช้ชีวิต: A ไม่ดื่ม (ไปด้วยได้ อย่าบังคับดื่ม) / B ดื่ม
นิสัย: A เฉยๆ ไม่ขี้งอน ไม่ง้อ ไม่โรแมนติก / B ขี้นอย น้อยใจ อ่อนไหวง่าย
งานบ้าน: เหมือนจะแบ่งกันทำ B ทำกับข้าวบ้าง ซักผ้า A รีดผ้า พับผ้า
สัตว์เลี้ยง: มีแมวจำนวนหนึ่ง (55555) ตอนแรกตกลงกันว่าจะช่วยกันเลี้ยงดู ผ่านไประยะนึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่ A
ค่าใช้จ่าย: ค่ากิน 95% ค่าดื่ม(L)โดยส่วนใหญ่ ค่าเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ฟุ่มเฟือยบางครั้ง A เป็นคนจ่าย
ติ่ง: B เป็นติ่ง... / A เป็นคนติดบ้าน
เข้าเรื่อง....
หลังจากคบกันมาได้ 3-5 ปี (เอ่อ..จำไม่ได้จริงๆ)
เดิมที A / B อยู่คนละจังหวัด แล้วB ก็ตัดสินใจว่าไปอยู่ด้วยละกันที่ต่างจังหวัด (แนวแบบเป็นคนติดแฟน) ก็เป็นอันว่าย้ายไปอยู่ด้วยกัน B ก็ไปหางานใหม่ ทำไปได้พักนึงก็ย้าย ด้วยความเป็นคนอารมณ์ร้อน ปากไวนินุง แต่ B เองก็มี ค่าใช้จ่ายรายเดือน มีค่า กยศ ที่จ่ายอยู่ทุกเดือนๆ ประเด็นคือ มีบางช่วงที่ออกมาแบบไม่มีงาน อยู่เฉยๆ (แต่ค่าใช้จ่ายมันก็ยังมีอ่ะเน้อ)....
ต่อมา A ก็เริ่มลงทุนหาเช่าที่ หาอะไรให้ทำขาย เนื่องจาก B ทำอาหารอร่อยเลยหล่ะ แรกๆก็โอเค ไปไปมามาก็เริ่มตื่นช้าลง เหนื่อย เก็บร้านเร็วขึ้น A ก็จะมาช่วยตอนเย็นๆ สรุปคือ A ก็เริ่มเหนื่อยเหมือนกันเพราะ เช้าช่วย B แล้วก็ไปทำงาน เย็นก็กลับมาช่วย B คุยกันโอเคเท่าทุน จบ
และแล้ว B ก็ทำงานประจำอีกครั้ง แต่ก็มีปัญหากับ หัวหน้าอีก ก็ย้ายไป แล้วก็ย้ายอีก แล้วก็ย้าย คำพูดติดปาก B คือ ไม่ไหวอ่ะ
A มักจะปลอบใจว่า เอ้ยคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ดิ ทนดูก่อนมั้ย เรียนรู้ก่อนมั้ย มีอะไรให้สอนมั้ย แต่บางทีอารมณ์ B ก็แบบฉันไม่ได้อยากรบกวน แต่สีหน้ามันก็ชัดเจนเกินไปว่าฉันเครียด แล้วความหงึดก็จะผุดขึ้นมาในทันใดว่า จะเครียดไปก่อนเหตุจะเกิดทำไม ถ้าต้องการความช่วยเหลือทำไมไม่บอก
ทุกวันนี้ A ก็เริ่มมีความรู้สึกแบบว่า ตอนอยู่คนเดียว มันคือการเดินตัวปลิวไปไหนมาไหน ไม่ต้องคิดมาก แต่ปัจจุบันมันเหมือนทุกช่วงเวลาที่ดำเนินชีวิตคือเหมือนถูกเทรินกระสอบขึ้นหัวให้เดิน แล้วก็เทรินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำงานจริง แต่หมดเวลางานคือหมด แต่ถ้ามีงานจริงๆระหว่างวันหยุด..ถ้าไม่ติดอะไรทำได้ก็ทำ (ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว) อีกอย่าง B ก็ติดโซเชียลอยู่นะคงไม่เป็นไรหรอก ต่างคนต่างใช้เวลาไปละกัน งานเสร็จก็ไม่ปวดหัว ไม่ต้องมานั่งเครียด
- ฉันทำงานมาเพื่อซื้อของที่อยากได้ จะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์อะไรก็เถอะ แต่มันมีผลดีต่อใจ
- หนี้บ้าน 2 หลัง, รถ ระหว่างบ้าน รถ แล้วก็ค่าใช้จ่ายของแฟน คือต้องเลือกอะไรเหรอ? (แต่ละคนอาาจจะเลือกไม่เหมือนกันก็ได้ ใช่มะ)
- อยากไปเรียน แต่มีคนงองแงว่าไม่มีเวลาให้
- B เดินทางไปทำงานไม่สะดวก ก็ให้ยืมรถที่บ้านใช้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร เติมน้ำมันไปทำงานเอาเอง (แค่เติมน้ำมันจริงๆ) มันเป็นหน้าที่ของ A จริงๆเหรอที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวลนี้
- ฉันใช้ชีวิตวันนี้เพื่ออนาคต....ว่าจะมีนี่ นั่น โน่น มันมีแผนในหัว แต่ยังช่วย B ไหวมั้ยนะ
B ก็เริ่มรู้สึกว่า อยากลาออกมาขออยู่เฉยๆ แล้วทำงานบ้านให้ได้ไหม แต่มีข้อจำกัดว่าบางอย่างไม่ทำนะ มีหนี้รถ มีกยศ.ที่ยังคงจะเคลีย
อีกอย่าง บางที A ก็ชอบพูดว่าถ้าเจออะไรที่คิดว่าดีกว่า เหมาะสมกว่าก็ให้บอกตรงๆไม่ต้องซ่อน ถ้าวันไหนอยากจะไปก็บอก (งง แปป)
A มันโลกสวยไปหรือเปล่า ทุกอย่างมีทางออก มันไม่รักกันหรือเปล่านะที่มาพูดจาแบบนี้แต่ก็พอเข้าใจได้จากเรื่องเก่าที่เค้าเคยเจอ
ฉันมีความคิดว่า ฉันไม่ได้เก่งขาดนั้น ฉันมีข้อจำกัดในชีวิต ต้นทุนในชีวิตฉันไม่ใช่อภิมหาเศรษฐี
ทำไม A จะต้องทำงานขนาดนั้นไม่มีเวลาให้กันเลยเหรอ แต่ฉันชอบแชตกับเพื่อน ชอบไถโซเชียล
- แค่บ้าน อยู่ก็อยู่ที่เดียวทำไมไม่ขายหล่ะ
- ของบางอย่างที่ไม่ได้ใช้ไม่ซื้อไม่ได้เหรอ ซื้อมาทำไมนักเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ
- ทำไม A ไม่เข้าใจความรู้สึกบ้างว่าเราเหนื่อนจากการทำงาน เครียดจากการทำงาน ช่วยเราไม่ได้เลยเหรอ
คำถาม คือ ถ้าคุณเป็น A และถ้าคุณเป็น B คุณจะทำยังไง
ปล. อาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ได้เล่า แต่บางเรื่องเล่ามันก็อาจจะดูไม่ดีสำหรับฝ่ายใดฝ่ายนึง
ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ T^T
อายุของ A/B น้อยกว่า 40 แน่ๆ (อ่ะนะ)
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นล่วงหน้าเลยจ้า