การขับรถเกียร์ออโต้ เวลาจะขึ้นเขา ลงเขา ลองดูแบบนี้นะ
ไม่ว่าจะเป็น เกียร์ ตำแหน่ง S,S+-,M+-,D+- กับ L,B ใช้ตอนไหน?
ฝึกใช้เอาไว้ จะมีประโยชน์มาก
.
สำหรับเกียร์ S คือ เกียร์ sports
ประโยชน์ใช้ในการเร่งแซง ขึ้นเขา+ลงเขา
การใช้งาน จากเกียร์ D สามารถยกคันเร่งแล้วเข้า S ได้เลยในขณะรถวิ่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรคหรือหยุดรถก่อน
และเมื่อต้องการหยุดใช้งานสามารถโยกกลับเข้าเกียร์ D ได้เลยในขณะวิ่งเช่นกัน
.
สำหรับรถใครที่มี S+- หรือ M+- หรือ D+- สามารถใช้ในการเร่งแซงขึ้นเขาลงเขาได้เช่นกัน แต่จะมีความพิเศษคือสามารถเพิ่มเกียร์หรือรถเกียร์ได้เหมือนกับขับรถเกียร์แมนนวลเมื่ออยู่ในโหมดนี้
.
สำหรับเกียร์ L คือ เกียร์ Low หรือคล้ายๆเกียร์ 1
ประโยชน์ใช้ในการออกตัวบนทางชันมากๆ หรือขึ้นเขาในกรณีที่ เกียร์ D หรือ S ขึ้นไม่ไหว และใช้ในการลงเขาที่ชันมากๆ
การใช้งาน ให้ใช้ตอนที่รถมีความเร็วต่ำหรือออกตัวในกรณีขึ้นเขาหรือออกตัวบนทางชัน หากเกียร์ d หรือ s ขึ้นไม่ไหว ให้เราเข้าเกียร์ L และขับขึ้นไปช้าๆได้เลย รอบเครื่องยนต์จะขึ้นสูงเสียงเครื่องจะดังในตำแหน่งเกียร์นี้ จึงเหมาะสำหรับไว้ใช้ตอนจำเป็นจริงๆ(รอบเครื่องยนต์ในรถดีเซลไม่ควรเกิน 3,500 รอบ ในรถเบนซินไม่ควรเกิน 4,000 รอบเพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์) และหลังจากใช้แล้วต้องการเปลี่ยนไปขับปกติสามารถโยกเข้าเกียร์ Dได้เลย โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรค
.
สำหรับเกียร์ B คือ Brake คล้ายๆกับ L ใช้ในการช่วยเบรคในขณะลงเขาที่ชันมากๆ และยังใช้ในการขึ้นเขาที่ชันมากๆได้เช่นเดียวกับตัว L ได้เลย
.
สำหรับรถที่มี D3 2 L ขึ้นเขาให้ใช้ d3 ก่อน ถ้าไม่ไหวให้ใช้ 2 2 ไม่ไหวให้ใช้ L
ตอนลงเขาก็ให้ใช้ d3 หากยังเร็วมากให้ใช้ 2 หรือถ้าหากชันมากๆให้ใช้ L ได้เลย
.
คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับรถเกียร์ออโต้รถใครที่มีตำแหน่งเกียร์ S หรือ L,B ให้เข้าเกียร์ใช้งานบ้างนะ เพื่อป้องกันเกียร์ใช้งานไม่ได้ในเวลาจำเป็น
สำหรับผู้ขับขี่รถเกียร์ออโต้ให้เราฝึกการใช้งานตำแหน่งเกียร์ต่างๆให้คล่องแคล่วเพื่อเวลาฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้งานจริงๆจะได้ใช้งานได้แบบมีประสิทธิภาพนะ

ขอบคุณรูปจาก
https://www.aprtech.co.th/
ขับรถ เกียร์ออโต้ ขึ้นเขายังไงให้ปลอดภัย ที่โรงเรียนสอนขับรถไม่เคยสอน...
ไม่ว่าจะเป็น เกียร์ ตำแหน่ง S,S+-,M+-,D+- กับ L,B ใช้ตอนไหน?
ฝึกใช้เอาไว้ จะมีประโยชน์มาก
.
สำหรับเกียร์ S คือ เกียร์ sports
ประโยชน์ใช้ในการเร่งแซง ขึ้นเขา+ลงเขา
การใช้งาน จากเกียร์ D สามารถยกคันเร่งแล้วเข้า S ได้เลยในขณะรถวิ่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรคหรือหยุดรถก่อน
และเมื่อต้องการหยุดใช้งานสามารถโยกกลับเข้าเกียร์ D ได้เลยในขณะวิ่งเช่นกัน
.
สำหรับรถใครที่มี S+- หรือ M+- หรือ D+- สามารถใช้ในการเร่งแซงขึ้นเขาลงเขาได้เช่นกัน แต่จะมีความพิเศษคือสามารถเพิ่มเกียร์หรือรถเกียร์ได้เหมือนกับขับรถเกียร์แมนนวลเมื่ออยู่ในโหมดนี้
.
สำหรับเกียร์ L คือ เกียร์ Low หรือคล้ายๆเกียร์ 1
ประโยชน์ใช้ในการออกตัวบนทางชันมากๆ หรือขึ้นเขาในกรณีที่ เกียร์ D หรือ S ขึ้นไม่ไหว และใช้ในการลงเขาที่ชันมากๆ
การใช้งาน ให้ใช้ตอนที่รถมีความเร็วต่ำหรือออกตัวในกรณีขึ้นเขาหรือออกตัวบนทางชัน หากเกียร์ d หรือ s ขึ้นไม่ไหว ให้เราเข้าเกียร์ L และขับขึ้นไปช้าๆได้เลย รอบเครื่องยนต์จะขึ้นสูงเสียงเครื่องจะดังในตำแหน่งเกียร์นี้ จึงเหมาะสำหรับไว้ใช้ตอนจำเป็นจริงๆ(รอบเครื่องยนต์ในรถดีเซลไม่ควรเกิน 3,500 รอบ ในรถเบนซินไม่ควรเกิน 4,000 รอบเพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์) และหลังจากใช้แล้วต้องการเปลี่ยนไปขับปกติสามารถโยกเข้าเกียร์ Dได้เลย โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรค
.
สำหรับเกียร์ B คือ Brake คล้ายๆกับ L ใช้ในการช่วยเบรคในขณะลงเขาที่ชันมากๆ และยังใช้ในการขึ้นเขาที่ชันมากๆได้เช่นเดียวกับตัว L ได้เลย
.
สำหรับรถที่มี D3 2 L ขึ้นเขาให้ใช้ d3 ก่อน ถ้าไม่ไหวให้ใช้ 2 2 ไม่ไหวให้ใช้ L
ตอนลงเขาก็ให้ใช้ d3 หากยังเร็วมากให้ใช้ 2 หรือถ้าหากชันมากๆให้ใช้ L ได้เลย
.
คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับรถเกียร์ออโต้รถใครที่มีตำแหน่งเกียร์ S หรือ L,B ให้เข้าเกียร์ใช้งานบ้างนะ เพื่อป้องกันเกียร์ใช้งานไม่ได้ในเวลาจำเป็น
สำหรับผู้ขับขี่รถเกียร์ออโต้ให้เราฝึกการใช้งานตำแหน่งเกียร์ต่างๆให้คล่องแคล่วเพื่อเวลาฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้งานจริงๆจะได้ใช้งานได้แบบมีประสิทธิภาพนะ
ขอบคุณรูปจาก https://www.aprtech.co.th/