ปธ.กมธ.ทหารฯ เกาะติดช่วย 31 ลูกเรือ ถูกพม่ายิงเรือประมงไทย ข้องใจ ทำเกินกว่าเหตุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4928982
ปธ.กมธ.ทหารฯ เกาะติดช่วยลูกเรือไทย ถูกพม่ายิงเรือประมง ข้องใจ ทำเกินกว่าเหตุ
จากกรณีเรือรบของเมียนมา ใช้อาวุธยิงเรือประมงไทย 3 ลำ ห่างจากเกาะพยามไป 12 ไมล์ทะเล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ขณะโดนน้ำหนี และยังมีผู้บาดเจ็บ รวมถึงเมียนมา ยังได้ยึดเรือ ส.เจริญชัย 8 ซึ่งมีลูกเรือ 31 คน ไปยังเกาะย่านเชือก โดย ศรชล.ภาค 3 ได้ประสานช่วยเหลือแล้วนั้น
ล่าสุด (30 พ.ย.) นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ได้โพสต์ผ่านแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ ถึงกรณีดังกล่าวว่า
“
กรณีนี้ กมธ.ทหาร จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือชาวประมงไทยอย่างเต็มที่ ทราบเบื้องต้นว่า จุดเกิดเหตุนั้นอยู่ในน่านน้ำไทย ห่างจากเกาะพยาม 5 ไมล์ทะเล คงต้องจี้ถามให้ถึงที่สุดว่า เหตุใดเรือรบเมียนมาถึงมายิงเรือประมงไทยในน่านน้ำไทย และจะรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร”
จากนั้น นาย
วิโรจน์ โพสต์ว่า
“
ได้รับรายงานจากอีกแหล่งข่าวหนึ่งว่า จุดเกิดเหตุอาจจะห่างจากเกาะพยาม 12 ไมล์ทะเล และมีความเป็นไปได้ว่าเรือประมงไทยอาจจะล้ำเข้าไป 3 ไมล์ทะเล อย่างไรก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่าง แต่ต่อให้ล้ำจริง การยิงเรือประมง ถ้าเป็นการทำประมงจริงๆ ก็อาจถือว่าเกินกว่าเหตุ”
https://x.com/wirojlak/status/1862744913819181170
https://x.com/wirojlak/status/1862799924682993875
น้องเอวา ช่วยท่องเที่ยวเชียงใหม่ กู้หน้าแอ๋วเหนือคนละครึ่ง
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_809454/
แอ๋วเหนือคนละครึ่ง ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ แต่มาจากกระแส “น้องเอวา เสือตาแป๋ว” ที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ แห่มาชมความน่ารัก ที่แม้แต่นายกฯแพทองธารยังตั้งใจพาลูกไปหลังลงพื้นที่ ครม.สัญจร
แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ด้วยแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ที่คาดว่า จะสามารถสร้างเม็ดเงินในภาคการท่องเที่ยวได้ 10,000 ราย โดยรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 400 บาทต่อคน และผู้ร่วมโครงการต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีก 400 บาทเอง เริ่มเปิดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.- 31 ธ.ค. 2567 ที่ขณะนี้ก็ครบ 1 เดือน แต่สิทธิ์ยังไม่เต็ม สะท้อนว่ายังไม่ตอบโจทย์
และยังอัดฉีดไม่ถูกจุด อีกทั้งยังยุ่งยาก ซ้ำซ้อน ในการใช้จ่าย
โดยผู้ประกอบการโรงแรม ที่เข้าร่วมโครงการ ต่างพูดเป็นเสียงเดียว ว่า ไม่ได้ชอบกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเชียงใหม่ และมาพักที่โรงแรม อยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว จะสงวนสิทธิ์เปิดให้แค่ห้องพักที่มีราคาสูงเท่านั้น ในขณะที่ขั้นตอนการเบิกจ่ายรัฐก็ต้องใช้เวลานานอีกด้วย
โดยล่าสุด ในการประชุม ครม.สัญจร เชียงใหม่-เชียงราย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่า สำหรับโครงการแอ๋วเหนือคนละครึ่งจบแล้ว หลังก่อนหน้าเตรียมเปิดเฟส 2 เพิ่มอีก 2 เท่า หรือ อีก 20,000 สิทธิ์ แต่จะมีมาตรการอื่นๆ ที่จะออกตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ อีกด้วย
ที่อาจบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ช่วยอะไร และมุ่งไปที่กระแส”น้องเอวา เสือโคร่งสีทอง ตาแป๋ว” ขวัญใจของนักท่องเที่ยว ชาวไทยและต่างชาติ ที่เห่มาชมความน่ารัก ที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพราะน้องเอวา มีลักษณะขนนุ่มฟู ดูสะอาด น่ารักน่าเอ็นดู เหมือนน้องแมวขี้อ้อน ที่แม้แต่นายกฯแพทองธาร ตั้งใจพาลูกสาวลูกชาย ไปชมความน่ารักของน้องเอวา ในโอกาสเดินทางมาประชุม ครม. สัญจรเชียงใหม่
ในขณะที่นักท่องเที่ยว ก็มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มารอดูน้องเอวา กับพี่ลูน่า ที่โซนอาณาจักรเสือ Tiger World และแสดงโชว์ในกิจกรรม Tiger Show ทุกวัน
ใต้วิกฤต! น้ำท่วมหนัก ชาวบ้านกวาดซื้อของกิน เกือบเกลี้ยงเชลฟ์ร้านค้า ‘ไข่’ เริ่มขาดตลาด
https://www.matichon.co.th/region/news_4929279
ชาวนราแห่เติมน้ำมันรถ ขณะที่บางส่วนกวาดซื้อของกิน ของตามร้านสะดวกซื้อเริ่มขาดแคลน
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในภาพรวมยังคงมีน้ำท่วมขังกระจายในทุกพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ โดยในพื้นที่ อ.เมืองนั้น มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 7 ตำบล 53 หมู่บ้าน 13 ชุมชน 9,073 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อน 34,401 คน โดยในวันนี้บางพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดประชาชนทยอยออกมาจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมใช้ในครัวเรือน ทั้งของสดและของแห้ง
โดยส่วนหนึ่งนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ออกมาเติมน้ำมัน เพื่อสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และเพื่อเตรียมเดินทางออกนอกพื้นที่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่งมีบุตรหลานเรียนในพื้นที่อื่น ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางไปรับกลับบ้านได้ทั้ง ปัตตานี หาดใหญ่ และพัทลุง
ขณะที่ ไข่ ถือเป็นที่ต้องการของท้องตลาดเนื่องจากประชาชนทุกเพศทุกวัยต่างรับประทานได้ ขณะนี้ภาพรวมนั้นถือว่าไข่เริ่มขาดตลาด เป็นสิ่งของที่ห่ยาก
ส่วนที่ร้านสะดวกซื้อ ข้าวสาร อาหารพร้อมทานเริ่มหมด พนักงานคาดน่าจะอีก 2-3 วัน ถึงจะมีการขนส่งเข้ามา เพราะเส้นทางในการเดินทางมาจังหวัดนราธิวาสนั้นถูกตัดขาดตั้งแต่พื้นที่ของจังหวัดปัตตานี
ยะลาน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 36 ปี ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนย่านเศรษฐกิจ เสียหายยับ
https://siamrath.co.th/n/584289
ยะลาน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 36 ปี ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนย่านเศรษฐกิจ เสียหายยับ
วันนี้ ( 30 พ.ย. 67) จากกรณีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ ก็ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดยะลา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างเร็วเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้า ต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ขณะที่บนถนน พบรถยนต์ จอดติดน้ำท่วมจมมิดกว่า 10 คัน ส่วนวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเนื่องจากสภาพน้ำได้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอีกวันสองวันน้ำคงลดลงทั้งหมด หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำเติม
นาง
กลิ่นมณฑา สมพงษ์ แม่ค้าในพื้นที่ตำบลสะเตงนอก กล่าวว่า ปีนี้หนักสุดในรอบ 36 ปี และหนักกว่าเมื่อปี 2531 ระดับน้ำสูงถึงระดับคอ ท่วมเป็นวงกว้างของย่านเศรษฐกิจการค้า ได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่ปีนี้ น้ำมาเร็วมาก ส่วนการช่วยเหลือยังล่าช้ามาก โดยเฉพาะทางเทศบาลเมืองสะเตงนอก หาเรือแทบไม่ได้ ชาวบ้านจะอพยพออกมา ก็ไม่มีเรือ ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น
ด้าน บรรยกาศทั่วไปในวันนี้นั้น สภาพอากาศก็ยังคงมืดครึมมีฝนตกลงมาเป็นช่วง ๆ แต่ระดับน้ำได้เริ่มลดลง แต่ยังคงไม่หมด มีบางแห่งยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ ประชาชนบางส่วนก็ยังคงสัญจรไปมาไม่สะดวก และชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบจาก ราคาสินค้า ที่มีบางร้านฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปอีก โดยมีไม่หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบ
ด้าน พันตำรวจโท
วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยภายหลังจากที่ได้รับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ได้รับข้อสั่งการและนโยบายโดยมอบหมายให้ศอ.บต.เป็นศูนย์บูรณาการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย จึงได้หารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการร่วมกันบริหารทรัพยากรที่มีความจำเป็นเป็นการเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็น ยานพาหนะ ศูนย์พักพิง อาหาร น้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ทางศอ.บต. ได้รับข้อมูลจากทุกภาคส่วนแล้วพร้อมบูรณาร่วมกับจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำรวจ และภาคส่วนต่าง ๆ เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่จะต้องใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดยะลา ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองยะลา จำนวน 10 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,501 ครัวเรือน 66,004 คน
อ.ยะหา จำนวน 6 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72 ครัวเรือน 360 คน และ อ.บันนังสตา จำนวน 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน 80 คน ส่วนพื้นที่อื่น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ แนวโน้มยังมีฝนตกต่อเนื่อง จังหวัดยะลาได้แจ้งอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความความพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง และได้มีการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางแจ้งเตือนระดับน้ำที่จะลันตลิ่งทั้งแม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำปัตตานีให้ประชาชนทราบเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ชนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลาได้มอบหมายเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
JJNY : 5in1 ปธ.กมธ.ทหารฯ เกาะติด│น้องเอวาช่วยท่องเที่ยว│น้ำท่วมหนัก กวาดซื้อของกิน│ยะลาน้ำท่วมหนักสุด│ผู้นำไต้หวันขอบคุณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4928982
ปธ.กมธ.ทหารฯ เกาะติดช่วยลูกเรือไทย ถูกพม่ายิงเรือประมง ข้องใจ ทำเกินกว่าเหตุ
จากกรณีเรือรบของเมียนมา ใช้อาวุธยิงเรือประมงไทย 3 ลำ ห่างจากเกาะพยามไป 12 ไมล์ทะเล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ขณะโดนน้ำหนี และยังมีผู้บาดเจ็บ รวมถึงเมียนมา ยังได้ยึดเรือ ส.เจริญชัย 8 ซึ่งมีลูกเรือ 31 คน ไปยังเกาะย่านเชือก โดย ศรชล.ภาค 3 ได้ประสานช่วยเหลือแล้วนั้น
ล่าสุด (30 พ.ย.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ได้โพสต์ผ่านแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ ถึงกรณีดังกล่าวว่า
“กรณีนี้ กมธ.ทหาร จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือชาวประมงไทยอย่างเต็มที่ ทราบเบื้องต้นว่า จุดเกิดเหตุนั้นอยู่ในน่านน้ำไทย ห่างจากเกาะพยาม 5 ไมล์ทะเล คงต้องจี้ถามให้ถึงที่สุดว่า เหตุใดเรือรบเมียนมาถึงมายิงเรือประมงไทยในน่านน้ำไทย และจะรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร”
จากนั้น นายวิโรจน์ โพสต์ว่า
“ได้รับรายงานจากอีกแหล่งข่าวหนึ่งว่า จุดเกิดเหตุอาจจะห่างจากเกาะพยาม 12 ไมล์ทะเล และมีความเป็นไปได้ว่าเรือประมงไทยอาจจะล้ำเข้าไป 3 ไมล์ทะเล อย่างไรก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่าง แต่ต่อให้ล้ำจริง การยิงเรือประมง ถ้าเป็นการทำประมงจริงๆ ก็อาจถือว่าเกินกว่าเหตุ”
https://x.com/wirojlak/status/1862744913819181170
https://x.com/wirojlak/status/1862799924682993875
น้องเอวา ช่วยท่องเที่ยวเชียงใหม่ กู้หน้าแอ๋วเหนือคนละครึ่ง
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_809454/
แอ๋วเหนือคนละครึ่ง ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ แต่มาจากกระแส “น้องเอวา เสือตาแป๋ว” ที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ แห่มาชมความน่ารัก ที่แม้แต่นายกฯแพทองธารยังตั้งใจพาลูกไปหลังลงพื้นที่ ครม.สัญจร
แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ด้วยแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ที่คาดว่า จะสามารถสร้างเม็ดเงินในภาคการท่องเที่ยวได้ 10,000 ราย โดยรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 400 บาทต่อคน และผู้ร่วมโครงการต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีก 400 บาทเอง เริ่มเปิดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.- 31 ธ.ค. 2567 ที่ขณะนี้ก็ครบ 1 เดือน แต่สิทธิ์ยังไม่เต็ม สะท้อนว่ายังไม่ตอบโจทย์
และยังอัดฉีดไม่ถูกจุด อีกทั้งยังยุ่งยาก ซ้ำซ้อน ในการใช้จ่าย
โดยผู้ประกอบการโรงแรม ที่เข้าร่วมโครงการ ต่างพูดเป็นเสียงเดียว ว่า ไม่ได้ชอบกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเชียงใหม่ และมาพักที่โรงแรม อยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว จะสงวนสิทธิ์เปิดให้แค่ห้องพักที่มีราคาสูงเท่านั้น ในขณะที่ขั้นตอนการเบิกจ่ายรัฐก็ต้องใช้เวลานานอีกด้วย
โดยล่าสุด ในการประชุม ครม.สัญจร เชียงใหม่-เชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่า สำหรับโครงการแอ๋วเหนือคนละครึ่งจบแล้ว หลังก่อนหน้าเตรียมเปิดเฟส 2 เพิ่มอีก 2 เท่า หรือ อีก 20,000 สิทธิ์ แต่จะมีมาตรการอื่นๆ ที่จะออกตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ อีกด้วย
ที่อาจบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ช่วยอะไร และมุ่งไปที่กระแส”น้องเอวา เสือโคร่งสีทอง ตาแป๋ว” ขวัญใจของนักท่องเที่ยว ชาวไทยและต่างชาติ ที่เห่มาชมความน่ารัก ที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพราะน้องเอวา มีลักษณะขนนุ่มฟู ดูสะอาด น่ารักน่าเอ็นดู เหมือนน้องแมวขี้อ้อน ที่แม้แต่นายกฯแพทองธาร ตั้งใจพาลูกสาวลูกชาย ไปชมความน่ารักของน้องเอวา ในโอกาสเดินทางมาประชุม ครม. สัญจรเชียงใหม่
ในขณะที่นักท่องเที่ยว ก็มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มารอดูน้องเอวา กับพี่ลูน่า ที่โซนอาณาจักรเสือ Tiger World และแสดงโชว์ในกิจกรรม Tiger Show ทุกวัน
ใต้วิกฤต! น้ำท่วมหนัก ชาวบ้านกวาดซื้อของกิน เกือบเกลี้ยงเชลฟ์ร้านค้า ‘ไข่’ เริ่มขาดตลาด
https://www.matichon.co.th/region/news_4929279
ชาวนราแห่เติมน้ำมันรถ ขณะที่บางส่วนกวาดซื้อของกิน ของตามร้านสะดวกซื้อเริ่มขาดแคลน
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในภาพรวมยังคงมีน้ำท่วมขังกระจายในทุกพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ โดยในพื้นที่ อ.เมืองนั้น มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 7 ตำบล 53 หมู่บ้าน 13 ชุมชน 9,073 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อน 34,401 คน โดยในวันนี้บางพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดประชาชนทยอยออกมาจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมใช้ในครัวเรือน ทั้งของสดและของแห้ง
โดยส่วนหนึ่งนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ออกมาเติมน้ำมัน เพื่อสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และเพื่อเตรียมเดินทางออกนอกพื้นที่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่งมีบุตรหลานเรียนในพื้นที่อื่น ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางไปรับกลับบ้านได้ทั้ง ปัตตานี หาดใหญ่ และพัทลุง
ขณะที่ ไข่ ถือเป็นที่ต้องการของท้องตลาดเนื่องจากประชาชนทุกเพศทุกวัยต่างรับประทานได้ ขณะนี้ภาพรวมนั้นถือว่าไข่เริ่มขาดตลาด เป็นสิ่งของที่ห่ยาก
ส่วนที่ร้านสะดวกซื้อ ข้าวสาร อาหารพร้อมทานเริ่มหมด พนักงานคาดน่าจะอีก 2-3 วัน ถึงจะมีการขนส่งเข้ามา เพราะเส้นทางในการเดินทางมาจังหวัดนราธิวาสนั้นถูกตัดขาดตั้งแต่พื้นที่ของจังหวัดปัตตานี
ยะลาน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 36 ปี ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนย่านเศรษฐกิจ เสียหายยับ
https://siamrath.co.th/n/584289
ยะลาน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 36 ปี ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนย่านเศรษฐกิจ เสียหายยับ
วันนี้ ( 30 พ.ย. 67) จากกรณีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ ก็ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดยะลา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างเร็วเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้า ต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ขณะที่บนถนน พบรถยนต์ จอดติดน้ำท่วมจมมิดกว่า 10 คัน ส่วนวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเนื่องจากสภาพน้ำได้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอีกวันสองวันน้ำคงลดลงทั้งหมด หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำเติม
นางกลิ่นมณฑา สมพงษ์ แม่ค้าในพื้นที่ตำบลสะเตงนอก กล่าวว่า ปีนี้หนักสุดในรอบ 36 ปี และหนักกว่าเมื่อปี 2531 ระดับน้ำสูงถึงระดับคอ ท่วมเป็นวงกว้างของย่านเศรษฐกิจการค้า ได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่ปีนี้ น้ำมาเร็วมาก ส่วนการช่วยเหลือยังล่าช้ามาก โดยเฉพาะทางเทศบาลเมืองสะเตงนอก หาเรือแทบไม่ได้ ชาวบ้านจะอพยพออกมา ก็ไม่มีเรือ ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น
ด้าน บรรยกาศทั่วไปในวันนี้นั้น สภาพอากาศก็ยังคงมืดครึมมีฝนตกลงมาเป็นช่วง ๆ แต่ระดับน้ำได้เริ่มลดลง แต่ยังคงไม่หมด มีบางแห่งยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ ประชาชนบางส่วนก็ยังคงสัญจรไปมาไม่สะดวก และชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบจาก ราคาสินค้า ที่มีบางร้านฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปอีก โดยมีไม่หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบ
ด้าน พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยภายหลังจากที่ได้รับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ได้รับข้อสั่งการและนโยบายโดยมอบหมายให้ศอ.บต.เป็นศูนย์บูรณาการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย จึงได้หารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการร่วมกันบริหารทรัพยากรที่มีความจำเป็นเป็นการเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็น ยานพาหนะ ศูนย์พักพิง อาหาร น้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ทางศอ.บต. ได้รับข้อมูลจากทุกภาคส่วนแล้วพร้อมบูรณาร่วมกับจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำรวจ และภาคส่วนต่าง ๆ เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่จะต้องใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดยะลา ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองยะลา จำนวน 10 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,501 ครัวเรือน 66,004 คน
อ.ยะหา จำนวน 6 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72 ครัวเรือน 360 คน และ อ.บันนังสตา จำนวน 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน 80 คน ส่วนพื้นที่อื่น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ แนวโน้มยังมีฝนตกต่อเนื่อง จังหวัดยะลาได้แจ้งอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความความพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง และได้มีการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางแจ้งเตือนระดับน้ำที่จะลันตลิ่งทั้งแม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำปัตตานีให้ประชาชนทราบเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ชนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลาได้มอบหมายเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง