สรุปข่าว
- ข้อกำหนดห้ามแข่งขันและห้ามฟ้องร้องถูกบังคับใช้กับพนักงานทั่วไป
- ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์: "ไร้มนุษยธรรม เป็นเครื่องมือกดขี่พนักงาน"
- เรื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อนแม้แต่ในวงการบันเทิง
ผู้สื่อข่าว อี ซอน-มยอง รายงานว่า HYBE ซึ่งถูกรับรองว่าเป็น "บริษัทชั้นนำ" กำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการกำหนดข้อจำกัดที่มากเกินไปสำหรับอดีตพนักงาน ผ่านเงื่อนไขห้ามแข่งขันและข้อตกลงห้ามฟ้องร้อง
โดยในรายงานระบุว่า HYBE บังคับให้อดีตพนักงาน รวมถึงพนักงานจากบริษัทในเครืออย่าง ADOR ต้องลงนามในข้อตกลงที่มีเงื่อนไขห้ามแข่งขัน โดยมีข้อกำหนดที่ว่า:
1. ห้ามทำงานหรือร่วมมือกับคู่แข่งหรือธุรกิจลักษณะเดียวกันเป็นเวลา 1 ปีหลังลาออก
2. ห้ามก่อตั้งหรือดำเนินธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายกันหรือเป็นคู่แข่งเป็นเวลา 1 ปีหลังลาออก
ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ หมายความว่า อดีตพนักงานของ HYBE จะถูกจำกัดไม่ให้ทำงานในวงการบันเทิงหรืออุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงได้เลย ซึ่งข้อตกลงนี้ได้รับการลงนามโดย คิม จูยอง CEO คนปัจจุบันของ ADOR ซึ่งก็ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) ของ HYBE ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ข้อตกลงเหล่านี้ไม่สามารถบังคับใช้ตามกฎหมายได้ ในกรณีที่พนักงานทั่วไปไม่ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการละเมิดเสรีภาพในการเลือกอาชีพทำงานของบุคคลที่มากเกินไป”
โดยทั่วไป ข้อกำหนดห้ามแข่งขันนั้น มักจะใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับทางเทคโนโลยี แต่การนำข้อกำหนดลักษณะแบบนี้มาใช้ในวงการบันเทิงของ HYBE นั้น ได้สร้างความกังวลเป็นอย่างมากว่า เป็นการลิดรอนสิทธิที่มากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบันเทิงชี้ว่า “ข้อตกลงเกี่ยวกับการรักษาความลับหรือลิขสิทธิ์นั้นถือเป็นเรื่องปกติในบางตำแหน่ง แต่การบังคับใช้ข้อตกลงห้ามแข่งขันกับพนักงานทั่วไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการบันเทิง”
ที่ปรึกษาด้านแรงงานที่ไม่ประสงค์ออกนามให้ความเห็นว่า “ข้อตกลงเหล่านี้ไร้สาระ ไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย และเป็นการสิ้นเปลืองกระดาษ เป็นการกดดันพนักงานโดยไม่ยุติธรรมและละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการเลือกอาชีพการทำงานของบุคคล”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า HYBE ยังบังคับให้อดีตพนักงานบางรายต้องลงนามในข้อตกลง "ห้ามฟ้องร้อง" ซึ่งป้องกันไม่ให้อดีตพนักงานฟ้องร้องในกรณีที่เกิดปัญหาใดๆ ระหว่างการทำงาน
สำหรับกรณีการจัดเก็บเอกสาร HYBE ได้ระบุว่ามีการกำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูลที่เป็นถาวร ซึ่งส่วนนี้ ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ระบุว่า “ข้อมูลต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลา 3 ปีหลังการลาออกของพนักงาน และจะต้องทำลายทิ้งภายใน 5 วันหลังครบกำหนด”
โดยในเรื่องนี้ HYBE ได้ชี้แจงว่า “เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการลาออกจะผ่านการตรวจสอบทางกฎหมายและดำเนินการในระดับที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรม เงื่อนไขห้ามแข่งขันมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานเข้าร่วมธุรกิจที่อาจเป็นภัยต่อความลับทางการค้า โดยพิจารณาจากลักษณะงานที่สร้างสรรค์และเน้นเนื้อหาในด้านอุตสาหกรรมนี้”
นอกจากนี้ HYBE ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า "ข้อตกลงห้ามฟ้องร้องเป็นการยืนยันว่าทรัพย์สินของบริษัทที่ใช้หรือสร้างขึ้นระหว่างการทำงานเป็นทรัพย์สินของบริษัท และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคดีความที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในช่วงเวลาทำงาน"
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1859553843853525432?t=umRWSq1tkoWNwXDSjAD_Og&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี:
https://m.entertain.naver.com/article/144/0001002319
HYBE ถูกวิจารณ์หนัก! ปมข้อตกลงที่ผิดกฎหมายฯ ผู้เชี่ยวชาญชี้ละเมิดสิทธิ
- ข้อกำหนดห้ามแข่งขันและห้ามฟ้องร้องถูกบังคับใช้กับพนักงานทั่วไป
- ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์: "ไร้มนุษยธรรม เป็นเครื่องมือกดขี่พนักงาน"
- เรื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อนแม้แต่ในวงการบันเทิง
ผู้สื่อข่าว อี ซอน-มยอง รายงานว่า HYBE ซึ่งถูกรับรองว่าเป็น "บริษัทชั้นนำ" กำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการกำหนดข้อจำกัดที่มากเกินไปสำหรับอดีตพนักงาน ผ่านเงื่อนไขห้ามแข่งขันและข้อตกลงห้ามฟ้องร้อง
โดยในรายงานระบุว่า HYBE บังคับให้อดีตพนักงาน รวมถึงพนักงานจากบริษัทในเครืออย่าง ADOR ต้องลงนามในข้อตกลงที่มีเงื่อนไขห้ามแข่งขัน โดยมีข้อกำหนดที่ว่า:
1. ห้ามทำงานหรือร่วมมือกับคู่แข่งหรือธุรกิจลักษณะเดียวกันเป็นเวลา 1 ปีหลังลาออก
2. ห้ามก่อตั้งหรือดำเนินธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายกันหรือเป็นคู่แข่งเป็นเวลา 1 ปีหลังลาออก
ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ หมายความว่า อดีตพนักงานของ HYBE จะถูกจำกัดไม่ให้ทำงานในวงการบันเทิงหรืออุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงได้เลย ซึ่งข้อตกลงนี้ได้รับการลงนามโดย คิม จูยอง CEO คนปัจจุบันของ ADOR ซึ่งก็ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) ของ HYBE ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ข้อตกลงเหล่านี้ไม่สามารถบังคับใช้ตามกฎหมายได้ ในกรณีที่พนักงานทั่วไปไม่ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการละเมิดเสรีภาพในการเลือกอาชีพทำงานของบุคคลที่มากเกินไป”
โดยทั่วไป ข้อกำหนดห้ามแข่งขันนั้น มักจะใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับทางเทคโนโลยี แต่การนำข้อกำหนดลักษณะแบบนี้มาใช้ในวงการบันเทิงของ HYBE นั้น ได้สร้างความกังวลเป็นอย่างมากว่า เป็นการลิดรอนสิทธิที่มากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบันเทิงชี้ว่า “ข้อตกลงเกี่ยวกับการรักษาความลับหรือลิขสิทธิ์นั้นถือเป็นเรื่องปกติในบางตำแหน่ง แต่การบังคับใช้ข้อตกลงห้ามแข่งขันกับพนักงานทั่วไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการบันเทิง”
ที่ปรึกษาด้านแรงงานที่ไม่ประสงค์ออกนามให้ความเห็นว่า “ข้อตกลงเหล่านี้ไร้สาระ ไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย และเป็นการสิ้นเปลืองกระดาษ เป็นการกดดันพนักงานโดยไม่ยุติธรรมและละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการเลือกอาชีพการทำงานของบุคคล”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า HYBE ยังบังคับให้อดีตพนักงานบางรายต้องลงนามในข้อตกลง "ห้ามฟ้องร้อง" ซึ่งป้องกันไม่ให้อดีตพนักงานฟ้องร้องในกรณีที่เกิดปัญหาใดๆ ระหว่างการทำงาน
สำหรับกรณีการจัดเก็บเอกสาร HYBE ได้ระบุว่ามีการกำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูลที่เป็นถาวร ซึ่งส่วนนี้ ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ระบุว่า “ข้อมูลต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลา 3 ปีหลังการลาออกของพนักงาน และจะต้องทำลายทิ้งภายใน 5 วันหลังครบกำหนด”
โดยในเรื่องนี้ HYBE ได้ชี้แจงว่า “เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการลาออกจะผ่านการตรวจสอบทางกฎหมายและดำเนินการในระดับที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรม เงื่อนไขห้ามแข่งขันมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานเข้าร่วมธุรกิจที่อาจเป็นภัยต่อความลับทางการค้า โดยพิจารณาจากลักษณะงานที่สร้างสรรค์และเน้นเนื้อหาในด้านอุตสาหกรรมนี้”
นอกจากนี้ HYBE ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า "ข้อตกลงห้ามฟ้องร้องเป็นการยืนยันว่าทรัพย์สินของบริษัทที่ใช้หรือสร้างขึ้นระหว่างการทำงานเป็นทรัพย์สินของบริษัท และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคดีความที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในช่วงเวลาทำงาน"
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1859553843853525432?t=umRWSq1tkoWNwXDSjAD_Og&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี: https://m.entertain.naver.com/article/144/0001002319